บทความทั้งหมด

ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม 370x277

ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ? หลังฉีดมีอาการอะไรบ้าง ? ควรดูแลตัวเองอย่างไร ?

Categories
filler
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม

ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ? หลายคนใฝ่ฝันอยากฉีดปากกระจับ เติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่มน่าจุ๊บ แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บหลังฉีด Filler ปาก กลัวจะรู้สึกไม่สบายตัวในระหว่างและหลังการฉีด

ในบทความนี้ หมอจึงจะพาไปทำความเข้าใจถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างไร ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีครับ

สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม


ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ?

ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บมั้ย ?

การฉีดฟิลเลอร์ปากอาจจะมีเจ็บบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่ทนได้ครับ เพราะปากเป็นจุดที่เนื้ออ่อนและบอบบางทำให้ไวต่อความรู้สึก

โดยระดับความเจ็บปวดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจรู้สึกแค่เพียงตึง ๆ หรือไม่รู้สึกเจ็บเลย ขณะที่บางคนอาจรู้สึกเจ็บปวดมากกว่า ขึ้นอยู่กับความไวของเส้นประสาท และตำแหน่งที่ฉีด


ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก มีทายาชาหรือไม่ ?

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ทางคลินิกจะมีการทายาชา หรือใช้ยาชาแบบฉีด เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการทำครับ

นอกจากนี้ในตัวฟิลเลอร์ที่ฉีดบางยี่ห้อ/รุ่น ส่วนมากเป็นรูปแบบที่ผสมยาชามาเรียบร้อยแล้ว ทำให้ขณะที่แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ปากจึงรู้สึกสบาย ไม่เจ็บ หรือเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงไหน ให้ความรู้สึกเจ็บมากที่สุด ?

การฉีดฟิลเลอร์ปากแต่ละทรงจะมีความเจ็บปวดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เทคนิคการฉีด, จุดที่ฉีด, ชนิดของฟิลเลอร์, ประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำการฉีด และความทนทานต่อความเจ็บของแต่ละคน จึงไม่มีทรงปากใดที่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าเจ็บที่สุดครับ

ฉีดปากสายฝอ กับ ยกมุมฉีดปากเกาหลี เลือกทรงไหนดี

โดยทั่วไปการฉีดปากในจุดที่มีเส้นประสาทมาก หรือการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมาก เพื่อให้ได้ทรงปากที่ชัดเจน อาจมีความรู้สึกเจ็บมากกว่าทรงอื่น ๆ เล็กน้อย เช่น ทรงปากสายฝอที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มปากให้อวบอิ่ม หรือทรงปากที่มีการฉีดในบริเวณกลางปากหรือมุมปาก

ก่อนฉีดแพทย์จะช่วยประเมินสภาพผิว และให้คำแนะนำเกี่ยวกับทรงปากที่เหมาะสมกับใบหน้า รวมถึงวิธีการลดความเจ็บปวดขณะฉีด


ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีอาการเจ็บกี่วัน ?

ระยะเวลาในการฟื้นตัวและหายเจ็บหลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หมอเรียงอาการตามไทม์ไลน์ดังนี้ครับ

  • วันแรกหลังการฉีด : คนไข้อาจมีอาการปวด บวม และแดงบริเวณที่ฉีด อาจรู้สึกเจ็บ หรือตึง ๆ ปากเล็กน้อยเมื่อขยับปาก
  • วันที่ 2-3 หลังฉีด : อาการบวมจากเข็ม บวมฟิลเลอร์จะค่อย ๆ ลดลง แต่อาจยังคงมีอยู่บ้าง
  • วันที่ 4-7 หลังฉีด : อาการบวม หรือช้ำ จะหายไปเกือบหมดครับ ยกเว้นในเคสใช้ปริมาณฟิลเลอร์มาก ๆ อาจจะยังรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยเมื่อสัมผัสบริเวณที่ฉีด
  • สัปดาห์ที่ 2 หลังฉีด : ฟิลเลอร์จะเข้าที่ ริมฝีปากกลับสู่สภาพปกติแบบไม่เจ็บ หรือปวด

ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีอาการบวมกี่วัน ?

ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ เจ็บไหม บวมกี่วัน?

ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน หลังฉีด Filler ปาก ใน 2-3 วันแรก อาจมีรอยบวมแดงบริเวณที่ฉีด หรือรู้สึกเจ็บจากอาการบวมเป็นเรื่องปกติ หายได้เอง และค่อย ๆ ยุบลงใน 4-5 วัน

หลังจากนั้นเนื้อฟิลเลอร์จะเข้าที่ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์

ตัวอย่างรีวิวฟิลเลอร์ปาก

รีวิวฉีดปากกระจับ(
รีวิวฉีดปากกระจับ(

หลังฉีด Filler ปาก สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ปากอวบอิ่ม ชุ่มชื้นและเป็นทรงสวยมากขึ้น


ทำไมหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีความรู้สึกเจ็บ ?

ความรู้สึกเจ็บหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน โดยหลัก ๆ มาจากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • การฉีดเข้าไปในเนื้อเยื่อ : การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการใช้สารไฮยาลูรอนฉีดเข้าไปในเนื้อเยื่อ เข็มที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์จะแทงเข้าไปในเนื้อเยื่อของริมฝีปาก ซึ่งเป็นการกระตุ้นเส้นประสาทและทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด
  • อาการบวมเข็ม : ร่างกายอาจมีปฏิกิริยาต่อฟิลเลอร์ ส่งผลให้เกิดการบวม อักเสบ และความรู้สึกไม่สบาย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือตึงได้
  • การขยายตัวของเนื้อเยื่อ : ฟิลเลอร์จะเพิ่มวอลลุ่มให้กับริมฝีปาก ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นขยายตัว ซึ่งอาจกดทับเส้นประสาทและทำให้รู้สึกเจ็บได้
  • เทคนิคการฉีด : เทคนิคการฉีดของแพทย์มีผลต่อระดับความเจ็บปวดครับ ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ไหนดี ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง จะสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างแม่นยำ และลดความเจ็บปวดได้มากขึ้น
  • ชนิดของฟิลเลอร์ : ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความหนืดแตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อระดับความเจ็บปวดและอาการข้างเคียงได้
  • ปริมาณฟิลเลอร์ : การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดความเจ็บปวด และบวมได้มากกว่าการฉีดในปริมาณน้อย

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อลดอาการเจ็บ

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก คนไข้ควรดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดอาการบวม ทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้น หายเจ็บไวขึ้นครับ

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากลดอาการเจ็บ
  • ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ และช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู อยู่ได้นานขึ้น
  • ควรรับประทานอาหารและเครื่องดื่มอุณหภูมิปกติ เลี่ยงของร้อน ๆ เพราะอาจทำให้ปากเกิดอาการบวม
  • ใน 12 ชั่วโมงแรกควรงดใช้หลอดดูดน้ำ งดทาลิปสติก และงดสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด ไม่จับ บีบ นวดบริเวณริมฝีปาก เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและลดความเจ็บปวดได้
  • ไม่ควรดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะเป็นการทำลายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามกินอะไร ? เพื่อป้องกันผลข้างเคียง

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่ได้ดีและไม่มีผลข้างเคียง คนไข้ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มบางประเภท

เช่น อาหารหมักดอง อาหารรสจัด โซเดียมสูง อาหารร้อน ปิ้งย่าง ชาบู อาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หมอแนะนำให้งดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ครับ

อาหารที่ห้ามกินหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเจ็บแบบไหน ควรรีบพบแพทย์ ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากแล้ว หากมีอาการเจ็บปวดหรืออาการผิดปกติต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ทันทีครับ

  • เจ็บปวดอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ความเจ็บปวดไม่ทุเลาลงหลังจากรับประทานยาแก้ปวด หรือมีอาการเจ็บปวดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • บวมมากผิดปกติ มีอาการบวมที่มากเกินไป หรือบวมจนผิดรูปทรงปาก
  • มีเลือดออกมาก เลือดไหลไม่หยุด
  • มีรอยช้ำขนาดใหญ่ รอยช้ำลุกลาม หรือมีสีเขียวช้ำผิดปกติ
  • มีอาการติดเชื้อ เช่น มีหนอง มีไข้ มีอาการบวมแดงร้อน หรือมีอาการปวดบวมบริเวณที่ฉีด
  • มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ เช่น มีผื่นคัน หายใจลำบาก

หากคนไข้มีอาการเหล่านี้หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนครับ อย่าปล่อยปละละเลยอาการผิดปกติ เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้


สรุปเรื่องฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บมาก-น้อยแค่ไหน ?

อาการเจ็บหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นเรื่องปกติ แต่ระดับความเจ็บปวดมาก-น้อยแค่ไหนนั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นกับหลายปัจจัย ก่อนทำหมอจะมีการแปะยาชา ช่วยบรรเทาความเจ็บ อีกทั้งในตัวฟิลเลอร์บางรุ่นเองก็มียาชาผสมอยู่แล้วด้วย ทำให้ขณะฉีดคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บมาก ดังนั้นสบายใจได้ครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ปกJuvederm volite(1)

Juvederm volite ดีอย่างไร เหมาะกับการฉีดตำแหน่งไหน? กี่วันเห็นผล?

Categories
filler
ปกJuvederm volite

เจาะลึกฟิลเลอร์ Juvederm Volite

ฟิลเลอร์ Juvederm Volite คือหนึ่งในรุ่นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกาแบรนด์ดังอย่าง Juvederm ที่หลาย ๆคนคุ้นชื่อ และมีฟิลเลอร์ Juvederm Volite รีวิวตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก

ในบทความนี้ หมอจะแนะนำให้รู้จัก Juvederm Volite แบบเจาะลึก ว่าคืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ? นิยมฉีดจุดไหน ? ฉีด Juvederm Volite ใต้ตาได้ไหม ? เหมาะกับใคร ? กี่วันเห็นผล ? และข้อมูลที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ครับ

Juvederm volite

สารบัญ Juvederm Volite


Juvederm Volite คืออะไร ?

Juvederm Volite คือสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic acid (HA) ผลิตโดยบริษัท Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก US-FDA รวมถึงอย.ไทย เป็นที่เรียบร้อยครับ

Juvederm Volite ผลิตด้วยเทคโนโลยี Vycross ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะในฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm เนื้อเจลของ Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีการยึดเกาะของโมเลกุลสูง ทำให้ฉีดแล้วมีความเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ บวมน้อย หลังฉีดสามารถคงผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 8-12 เดือนครับ

ด้วยความที่ Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ไม่เป็นก้อน จึงนิยมใช้ฉีดเพื่อบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว เพิ่มความยืดหยุ่น เต่งตึง เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป และยังนิยมใช้ฉีดใต้ตาชั้นตื้น ช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา ลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตาครับ


Juvederm Volite ดีอย่างไร ?

  • ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เรียบเนียน ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน
  • มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน เติมน้ำให้ผิว
  • ช่วยกระชับรูขุมขน ลดปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวหน้าดูเนียนเรียบมากขึ้น
  • สามารถฉีดเพื่อเติมเต็มหลุมสิว ฉีดแล้วเรียบเนียนไปกับผิว
  • ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต
  • สามารถฉีดบริเวณลำคอ หลังมือ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ดูเรียบเนียนเต่งตึงขึ้นได้

Juvederm Volite เหมาะกับใคร ?

  • เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง มีหลุมสิว
  • เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มคุณภาพผิว ต้องการให้ผิวใสฉ่ำวาว อิ่มน้ำ
  • เหมาะกับคนที่ต้องการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
  • เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดริ้วรอยเล็ก ๆ
  • เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวคอ หลังมือ เหี่ยวย่น

Juvederm Volite ต่างจาก Skin Booster ทั่วไปอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Skin booster หรือฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภท HA เข้าไปในผิวชั้นตื้น เพื่อเพิ่มช่วยเก็บกักน้ำให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ผิวจึงดูฉ่ำวาว อิ่มฟูสวย ดูสุขภาพดีขึ้นได้ครับ

โดยคุณสมบัติของ Filler skin booster ควรเป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเล็ก ที่มีเนื้อละเอียด บางเบา กลืนไปกับผิวได้ครับ ซึ่งฟิลเลอร์รุ่นที่มีคุณสมบัติดังที่กล่าวข้างต้นมีผลิตออกมาหลายยี่ห้อครับ ในการเลือกใช้แพทย์จะต้องประเมินจากสภาพผิว ชั้นผิวของคนไข้ รวมถึงงบประมาณด้วยครับ

ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว รุ่นที่นิยมใช้

  • Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด หนืดกว่ารุ่น Restylane Vital light เล็กน้อย เหมาะกับการให้ความชุ่มชื้นในผิว ในคนที่มีผิวบางไม่มากเกินไป อยู่ได้ 8-12 เดือน
  • Restylane Vital light ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดที่สุด บางเบา เหมาะกับคนที่มีผิวบาง อยู่ได้ 6-12 เดือน
  • Belotero Revive ฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบเป็น HA + Glycerol เน้นการเพิ่มความชุ่มชื้น ดูเงาเป็นผิวกระจก (Glass skin) นอกจากนี้ยังช่วยลดเม็ดสีผิว ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสอีกด้วย อยู่ได้ 6-9 เดือน

Juvederm Volite ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร ?

Juvederm Volite ต่างจากฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นอื่นอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Juvederm Volite เป็นหนึ่งในรุ่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งฟิลเลอร์ Juvederm มีผลิตออกมาหลายรุ่น เนื้อฟิลเลอร์แต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกัน ตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตฟิลเลอร์และความเข้มข้นของโมเลกุล HA ครับ

ฟิลเลอร์ Juvederm ดีไหม ? มีกี่รุ่น ? แต่ละรุ่นเหมาะฉีดจุดไหนบ้าง ?

จุดเด่นของฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละรุ่น

  • Juvederm Volite มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา บำรุงผิวชุ่มชื้น (Skin booster) อยู่ได้ 8-12 เดือน
  • Juvederm Ultra Plus มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เก็บกักน้ำได้ดี จึงฉีดแล้วฟูมากทำให้เต็มสวย ทนต่อการขยับ เหมาะสำหรับฉีดขมับ ปาก ร่องแก้ม อยู่ได้ 12 เดือน
  • Juvederm Voluma มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งและฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับ เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา คาง ขมับ ปาก ร่องแก้ม อยู่ได้ 18 เดือน
  • Juvederm Volbella มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่มีความละเอียดมากที่สุด เหมาะสำหรับฉีดหน้าผาก อยู่ได้ 12 เดือน
  • Juvederm Volift มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความละเอียดมากกว่ารุ่น Ultra plus เหมาะกับคนผิวบางเหมาะสำหรับฉีดปาก แก้มตอบ มุมปาก ร่องแก้ม หว่างคิ้ว อยู่ได้ 12 เดือน
  • Juvederm Volux เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง คงรูปได้ดี อยู่ได้นานที่สุด เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา คาง ขมับ ร่องแก้มชั้นลึก อยู่ได้ 18-24 เดือน
เทคโนโลยีผลิต Juvederm

Juvederm Volite ต่างจากฟิลเลอร์ Restylane อย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Restylane เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน มีเทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ชื่อว่า NASHA™ และ OBT™ และมีให้เลือกใช้หลายรุ่น ทั้งฟิลเลอร์รุ่นที่มีความคงตัว ปรับทรงง่าย ใช้ฉีดเสริมกระดูกได้ดี และฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่น เรียบเนียนไม่เป็นก้อนครับ

จุดเด่นของฟิลเลอร์ Restylane แต่ละรุ่น

  • Restylane Perlane lyft มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีด ใต้ตา จมูก คาง อยู่ได้ 12 เดือน
  • Restylane Volyme มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ใช้เติมชั้นผิวให้อิ่มฟูขึ้น เหมาะสำหรับฉีด ปาก แก้มตอบ มุมปาก ร่องแก้ม อยู่ได้ 18 เดือน
  • Restylane Defyne มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เนื้อเจลมีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นสูง ใช้ฉีดกระดูกที่ยุบตัวในผิวชั้นลึก เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา ปาก อยู่ได้ 18 เดือน
  • Restylane Refyne มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีลักษณะยืดหยุ่น ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยลึกที่เกิดจากการยิ้ม เน้นการเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ เหมาะสำหรับฉีดปาก ร่องแก้ม มุมปาก อยู่ได้ 12 เดือน
  • Restylane vital light มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เจลอนุภาคเล็ก แก้ไขจุดที่มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมาะสำหรับฉีดเก็บรายละเอียดใต้ตาในผิวชั้นตื้น ปาก บำรุงผิวชุ่มชื้น (Skin booster) อยู่ได้ 6-12 เดือน
  • Restylane vital มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย มีคุณสมบัติในเรื่องของการปรับความชุ่มชื้นผิวได้เป็นอย่างดี ให้ผลเรียนเนียนเป็นธรรมชาติ อยู่ได้ 12 เดือน
  • Restylane classic มีส่วนผสมของยาชา ออกแบบมาสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก ใช้เก็บรายละเอียดใต้ตาในผิวชั้นลึกสำหรับคนผิวบาง อยู่ได้ 12 เดือน
  • Restylane kysse มีส่วนผสมของยาชา ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัว สร้างขอบริมฝีปากที่ชัดเจนให้ความชุ่มชื้นและความอวบอิ่ม ออกแบบมาสำหรับใช้เติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ อยู่ได้ 12 เดือน

Juvederm Volite ต่างจากฟิลเลอร์ Belotero อย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ที่ทำให้โมเลกุลของ HA มีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ มีความยืดหยุ่นสูง และยังมีรุ่นที่มีส่วนผสมของ Glycerol เพิ่มคุณสมบัติการอุ้มน้ำได้มากขึ้น

จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero แต่ละรุ่น

  • Belotero intense มีส่วนผสมของยาชา มีความยืดหยุ่นสูง มีจุดเด่นในการใช้แก้ปัญหาร่องลึกมาก ๆ จากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนังและจากการเสื่อมสภาพตามวัย เช่น ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เติมแก้มตอบ อยู่ได้ 18 เดือน
  • Belotero volume มีส่วนผสมของยาชา มีความยืดหยุ่นและคงตัว มีจุดเด่นคือสามารถใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตา แก้ปัญหาใบหน้าตอบ จากสาเหตุการทรุดตัวของกระดูก และสามารถฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก เพื่อให้โครงสร้างใบหน้าได้สัดส่วน ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น นิยมใช้เพื่อปรับรูปหน้า คาง โหนกแก้ม อยู่ได้ 18 เดือน
  • Belotero Soft มีส่วนผสมของยาชา เนื้อละเอียด มีจุดเด่นคือมีโมเลกุลเล็ก สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี เหมาะสำหรับแก้ไขริ้วรอยบนผิวชั้นนอก แก้ปัญหาใต้ตา อยู่ได้ 6-12 เดือน
  • Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์ที่มี HA + Glycerol มีจุดเด่นในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ผิวจะดูฉ่ำวาว เนียนใส อยู่ได้ 6-9 เดือน

Juvederm Volite ต่างจากฟิลเลอร์ Definisse อย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Definisse เป็นฟิลเลอร์จากอิตาลี ที่ใช้เทคโนโลยี XTR™ Technology (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) เน้นการใช้ฉีดยกพยุงหน้าที่หย่อนคล้อยและปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดี บวมน้อยครับ

จุดเด่นของฟิลเลอร์ Definisse แต่ละรุ่น

  • Definisse Restore ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม แต่มีความแข็งปานกลาง เหมาะกับการเติมริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยหย่อนคล้อยตามวัย สามารถใช้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เติมร่องแก้ม ร่องมุมปากได้ อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Definisse Core ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เหมาะกับการเสริมกระดูก ปรับรูปหน้า เติม mid-face สามารถใช้ฉีดฟิลเลอร์คาง หรือกรอบหน้าได้ อยู่ได้ 18 เดือน
  • Definisse Touch ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เนียนละเอียด ขึ้นรูปได้ดี เหมาะฉีดตำแหน่ง ใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ปาก อยู่ได้นาน 8-12 เดือน

Juvederm Volite ต่างจากฟิลเลอร์ Neuramis อย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Neuramis เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า SHAPE (Stabilized Hyaluronic Acid & Purification Enhacement) เนื้อฟิลเลอร์ที่ผลิตได้จะมีจุดเด่นเรื่องความคงตัว หนืดปานกลาง เด่นเรื่องการฉีดปรับรูปหน้าและเติมร่องลึก ราคาถูกกว่าฟิลเลอร์ที่มาจากฝั่งยุโรปหรืออเมริกาครับ

  • Neuramis Deep ไม่มียาชาผสม เนื้อเจลหนืดปานกลาง อิ่มฟู ขึ้นรูปได้ง่าย สามารถนำมาใช้เติมเต็มร่องลึกบนใบหน้าได้หลายจุด
  • Neuramis Deep Lidocaine มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลหนืดปานกลาง อิ่มฟู เหมาะกับการฉีดคาง ร่องแก้ม ขมับ แก้มส้ม แก้มตอบ อยู่ได้ 6-9 เดือน
  • Neuramis Volume Lidocaine มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลหนืดที่สุดในทุกรุ่นที่มี มีความยืดหยุ่น คงตัวได้ดี สามารถนำมาใช้เติมเต็มปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก เหมาะกับการฉีดบริเวณคาง ร่องแก้ม ขมับ แก้มส้ม แก้มตอบ อยู่ได้ 6-8 เดือน
เนื้อฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ
ฟิลเลอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ จะมีเนื้อเจลที่แตกต่างกัน

ใช้ Juvederm Volite ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ?

ในการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นตามปัญหาและจุดที่คนไข้มีความกังวลได้ ไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหม, ฉีดโบท็อก, ฉีดเมโส, ฉีด Collagen Biostimulators, Hifu, Ulthera และ Thermage ก็สามารถทำได้ครับ ซึ่งในการวางแผนทำหัตถการอะไรก่อน – หลัง ควรปรึกษาและเข้ารับการตรวจประเมินจากแพทย์ก่อน แพทย์จะเป็นผู้เรียงลำดับหัตถการตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุดครับ


Juvederm Volite ผ่านอย.ไหม ?

ฟิลเลอร์ Juvederm Volite ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.ไทย) เป็นที่เรียบร้อยครับ หากใช้ฟิลเลอร์ของแท้และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าตัวยามีความปลอดภัย สามารถสลายได้เอง ไม่มีสารตกค้างครับ

นอกจากฟิลเลอร์ Juvederm Volite แล้ว ฟิลเลอร์ที่ผ่านอย. ในไทย อัปเดตปี 2025 มีดังต่อไปนี้

  • ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Juvederm Ultra Plus, Juvederm Volite, Juvederm Voluma, Juvederm Volift, Juvederm Volbella, Juvederm Volux
  • ฟิลเลอร์ Belotero รุ่น Belotero Intense, Belotero Volume, Belotero Revive
  • ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Restylane Classic, Restylane Perlane Lyft, Restylane Vital, Restylane Vital Light, Restylane Refyne, Restylane Defyne, Restylane Volyme, Restylane Kysse
  • ฟิลเลอร์ Neuramis รุ่น Neuramis Deep Classic, Neuramis Deep Lidocaine, Neuramis Volume Lidocaine
  • ฟิลเลอร์ Definisse รุ่น Definisse touch, Definisse restore, Definisse core filler
  • ฟิลเลอร์ Flore รุ่น Flore Full Aqua-S, Flore Full S, Flore Full N, Flore Full Max, Flore Full Max 1400
  • ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น RHA1, RHA2, RHA3, RHA4, Redensity 1, Redensity 2, Ultra Deep
  • ฟิลเลอร์ Neobelle รุ่น Neobelle Contour
  • ฟิลเลอร์ Revanesse รุ่น Revanesse Ultra
  • ฟิลเลอร์ Yvoire รุ่น YVOIRE Classic Plus, YVOIRE Volume Plus, YVOIRE Contour
  • ฟิลเลอร์ e.p.t.q. รุ่น e.p.t.q. S100, e.p.t.q. S300, e.p.t.q. S500
ฟิลเลอร์ผ่านอย. 2025
ตัวอย่างฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. 2025

Juvederm Volite นิยมฉีดจุดไหน ใช้กี่ CC ?

ฟิลเลอร์ Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเล็ก เนื้อละเอียด เหมาะกับการฉีดในจุดต่อไปนี้

  • ฟิลเลอร์ใต้ตา โดยทั่วไปใช้ 2-4 CC
  • ฟิลเลอร์งานผิว skin booster โดยทั่วไปใช้ 1-2 CC
  • ฟิลเลอร์ปาก โดยทั่วไปใช้ 1-2 CC
Juvederm volite ฉีดจุดไหน

Juvederm Volite มีผลข้างเคียงไหม ?

ผลข้างเคียงหรืออาการแพ้ฟิลเลอร์สามารถเกิดขึ้นได้ มีโอกาสพบได้ในฟิลเลอร์ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าใช้ฟิลเลอร์ของแท้ มีการตรวจสอบอย่างถูกต้อง ทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน โอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายมีน้อยมากครับ

  • หลังฉีดฟิลเลอร์อาจเกิดรอยแดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่ไม่อันตราย หายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
  • เกิดเป็นรอยนูนหรือไม่เรียบ (beading) เกิดจากการฉีดในบริเวณที่ชั้นผิวตื้นเกินไป การฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไป หรือเลือกใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่มีขนาดโมเลกุลไม่เหมาะสมกับสภาพผิว
  • ฟิลเลอร์มีการเคลื่อนออกออกจากตำแหน่งที่ต้องการ มักจะเกิดในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ใกล้กล้ามเนื้อที่มีการขยับบ่อย ๆ
  • อาการแพ้ฟิลเลอร์ ที่มีลักษณะเป็นก้อน นูน แดงอักเสบ เป็นเวลาหลายวันหลังฉีดฟิลเลอร์
  • ฟิลเลอร์เกิดการบวมขึ้นหลังผ่านการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นเวลาหลาย ๆ เดือนหรือเป็นปี ซึ่งมักจะเกิดจากภูมิคุ้มกันของผู้ที่รับการฉีด
  • อาการแพ้ฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเป็นผื่น ลมพิษแบบรุนแรง (angioedema) กรณีนี้พบได้น้อยมาก หากมีอาการต้องรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาครับ
  • การติดเชื้อหลังฉีดฟิลเลอร์ โดยจะมีอาการปวดบวม แดง ร้อน มีตุ่ม หรือก้อนหนองบริเวณที่ฉีด เกิดจากเทคนิควิธีการฉีดที่ไม่สะอาด คลินิกไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดกับหมอกระเป๋า
  • หากฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่งเข้าไปโดนบริเวณหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดแดงอาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดได้นำไปสู่อาการเนื้อตาย (necrosis) บริเวณที่เส้นเลือดนั้นมาเลี้ยง
  • ตาบอดภายหลังการฉีดฟิลเลอร์เนื่องมาจาก ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอุดตัน บีบ หรือกดหลอดเลือดแดง (supratrochlear and supraorbital artery) ซึ่งมีแขนงต่อไปที่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา (ophthalmic artery) มีผลทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ครับ

Juvederm Volite อยู่ได้นานกี่เดือน ?

ฟิลเลอร์ Juvederm Volite จะอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือนหลังฉีด และจะค่อย ๆ สลายไปตามกระบวนการธรรมชาติ โดยไม่มีสารตกค้าง ในระหว่างนี้ หากรู้สึกว่าผิวเริ่มกลับสู่สภาพเดิมแล้วก็สามารถฉีดเพิ่มเติมได้เพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานมากขึ้นครับ


ฉีด Juvederm Volite กี่วันเห็นผล ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีครับ โดยผิวบริเวณที่ฉีดจะดูเต่งตึงและชุ่มชื้นขึ้น หลังจากนั้นในช่วง 1-2 สัปดาห์อาจมีอาการบวมตามรอยเข็มได้ และจะค่อย ๆ ยุบบวมลง จนเห็นผลชัดเจนเต็มที่ประเมิน 3-4 สัปดาห์ครับ


Juvederm Volite มีข้อเสียไหม ?

  • ไม่สามารถคงผลลัพธ์ได้ถาวร โดยฟิลเลอร์ Juvederm Volite จะอยู่ได้นาน 8-12 เดือนและฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายตามธรรมชาติจนหมด สามารถฉีดเพิ่มเพื่อคงผลลัพธ์ได้
  • อาจมีอาการบวมหรือมีรอยช้ำหลังฉีดได้เป็นปกติ แต่สามารถหายได้เองจนเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์

Juvederm Volite ของแท้ มีวิธีดูอย่างไร ?

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Juvederm Volite

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Juvederm Volite

คนไข้สามารถตรวจสอบวิธีดูฟิลเลอร์ Juvederm Volite ของแท้ได้โดยสังเกตที่กล่องฟิลเลอร์ กล่องบรรจุภัณฑ์ต้องมีข้อมูล ดังนี้

  • มีเลขทะเบียน อย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
  • กล่องมี 2 cc และเลข lot ต้องตรงกัน 4 จุด คือ
    • 1.เลข lot ที่กล่อง
    • 2.เลข lot ที่ซอง
    • 3.เลข lot ที่สติกเกอร์
    • 4.เลข lot ที่หลอด
  • สามารถโทรเช็กเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัทผู้จัดส่ง Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-6404999 ต่อ 1

อ่านบทความเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ปลอม มีวิธีดูอย่างไร ? วิธีแยกฟิลเลอร์ปลอมกับแท้


Juvederm Volite ราคา

ฟิลเลอร์ Juvederm Volite ราคาโปรโมชั่นที่ V Square Clinic

Juvederm

สรุปเกี่ยวกับฟิลเลอร์ Juvederm Volite

ฟิลเลอร์ Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์เนื้อบางเบา โมเลกุลเล็ก เหมาะกับการฉีดเพื่อบำรุงฟื้นฟูผิว เพิ่มความชุ่มชื้นฉ่ำวาวให้ผิว ใช้เติมเต็มเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ใต้ตา ลดรอยคล้ำใต้ตา และยังสามารถใช้เติมเต็มริมฝีปาก ให้ปากดูชุ่มชื้น ลดร่องปากได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีฟิลเลอร์บางรุ่น บางยี่ห้อ เช่น Restylane Vital light, Belotero Revive ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน หากสงสัยว่าควรเลือกใช้รุ่นไหนดี หมอแนะนำเข้ามาปรึกษาและประเมินผิวกับแพทย์ที่คลินิกจะดีที่สุดครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย 370x277

รวมข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย นิยมฉีดจุดไหนเพื่อปรับรูปหน้าให้คมชัด ? ควรเตรียมตัวอย่างไร ?

Categories
filler
ฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย

ฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย

ฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย เป็นวิธีการปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันครับ เพราะไม่ว่าเพศไหนก็สามารถทำหัตถการความงาม เพื่อเสริมความมั่นใจและแก้ปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้ากันเป็นเรื่องปกติ

โดยการฉีด Filler สำหรับผู้ชายจะมีเทคนิคที่ต่างกับในผู้หญิง เนื่องจากสรีระโครงสร้างใบหน้าและความต้องการของผลลัพธ์ที่อาจต่างกัน หมอจะมาอธิบายในบทความนี้ในแต่ละตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์ที่นิยมในผู้ชาย พร้อมแนะนำวิธีเตรียมตัว ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีครับ

อาเจค ศตวรรษ อายุเยอะผิวหย่อนคล้อย
ตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ที่ V Square Clinic !

สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย


ผู้ชายฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม ?

แก้รูปพี่ตุ้ย-หน้า-112

ผู้ชายสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ครับ ในปัจจุบันมีผู้ชายจำนวนมากที่เริ่มหันมาดูแลตัวเองและปรับรูปหน้าด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกในตำแหน่งต่าง ๆ หรือปรับให้ใบหน้าได้สัดส่วน ดูคมชัด มีมิติ เพื่อเสริมความมั่นใจ ดูดีขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้เวลาพักฟื้น และเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ

Vsquare tips

จากบทความที่เผยแพร่ในเว็บไซต์สมาคมศัลยกรรมอเมริการะบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การทำหัตถการความงาม เช่น การฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้ชาย เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น


การฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย – ผู้หญิง แตกต่างกันหรือไม่ ?

จากหลายเคสที่ผ่านมา หมอเห็นว่าการฉีดฟิลเลอร์ในผู้ชายและผู้หญิงจะมีความต่างกันในเรื่องของโครงสร้างใบหน้า เช่น ผู้ชายจะมีสันคิ้วที่เด่นชัด กรามคมชัด ลักษณะผิวที่หนากว่าในผู้หญิง และความต้องการของผลลัพธ์ที่ต่างกัน

ในผู้ชายเน้นไปที่การปรับรูปหน้าให้ดูคมและมีมิติ โดยเสริมกรามให้คมชัดมากขึ้น แต่ก็ยังคงความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด ส่วนในผู้หญิงจะนิยมปรับรูปหน้าให้ดูหวานละมุน อ่อนเยาว์ ทำให้ใช้เทคนิคและปริมาณฟิลเลอร์ที่ต่างกันไปในแต่ละเคส

โครงสร้างใบหน้าระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย
ความแตกต่างของโครงสร้างใบหน้าระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย

นิยมฉีดฟิลเลอร์ผู้ชายจุดไหนบ้าง ?

การฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดแก้ไขปัญหาได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า ซึ่งจุดที่ผู้ชายนิยมฉีดฟิลเลอร์จะเป็นตำแหน่งที่สามารถช่วยเพิ่มความคมชัดให้กับใบหน้า รวมถึงตำแหน่งที่มักเกิดริ้วรอยร่องลึกที่ทำให้ดูมีอายุก่อนวัย ได้แก่

ฟิลเลอร์ใต้ตาผู้ชาย

ปัญหาใต้ตาเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ โดยเฉพาะเมื่อมีอายุมากขึ้นทำให้เกิดร่องลึกใต้ตา ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูโทรม อ่อนล้า ดูมีอายุ โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยแก้ไขร่องใต้ตาลึก ใต้ตาหมองคล้ำ ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผู้ชาย

ฉีดฟิลเลอร์ปากผู้ชาย

การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นอีกจุดที่ผู้ชายเริ่มให้ความสนใจครับ เหมาะกับคนที่มีปัญหาปากบาง ปากคว่ำ มุมปากตกทำให้ใบหน้าดูดุ โดยการฉีดฟิลเลอร์ปากในผู้ชายจะเน้นเพิ่มความสมมาตร ปรับรูปทรงปากให้ดูธรรมชาติ ไม่ได้เน้นให้เห็นกระจับชัดเจนเหมือนในผู้หญิงครับ

ถ้าใครกลัวทำแล้วปากจะไม่เข้ากับรูปหน้า หรือดูไม่เป็นธรรมชาติ สามารถเข้ามาปรึกษาหมอก่อนได้ครับ โดยหมอจะประเมินรูปทรงปากที่เหมาะกับใบหน้าของแต่ละคนเป็นรายเคสไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เข้ากับใบหน้าของผู้ชาย

ฟิลเลอร์ขมับผู้ชาย

ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ทำให้ใบหน้าดูมีอายุก่อนวัย ก็เป็นอีกจุดที่ผู้ชายหลายคนมีความกังวล ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ขมับจะช่วยเติมเต็มขมับลึก ขมับตอบให้ดูเต็ม ลดโหนกแก้มเด่น ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัดครับ

ฟิลเลอร์ร่องแก้มผู้ชาย

ร่องแก้มเป็นตำแหน่งที่เกิดปัญหาริ้วรอยได้ง่ายครับ ยิ่งในผู้ชายที่บางครั้งอาจละเลยในการดูแลตัวเอง ไม่ได้ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ตากแดดบ่อย ๆ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นอีกจุดที่ได้รับความนิยมในการฉีดฟิลเลอร์สำหรับผู้ชาย สามารถช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องแก้ม ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมากผู้ชาย

ปัญหาร่องน้ำหมากมักมาพร้อมกับริ้วรอยร่องแก้มครับ ส่งผลให้ใบหน้าดูมีอายุ ยิ่งยิ้มยิ่งเห็นได้ชัด อาจทำให้ขาดความมั่นใจ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก จะช่วยลดริ้วรอยร่องลึกที่อยู่บริเวณมุมปาก ทำให้ร่องมุมปากดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูเด็กลงครับ

ฟิลเลอร์กรอบหน้าผู้ชาย

กรอบหน้า เป็นตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากในผู้ชายครับ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ตำแหน่งนี้จะช่วยปรับสันกรามดูคมชัด และมีมิติมากขึ้น เหมาะกับผู้ชายที่ใบหน้ากลม เห็นสันกรามไม่ชัด แต่อยากปรับให้ใบหน้าให้ดูมีมิติ เห็นสันกรามคมชัด และมีความ Musculine มากขึ้น

ฟิลเลอร์กรอบหน้าผู้ชาย

ฟิลเลอร์คางผู้ชาย

การฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางไม่ได้รูป ทำให้ใบหน้าโดยรวมไม่ได้สัดส่วน ในการฉีดฟิลเลอร์คางในผู้ชาย หมอจะออกแบบให้ปลายคางมีความกว้างพอเหมาะรับกับโครงหน้า ได้สัดส่วน อาจจะไม่ได้ปรับให้คางเรียวมนเหมือนในผู้หญิง ที่จะเน้นคางเรียวเล็กให้ใบหน้าดูวีเชฟครับ

ฟิลเลอร์หน้าผากผู้ชาย

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากในผู้ชายจะฉีดเพื่อแก้ปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ มีริ้วรอยหน้าผากทำให้ใบหน้าดูมีอายุก่อนวัย หรือถ้าใครต้องการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมโหงวเฮ้งหน้าผาก ให้ตรงตามลักษณะที่ดีก็สามารถทำได้ครับ

โดยตำแหน่งการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากของผู้ชายจะต่างกันในผู้หญิง เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ชายต้องการลักษณะหน้าผากกว้าง ดูเรียบเนียน ไม่ได้ต้องการความโหนกนูนมาก

ในขณะที่ผู้หญิงจะเน้นทรงหน้าผากที่โหนกนูน มีความโค้งมนมากกว่า เพื่อช่วยเพิ่มความละมุนให้กับใบหน้าครับ

ฟิลเลอร์จมูกผู้ชาย

การฉีดฟิลเลอร์จมูกในผู้ชาย จะเน้นให้จมูกดูเป็นสันคมชัดมากขึ้น และปรับสัดส่วนให้เหมาะกับใบหน้า เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ชายที่อยากปรับเสริมจมูกเพียงเล็กน้อย และต้องการผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่มีเวลาในการพักฟื้น


การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย

สำหรับผู้ชายท่านไหนที่ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากครับ หลัก ๆ สามารถปฏิบัติได้ตามที่หมอแนะนำ ดังนี้

  • ศึกษาข้อมูลการฉีดฟิลเลอร์เบื้องต้น วิธีการเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ รวมถึงศึกษาวิธีการเช็กฟิลเลอร์แท้เพื่อความปลอดภัย ไม่เจอฟิลเลอร์ปลอม
  • งดยาและอาหารเสริมบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน วิตามิน E เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนฉีด
  • เลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนฉีด
  • เตรียมข้อมูลประวัติการแพ้ยา ยาที่กำลังรับประทานอยู่เป็นประจำ หรือโรคประจำตัวไว้แจ้งแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย โดยหมอเบนซ์

หมอได้เขียนวิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียดที่บทความ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ? มีข้อห้ามไหม ? แต่ละตำแหน่งเหมือนกันไหม ? สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ครับ


ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย

การปฏิบัติตามวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยครับ เพราะจะช่วยให้อาการบวมหลังฉีดยุบเร็ว ฟิลเลอร์เข้าที่ไวขึ้น และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย
  • งดการกด บีบ นวด ถูบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนออกจากตำแหน่งที่ฉีด
  • เลี่ยงการอยู่ในที่มีอากาศร้อน การทำกิจกรรมที่ต้องสัมผัสความร้อนโดยตรง เช่น ซาวน่า ทรีตเมนต์ 2 สัปดาห์
  • งดการออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารรสจัด ในช่วง
  • งดเลเซอร์ร้อนทุกชนิด ลงผิวชั้นลึก เป็นเวลา 1 เดือน

ข้อแนะนำ : การฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งจะมีข้อควรปฏิบัติ และข้อควรระวังต่างกันไปอีกครับ หมอเขียนรายละเอียดของแต่ละตำแหน่งไว้แล้วที่บทความ หลังฉีดฟิลเลอร์ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ? มีอะไรบ้างที่ต้องระวังในแต่ละตำแหน่ง ?


ฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย ใช้เวลากี่วันเข้าที่ ?

ฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย กี่วันเข้าที่ ? โดยทั่วไปผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที และฟิลเลอร์จะเข้าที่ประมาณ 14 วันหลังฉีด เมื่ออาการบวมยุบลงและฟิลเลอร์เซตตัวเรียบเนียนกลืนไปกับผิว

นอกจากนี้ระยะเวลาในการเข้าที่ของฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ของแต่ละคนด้วยครับ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่ ? กี่วันเห็นผลชัดเจน ? ที่นี่มีคำตอบ


รีวิวฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย ที่ V Square Clinic

รวมรีวิวก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ผู้ชายในตำแหน่งต่าง ๆ จากเคสจริงของ V Square Clinic

รีวิวฟิลเลอร์กรอบหน้าผู้ชาย
รีวิวฟิลเลอร์กรอบหน้า
รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตาผู้ชาย
รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย
รีวิวฟิลเลอร์หน้าผาก ใต้ตา และร่องแก้ม
ฟิลเลอร์ผู้ชาย รีวิว
รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา และร่องแก้ม

รวมรีวิวคลิปวิดีโอฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย ที่ V Sqaure Clinic

แก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา ร่องแก้มลึก หน้าหย่อนคล้อย ลดอายุด้วยฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ครั้งแรกในไทย คลินิกเดียวที่ไว้ใจ

การฉีดฟิลเลอร์ในผู้ชาย อันตรายหรือไม่ ?

การฉีดฟิลเลอร์ในผู้ชายไม่อันตรายครับ หากใช้ฟิลเลอร์สารไฮยาลูรอนของแท้ สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย

และฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง มีความเข้าใจในกายวิภาคใบหน้าของผู้ชายเป็นอย่างดี จะช่วยให้คนไข้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี ดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์หลังฉีดฟิลเลอร์


การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย ต้องพิจารณาอะไรบ้าง ?

ฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย ที่ไหนดี ? การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดยมีข้อควรพิจารณา ดังนี้ครับ

ฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย ที่ไหนดี
  • คลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่มีใบอนุญาต เปิดให้บริการถูกกฎหมาย ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก หากเกิดข้อสงสัยหรือปัญหาสามารถสอบถามกับแพทย์ได้โดยตรง
  • ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ควรเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินปัญหาได้แม่นยำ วางแผนการรักษาได้ตรงจุดว่าควรฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ควรใช้กี่ CC ให้เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ HA ที่ผ่าน อย. ไทย สามารถตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้ทุกกล่อง
  • มีรีวิวฉีดฟิลเลอร์ผู้ชายที่น่าเชื่อถือ โดยสามารถดูรีวิวจากแหล่งที่เป็นกลาง เช่น Google Maps Reviews, Wongnai, Pantip และในปัจจุบันหลายคนเริ่มดูรีวิวผ่าน Social Media เช่น IG, TikTok, Facebook ควรพิจารณาให้ดี ควรดูรีวิวที่เป็นคลิปวิดีโอที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์ และขั้นตอนการทำหัตถการของแพทย์ เพราะตัดต่อได้ยากกว่าครับ

บทความที่หมอแนะนำ


สรุปเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย

การฉีดฟิลเลอร์ผู้ชาย เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที โดยก่อนฉีดแพทย์จะมีการสอบถามความต้องการ และประเมินปัญหา เพื่อวางแผนการรักษาให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ตรงกับความต้องการของคนไข้ครับ

ในปัจจุบันผู้ชายเข้าคลินิกเสริมความงามทำหัตถการ เพื่อดูแลตัวเองกันเป็นเรื่องปกติ ใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าที่ V Sqaure Clinic สามารถส่งรูปมาให้หมอประเมินใบหน้าเบื้องต้นผ่านช่องทางออนไลน์ ปรึกษาฟรี หมอตอบเองครับ

ปรึกษาหมอ v square clinic คุณเจสซี่ โดยหมอโต้ง หมอแพน หมอเบิร์ด

อ้างอิง

https://www.plasticsurgery.org/news/articles/brotox-and-beyond-demystifying-the-rise-of-male-cosmetic-injectables


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม 370x277

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม ? กี่เดือน ? กี่ปี ? รู้วิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น

Categories
filler
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม

รู้ก่อนฉีด! ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม

ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม ? คำถามนี้มักเป็นข้อสงสัยที่หลายคนมักถามหมอกันเข้ามาครับ

การฉีดใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid เป็นวิธีแก้ไขปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หรือรอยคล้ำใต้ตาที่เห็นผลได้ทันทีหลังฉีด แต่ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ทั้งยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ เทคนิคการฉีด และการดูแลตัวเองหลังการฉีด

บทความนี้หมอจะพาคนไข้ไปทำความเข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อความคงทนของ Filler ใต้ตาให้มากขึ้น พร้อมแนะเคล็ดลับการยืดอายุของฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันครับ

สารบัญ ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม


การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม ? กี่เดือน ? กี่ปี ?

ทำความเข้าใจ ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม ? ใน 4 นาที

โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือนครับ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ คุณภาพของฟิลเลอร์ที่ใช้

รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด เช่น หลีกเลี่ยงความร้อน อบซาวน่า ทำเลเซอร์ร้อน หรือกิจกรรมที่ผิวโดนความร้อนบ่อย ๆ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่นานยิ่งขึ้น


ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ รุ่น อยู่ได้นานแค่ไหน ?

สรุปมาให้แล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น อยู่ได้กี่เดือน ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม(1)

ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ มีระยะเวลาอยู่ได้นานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต และปริมาณของสารไฮยาลูรอนที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็ง ความยืดหยุ่น การกระจายตัว ค่าความอุ้มน้ำ จำนวนการเชื่อมพันธะ แม้แต่ขนาดของเม็ดฟิลเลอร์ต่างกัน ก็ส่งผลให้ระยะเวลาของฟิลเลอร์ และการนำมาใช้งานในจุดที่ต่างกันด้วยครับ

มาดูกันครับว่าฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ รุ่น อยู่ได้นานแค่ไหน ?

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Juvederm อเมริกา

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Juvederm อเมริกา ใช้เทคโนโลยี Hylacross และ Vycross เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และความเรียบเนียนของเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้ทนต่อการขยับได้ดี อยู่ได้นาน และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

โดยรุ่นที่เหมาะกับฉีดใต้ตามีดังนี้ครับ

  • Juvederm Voluma เนื้อแน่น ฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะฉีดใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้ 18 เดือน
  • Juvederm Volite เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนที่มีผิวไม่บางมาก อยู่ได้ 8-12 เดือน
  • Juvederm Volux เนื้อแน่น มีความยืดหยุ่น คงรูปได้ดี เหมาะฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้ 18-24 เดือน

2. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Restylane สวีเดน

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Restylane สวีเดน ใช้เทคโนโลยี NASHA technology และ OBT technology ในการผลิต ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หรือการเติมเต็มใต้ตา

โดยรุ่นที่เหมาะกับฉีดใต้ตามีดังนี้ครับ

  • Restylane Defyne เนื้อแน่น มีความยืดหยุ่น อุ้มน้ำได้ดี เหมาะฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้ 18 เดือน
  • Restylane Vital Light เนื้อละเอียด เหมาะฉีดใต้ตาชั้นตื้น เก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ดี อยู่ได้ 6-12 เดือน
  • Restylane Vital เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย เหมาะฉีดเก็บรายละเอียดใต้ตาชั้นตื้น ให้ผลเรียบเนียน อยู่ได้ 12 เดือน
  • Restylane Perlane lyft เนื้อแน่น มีความคงตัวสูง ไม่ฟู คงรูปได้ดี เหมาะฉีดใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้ 12 เดือน
  • Restylane Classic เนื้อแน่น คงรูปได้ดี เหมาะฉีดเก็บรายละเอียดใต้ตาชั้นลึกในคนที่มีผิวบาง อยู่ได้ 12 เดือน

3. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Belotero สวิตเซอร์แลนด์

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Belotero สวิตเซอร์แลนด์ ใช้เทคโนโลยี Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ในการผลิต ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง เกาะกับผิวได้ดี คงตัว ปั้นทรงสวย ให้ผลลัพธ์เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ

โดยรุ่นที่เหมาะกับฉีดใต้ตามีดังนี้ครับ

  • Belotero Volume เนื้อแน่น มีความยืดหยุ่น คงตัวได้ดี เหมาะฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้ 18 เดือน
  • Belotero Revive เนื้อละเอียด มี HA+กลีเซอรอล ช่วยเติมความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ อยู่ได้ 6-9 เดือน
  • Belotero Soft เนื้อละเอียด เหมาะฉีดใต้ตาชั้นตื้น เรียบเนียนไปกับผิว อยู่ได้ 6-12 เดือน

4. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Definisse อิตาลี

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Definisse อิตาลี ใช้เทคโนโลยี XTR™ Technology ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์สานกันเป็นร่างแห จึงโดดเด่นในเรื่องช่วยยกกระชับผิวได้ดี ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ

โดยรุ่นที่เหมาะกับฉีดใต้ตามีดังนี้ครับ

  • Definisse Touch เนื้อนิ่ม เนียนละเอียด เหมาะสำหรับฉีดใต้ตาชั้นตื้น อยู่ได้ 8-12 เดือน

5. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Flore เกาหลี

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Flore เกาหลี ใช้เทคโนโลยี HCCL™ (Highly Completed Cross-Linking) ที่เป็นการเชื่อม Crosslink แบบพิเศษ มีโครงสร้างเป็น 3D matrix ทำให้เนื้อฟิลเลอร์คงรูปได้ดี ปั้นทรงง่าย อยู่ได้นาน สลายตัวช้าลง

โดยรุ่นที่เหมาะกับฉีดใต้ตามีดังนี้ครับ

  • Flore AQUA-S ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีโมเลกุลเล็ก ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา อยู่ได้ 6 เดือน

6. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Teoxane สวิตเซอร์แลนด์

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Teoxane สวิตเซอร์แลนด์ ใช้เทคโนโลยี Ground breaking Preserved Network หรือ PNT ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่ใกล้เคียงกับ HA ที่มีอยู่ในผิวของมนุษย์ มีความยืดหยุ่น ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ หลังฉีดไม่ทำให้หน้าดูแข็ง

โดยรุ่นที่เหมาะกับฉีดใต้ตามีดังนี้ครับ

  • Teoxane RHA 2 เนื้อละเอียด กลืนกับผิวได้ดี เหมาะสำหรับฉีดใต้ตาชั้นตื้น อยู่ได้ 18 เดือน

7. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Neuramis เกาหลี

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Neuramis เกาหลี ใช้เทคโนโลยี SHAPE ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่ปั้นง่าย คงรูปได้ดี อยู่ได้นาน และมีการกำจัดสาร BDDE ให้เหลืออยู่น้อยมาก ลดโอกาสเกิดอาการแพ้

โดยรุ่นที่เหมาะกับฉีดใต้ตามีดังนี้ครับ

  • Neuramis Volume เนื้อแน่น แต่กลืนกับผิวได้ดี มีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับฉีดใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้ 6-9 เดือน

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ?
ทำความรู้จักฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ พร้อมรับโปรโมชั่นเด็ด
คลิก!

ทำความรู้จักฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอะไร ?

ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม ? สำหรับอายุฟิลเลอร์ใต้ตา จะคงอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ เช่น

  • ประเภทเนื้อฟิลเลอร์ : ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นจะมีขนาดโมเลกุลที่ต่างกัน โดยฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแน่น และโมเลกุลที่ใหญ่กว่ามักจะอยู่ได้นานกว่า ในขณะที่ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียดหรือเนื้อนิ่ม จะอยู่ได้สั้นกว่า
  • การดูแลหลังการฉีด : หากคนไข้หลีกเลี่ยงการถูหรือกดแรงบริเวณใต้ตา หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ต้องสัมผัสความร้อน เช่น ซาวน่า จะช่วยให้ฟิลเลอร์คงอยู่ได้นานขึ้น
  • ชั้นผิวที่ฉีด : ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถฉีดได้ทั้งผิวชั้นตื้น และชั้นลึกถึงกระดูก หากฉีดชั้นลึก เช่น บริเวณใกล้กระดูกใต้ตา ฟิลเลอร์ก็จะอยู่ได้นานกว่าการฉีดในผิวชั้นตื้น เพราะชั้นผิวลึกจะมีการขยับน้อยกว่าเมื่อเทียบกับชั้นผิวตื้น
  • สภาพผิว : คนที่มีผิวที่บางและแห้ง มักมีการเผาผลาญในผิวหนังสูงกว่า ซึ่งจะเร่งสลายฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป เพราะ HA เป็นสารที่ดึงดูดน้ำ หากผิวแห้ง ฟิลเลอร์จะไม่สามารถรักษาระดับความชุ่มชื้นได้ดีเท่าที่ควร ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าผิวที่มีความชุ่มชื้นมาก

ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อความคงทนของฟิลเลอร์ การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม และการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน และดูเป็นธรรมชาติครับ


วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

Filler ใต้ตา อยู่ได้นานไหม ? การดูแลตัวเองหลังฉีดก็มีส่วนสำคัญครับ คนไข้สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอได้ดังนี้

  • มีอาการบวมในจุดที่ฉีดเป็นปกติ หลีกเลี่ยงการกด นวด อาการจะหายไปเองใน 7-14 วัน คนไข้สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับฉีด fillerใต้ตาบวมกี่วัน ได้ที่บทความนี้ครับ
  • ทางคลินิกจะจ่ายยาแก้ปวด ลดบวมตามความจำเป็น
  • อยู่แต่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนหรือกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
  • งดเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิวอย่างน้อย 1 เดือน
  • งดแต่งหน้า ทาครีมบริเวณรอยเข็มหลังฉีด 24 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
  • งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารหมักดอง อาหารรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด

การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีผลต่อผลลัพธ์การฉีดหรือไม่ ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี

การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญมากครับ เพราะเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความแม่นยำ และประสบการณ์ของแพทย์ หากเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน แพทย์ขาดประสบการณ์ อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น ฟิลเลอร์ไหล, ใต้ตาเป็นก้อน หรือแม้แต่ผลข้างเคียงที่รุนแรงอย่างการติดเชื้อหรือการอักเสบ

ดังนั้น การเลือกคลินิกที่ดี จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติครับ

แนวทางการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • คลินิกได้มาตรฐาน : เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข แสดงเลขใบอนุญาต 11 หลัก ติดไว้หน้าคลินิก
  • หมอมีประสบการณ์ : ด้านการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม สามารถตรวจสอบได้
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ ผ่าน อย. นำเข้าอย่างถูกต้อง : หมอแกะกล่องให้ดูต่อหน้า ยินยอมให้ตรวจเช็ก ถ่ายรูปกล่อง หรือให้นำกล่องกลับบ้านเพื่อตรวจสอบได้
  • มีรีวิวจากผู้รับบริการจริง และมี Feedback ที่ดี : ควรตรวจสอบจากหลาย ๆ แหล่ง อาทิ เว็บไซต์หรือ Facebook page ของคลินิกนั้น ๆ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic ดีอย่างไร

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic ดีไหม
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic
  • หมอจะเลือกรุ่นฟิลเลอร์ ที่เหมาะกับผิวของแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติมากที่สุด
  • โดดเด่นในด้านศิลปะการฉีดฟิลเลอร์ “Fine Art of Filler” ที่ไม่ใช่แพทย์ทุกคนจะทำได้
  • ประเมิน วิเคราะห์ปัญหา วางแผนแนวทางแก้ไข และดีไซน์การปรับรูปหน้าเฉพาะบุคคล
  • ฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์มากประสบการณ์ อัปเดตศาสตร์ความงาม และเทรนด์ความงามอย่างต่อเนื่อง
  • แก้ปัญหาตรงจุด ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาสมเหตุสมผล
  • ฉีดด้วยเทคนิคเฉพาะของ V Square Clinic บวมน้อย ช้ำน้อย ฟิลเลอร์ไม่เป็นก้อน
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้แบรนด์ระดับโลก แกะกล่องใหม่ทุกเคส ให้กล่องและหลอดกลับบ้าน คนไข้สามารถตรวจเช็กกับบริษัทนำเข้าได้
  • หลังฉีดมีการนัดติดตามผล ทุกเคส
  • ได้รับความไว้วางใจ จากดารา Celebrity และผู้ใช้จริง (แฟนเพจ) ที่บอกต่อถึงผลลัพธ์ และกลับมาทำซ้ำ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ? หมอไหนดี ?

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่ !


สรุปเรื่องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาได้ครอบคลุม โดยจะให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือนครับ และถ้าหากปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ ทำให้ผลลัพธ์คงทนยิ่งขึ้น

ใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่คลินิกได้ครับ หรือจะส่งรูป แจ้งปัญหาให้หมอช่วยวิเคราะห์ได้ทางออนไลน์ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนจะใช้ฟิลเลอร์ใต้ตารุ่นไหน ยี่ห้อใด แพทย์จะประเมินและช่วยให้คำแนะนำตามความเหมาะสมครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน

ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาโปรโมชั่นสุดคุ้ม เฉพาะที่ V Square Clinic

Categories
filler
ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาโปรโมชั่นสุดคุ้ม ที่ V Square Clinic เริ่มต้น 11,900.- แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยใต้ตา ตาโหล ถุงใต้ตาได้อย่างเห็นผล ดูแลเคสโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยเทคนิคพิเศษ มือเบา ช้ำน้อย ใต้ตาดูเต็มขึ้นทันทีหลังฉีด ไม่มีปัญหาใต้ตาเป็นก้อน ใช้ฟิลเลอร์แท้ แบรนด์ระดับโลก มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติครับ

ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตา

สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา

  1. ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาโปรโมชั่น
  2. ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละปัญหา
  3. ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic เลือกใช้ แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?
  4. ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับ V Square Clinic
  5. รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาโปรโมชั่น

โปรฟิลเลอร์ใต้ตา
โปรฟิลเลอร์ใต้ตา
  • Juvederm Voluma 12,900.- / 1 CC
  • Juvederm Volux 17,900 .- / 1 CC
  • Restylane Vital light 12,900.- / 1 CC
  • Restylane Perlane lyft 12,900.- / 1 CC
  • Restylane Defyne 12,900.- / 1 CC
  • Restylane classic 11,900.- / 1 CC
  • Restylane Vital 15,900.- / 1 CC
  • Belotero volume 11,900.- / 1 CC
  • Belotero Revive 12,900.- / 1 CC
  • Belotero volume 11,900.- / 1 CC
  • Teoxane RHA 2 15,900.- / 1 CC
  • Definisse Touch 11,900.- / 1 CC

ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละปัญหา

รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ละปัญหา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ละปัญหา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ละปัญหา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ละปัญหา

ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละปัญหาจะไม่เท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับจำนวน CC และยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ V Square Clinic เริ่มต้นที่ 14,000.-/1 CC หากคนไข้มีปัญหาใต้ตาไม่มาก เช่น มีริ้วรอยใต้ตา ร่องใต้ตา หรือต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นรอบดวงตา หมออาจใช้ Filler 1 CC สำหรับฉีดใต้ตาทั้งสองข้าง (ข้างละ 0.5 CC)

สำหรับเคสที่มีปัญหาใต้ตาจากกระดูกใต้ตายุบตัว ทำให้ใต้ตาลึก ตาโหล หรือในคนไข้ที่มีอายุ หมอจะพิจารณาใช้ฟิลเลอร์มากขึ้น ใช้ประมาณ 2-4 CC ราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยครับ และในบางเคสอาจใช้ฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาใต้ตามากกว่า 1 ยี่ห้อ เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติที่ต่างกันไปตามจุดที่ใช้ เพราะไม่มียี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับการฉีดทุกจุด จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละปัญหา แต่ละเคส มีราคาไม่เท่ากันครับ


ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic เลือกใช้ แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี

ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic เลือกใช้ เป็นฟิลเลอร์แบรนด์ระดับโลก ได้มาตรฐาน ผ่าน อย.ไทย ได้แก่ ฟิลเลอร์ Juvederm ประเทศอเมริกา, ฟิลเลอร์ Restylane ประเทศสวีเดน และฟิลเลอร์ Belotelo ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างกันดังนี้ครับ

ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane ประเทศสวีเดน

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของฟิลเลอร์ Restylane คือ NASHA Techology และ OBT Technology ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณสมบัติของฟิลเลอร์มีความหลากหลาย เหมาะกับความต้องการและปัญหาผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละจุด

ฟิลเลอร์ Restylane ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตามี 5 รุ่นดังนี้ครับ

  • Restylane Perlane Lyft มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Defyne เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Restylane Vital Light มีส่วนผสมของยาชา เนื้อละเอียดมากที่สุด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบาง หรือสำหรับเก็บรายละเอียด อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Restylane Vital เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับเก็บรายละเอียด ให้ผลเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Classic เป็นเนื้อเจลอนุภาคใหญ่ เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก อยู่ได้นาน 12 เดือน

ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm ประเทศอเมริกา

ฟิลเลอร์ Juvederm ผลิตโดยใช้ 2 เทคโนโลยี คือ Vycross Technology ที่เด่นในเรื่องการยกกระชับ มีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่น หลังฉีดยังคงให้ความเป็นธรรมชาติ ดูเรียบเนียนไม่เป็นก้อน และ Hylacross Techology (จำนวนการเชื่อมพันธะ) ที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น สลายช้าลง อุ้มน้ำน้อยลง มีความเรียบเนียน ทำให้ฉีดแล้วไม่ฟูมาก มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี

ฟิลเลอร์ Juvederm ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตามี 3 รุ่นดังนี้ครับ

  • Juvederm Volite เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
  • Juvederm Voluma เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Juvederm Volux เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัว สำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18-24 เดือน

ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Belotero ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ฟิลเลอร์ Belotero มีจุดเด่นในเรื่องความหลากหลายของเนื้อฟิลเลอร์ มีความยืดหยุ่นและคงตัว สามารถใช้ฉีดเพื่อแก้ปัญหาใต้ตา แก้ปัญหาใบหน้าตอบ จากสาเหตุการทรุดตัวของกระดูก และสามารถฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึกได้ดี ช่วยให้โครงสร้างใบหน้าได้สัดส่วน ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

ฟิลเลอร์ Belotero ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตามี 3 รุ่นดังนี้ครับ

  • Belotero Volume เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและคงตัว เหมาะกับเติมใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Belotero Soft เนื้อละเอียด เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา เรียบเนียนไปกับผิว อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Belotero Revive เนื้อฟิลเลอร์ละเอียด ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว เหมาะฉีดใต้ตา/ปรับสภาพผิวหน้า/ปาก/ลำคอ/หลังมือ อยู่ได้นาน 6-9 เดือน

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอจะแนะนำยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมตามปัญหาของคนไข้แต่ละเคส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติครับ


ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับ V Square Clinic

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับ V Square Clinic ดีอย่างไร โดยหมอโต้ง หมอเอก หมอแพร หมอบาส
  • ฉีดฟิลเลอร์โดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้า มีใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภา อัปเดตความรู้ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
  • ปรึกษาปัญหากับแพทย์โดยตรง ไม่ผ่านเซลล์
  • แก้ไขปัญหาตรงจุด ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ แบรนด์ระดับโลก หมอแกะกล่องให้ดูต่อหน้า ให้กล่องกลับบ้าน ตรวจสอบกับผู้นำเข้าได้ทุกกล่อง
  • ฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคเฉพาะของ V Square Clinic มือเบา ช้ำน้อย บวมน้อย

รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ V Square Clinic แพทย์จะใช้เทคนิคพิเศษ มือเบา ช้ำน้อย ใต้ตาดูเรียบเนียน ไม่มีปัญหาไหลย้อยหรือเป็นก้อนในภายหลังครับ

🔍รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ร่องใต้ตาตื้นขึ้น ดูสดชื่น ตาไม่ดำ ไม่โหลไม่ดูโรยรา ช่วยหน้าดูเด็กลง
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ดีไหม? แก้ปัญหาขอบตาดำ ใส่แมสแล้วไม่มั่นใจ คืนความสดใสให้ใบหน้า✨
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ครับ เป็นวิธีการแก้ปัญหาใต้ตาที่ตรงจุด และ เห็นผลไวกว่าวิธีอื่น ๆ หลังฉีดผิวใต้ตาเต็มขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมอ่อนกว่าวัย ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ จึงเป็นเหตุผลที่ตำแหน่งใต้ตาคือจุดแรกที่หมอหลาย ๆ คนแนะนำให้แก้ไขครับ

ราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ V Square Clinic เริ่มต้นที่ 14,000.-/1 CC ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้า ใช้ฟิลเลอร์แท้ แบรนด์ระดับโลก มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงาม ก่อนฉีดจะแกะกล่องใหม่ต่อหน้าทุกครั้ง สามารถตรวจสอบกับบริษัทที่นำเข้าได้ หากยังไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัย ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถเข้ามาปรึกษาหมอโดยตรง ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้หมอประเมินรูปหน้า ให้คำแนะนำที่ถูกต้องและดีที่สุดครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
Restylane Vital Light

Restylane Vital light ดีอย่างไร ? เหมาะกับการฉีดใต้ตาอย่างไร ? เห็นผลแค่ไหน ?

Categories
filler
Restylane Vital Light

Restylane Vital Light

ใครที่กังวลปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ใต้ตาคล้ำ Restylane Vital Light เป็นฟิลเลอร์อีกรุ่นที่น่าสนใจในการใช้แก้ปัญหาเหล่านี้ครับ เพราะออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังสามารถปรับสภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณอื่น ๆ ให้ดูอิ่มฟู ตามเทรนด์ผิวสวยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

ฉีด Restylane Vital light ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ ? สามารถฉีดตำแหน่งไหนได้อีกบ้าง ? Restylane Vital Light ของแท้ มีวิธีตรวจสอบอย่างไร ? หลังฉีด Restylane Vital light รีวิวผลลัพธ์ที่ได้ เห็นผลแค่ไหน ? บทความนี้หมอมีคำตอบครบทุกประเด็นครับ

กล่อง-Restylane-Vital-Light

สารบัญ Restylane Vital Light

  1. Restylane Vital light คืออะไร ?
  2. Restylane Vital light มีคุณสมบัติอะไรที่ต่างจากรุ่นอื่น ?
  3. Restylane Vital light ดีอย่างไร ?
  4. Restylane Vital light เหมาะกับใคร ?
  5. Restylane Vital light เหมาะกับการฉีดตำแหน่งไหน ?
  6. Restylane Vital light ฉีดตำแหน่งอื่นนอกจากใต้ตาได้ไหม ?
  7. Restylane Vital light ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร ?
  8. Restylane Vital light ผ่าน อย.ไหม ?
  9. Restylane Vital light แต่ละตำแหน่งใช้กี่ CC ?
  10. Restylane Vital light มีผลข้างเคียงหลังฉีด ที่ควรรู้ไหม ?
  11. Restylane Vital light อยู่ได้นานกี่เดือน ?
  12. ฉีด Restylane Vital light กี่วันเห็นผล ?
  13. Restylane Vital light มีข้อเสียไหม ?
  14. Restylane Vital light ของแท้ มีวิธีดูอย่างไร ?
  15. Restylane Vital light ราคา เท่าไหร่ ?
  16. Restylane Vital light รีวิว ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดเป็นอย่างไร ?

Restylane Vital light คืออะไร ? 

Restylane Vital Light คือ หนึ่งในรุ่นของ Restylane แบรนด์ฟิลเลอร์คุณภาพที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกโดย Vital Light เป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพของผิว เช่น บริเวณใบหน้า ลำคอ มือ และบริเวณที่มีรอยย่นเล็กๆ หรือผิวที่ต้องการความชุ่มชื้น ทำให้เป็นฟิลเลอร์ Skin booster ที่ได้รับความนิยมมากอีกรุ่นเลยครับ

Vsquare tips

ข้อควรรู้ : ฟิลเลอร์ Skin booster หรือ ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว เป็นสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ความเข้มข้นสูง โมเลกุลเล็ก เนื้อนิ่ม ละเอียด เมื่อฉีดเข้าใต้ผิวจะช่วยกักเก็บและเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสภาพผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ให้ฉ่ำวาว อิ่มฟู


Restylane Vital light มีคุณสมบัติอะไรที่ต่างจากรุ่นอื่น ?

Restylane เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่ได้รับการยอมได้รับรองจาก US FDA ครับ มี 2 เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะที่โดดเด่นของแบรนด์ คือ OBT Technology และ NASHA Technology ทำให้คุณสมบัติของฟิลเลอร์มีเลือกใช้ได้หลากหลาย

เทคโนโลยีของฟิลเลอร์ Restylane
เทคโนโลยีของฟิลเลอร์ Restylane

ฟิลเลอร์ Restylane Vital light เป็นรุ่นที่ผลิตด้วย NASHA Technology ที่มีคุณสมบัติในการดึงโมเลกุลของน้ำเข้ามากักเก็บไว้ในตัวฟิลเลอร์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว สามารถฉีดเข้าไปในชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ Restylane Vital light ต่างจากรุ่นอื่น ๆ คือ เป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลอนุภาคเล็ก และมีความละเอียดที่สุด โดยกรดไฮยาลูโรนิก (HA) มีความเข้มข้นต่ำ 12mg/mL นับว่าน้อยที่สุดในบรรดารุ่นฟิลเลอร์ Restylane ครับ แต่ยังคงมีความคงตัว หลังฉีดไม่เป็นก้อนและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติครับ

ลักษณะของเนื้อฟิลเลอร์ Restylane Vital Light
ลักษณะของเนื้อฟิลเลอร์ Restylane Vital Light

Restylane Vital light ดีอย่างไร ?

  • ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตา
  • ช่วยฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสแบบเร่งด่วน
  • ช่วยให้ผิวอิ่มฟู รูขุมขนกระชับขึ้น
  • ช่วยคืนความชุ่มชื้นของผิวหนัง ผิวดูอิ่มน้ำและมีชีวิตชีวา
  • สามารถฉีดเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ได้ดี ให้ผลลัพธ์เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ
  • ผิวอิ่มน้ำ ทำให้ริ้วรอยจางลง ผิวดูกระชับเต่งตึง

Restylane Vital light เหมาะกับใคร ?

  • เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา
  • เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
  • เหมาะกับคนที่มีปัญหาหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก
  • เหมาะกับคนที่ต้องการกระชับรูขุมขน
  • เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอย
  • เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น

Restylane Vital light เหมาะกับการฉีดตำแหน่งไหน ?

Restylane Vital light ฉีดได้หลายตำแหน่งครับ โดยจะเหมาะสำหรับฉีดบริเวณที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ ในผิวชั้นตื้น  เช่น ใต้ตา ริมฝีปาก และปรับสภาพผิวทั่วใบหน้า

Restylane Vital light เหมาะกับฉีดตำแหน่งไหน

Restylane Vital light ฉีดตำแหน่งอื่นนอกจากใต้ตาได้ไหม ?

นอกจากจะนิยมฉีด Restylane Vital Light ใต้ตา เพื่อช่วยลดรอยดำคล้ำ ริ้วรอยรอบดวงตา ยังสามารถนำมาฉีดแก้ปัญหาผิวที่ตำแหน่งอื่นได้ครับ ได้แก่

  • ปาก – ช่วยลดร่องริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณริมฝีปากและมุมปาก ที่มักเห็นได้ชัดเมื่ออายุมากขึ้น
  • หลุมสิว – ช่วยเติมเต็มบริเวณหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน
  • ลำคอ – ช่วยปรับสภาพผิวบริเวณลำคอ ลดเส้นริ้วรอยลำคอตื้น ๆ 
  • มือ – ช่วยปรับสภาพผิวหลังมือ ช่วยแก้ปัญหามือเหี่ยว มือแห้ง หรือมีเส้นเลือดปูด

Restylane Vital light ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร ?

Restylane Vital light ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นในด้านเทคโนโลยีการผลิต คุณสมบัติฟิลเลอร์ การใช้งานและผลลัพธ์ ดังนี้ครับ

  • เทคโนโลยีการผลิต : Restylane Vital light ใช้เทคโนโลยี NASHA ลิขสิทธิ์เฉพาะของฟิลเลอร์ Restylane ทำฟิลเลอร์ให้เป็นเม็ดละเอียด และมีค่าความยืดหยุ่นสูง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว รูขุมขนเล็กลง ผิวฉ่ำวาวขึ้น
  • ความเข้มข้นและขนาดโมเลกุล : คุณสมบัติพิเศษของกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ที่มีความเข้มข้นต่ำและมีขนาดโมเลกุลที่เล็ก ทำให้ฉีดเข้าไปในชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ ส่วนฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอาจมีความเข้มข้นและขนาดโมเลกุลที่ต่างกัน เหมาะกับฉีดตำแหน่งอื่นต่างกันไป
  • การใช้งานและผลลัพธ์ : ฟื้นฟูผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดี ในขณะที่ฟิลเลอร์รุ่นอื่น ยี่ห้ออื่นอาจถูกออกแบบมาเพื่อปรับโครงสร้างใบหน้า หรือเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก

เปรียบเทียบกับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมในไทย

ฟิลเลอร์ Juvederm

ฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา มี 2 เทคโนโลยีการผลิต คือ Hylacross และ Vycross เด่นเรื่องความยืดหยุ่น นำมาฉีดยกกระชับได้ดี 

Juvederm มีรุ่นฟิลเลอร์ที่คล้ายกันกับ Restylane Vital light ครับ คือ Juvederm Volite ใช้ Vycross Technology เป็นฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ มีความหนืดกว่า Viital Light เล็กน้อย สามารถฉีดบูสต์ผิวให้ชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำและเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน

ฟิลเลอร์ Belotero Revive

ฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตด้วยเทคโนโลยี มีจุดเด่นในเรื่องความคงตัวและยืดหยุ่น นิยมใช้ฉีดใต้ตาชั้นตื้นและชั้นลึก รวมไปถึงริมฝีปาก รวมถึงมีรุ่น Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกที่การผสมผสานระหว่าง HA+Glycerol ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้น บำรุงผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว และลดริ้วรอยเล็ก ๆ

ฟิลเลอร์ Teoxane

ฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ เนื้อฟิลเลอร์ใช้เทคโนโลยี PNT (Preserved Network Technology) ในการผลิต ช่วยเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นได้ดี จุดเด่นอยู่ที่เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น ปรับเข้ากับการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ Definsse

ฟิลเลอร์จากอิตาลี ผลิตด้วย XTR Technology นิยมใช้ปรับรูปหน้า ฉีดยกพยุงผิว หลังฉีดแทบไม่มีอาการบวมน้ำ หรือบวมเล็กน้อย สามารถใช้หน้าได้ทันที ซึ่งเป็นจุดเด่นของฟิลเลอร์ตัวนี้ครับ

ฟิลเลอร์ Neuramis

ฟิลเลอร์เกาหลี เนื้อฟิลเลอร์มีความแน่น นิยมนำมาใช้ปรับโครงสร้างใบหน้า โดยเฉพาะปัญหาริ้วรอย ร่องตื้นที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกตามวัย จุดเด่นอยู่ที่ราคามีความย่อมเยา

ฟิลเลอร์ Flore

ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ผลิตด้วยเทคโนโลยี PP process (Particle Plastic Process) และ HCCL Technology เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากเกาหลี เนื้อฟิลเลอร์ปั้นทรงได้ง่าย คงอยู่ได้นาน 

ฟิลเลอร์ Flore มีรุ่นฟิลเลอร์งานผิวที่คล้ายกันกับ Restylane Vital Light คือ Flore Aqua S เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด โมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสภาพผิวทั่วหน้า ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ที่ผิวชั้นตื้น 


Restylane Vital light ผ่าน อย.ไหม ?

ฟิลเลอร์ Restylane มีทั้งหมด 8 รุ่น โดยทุกรุ่นผ่าน อย.ไทย ทั้งหมดแล้วครับ (เมษา 67)

  • Restylane Perlane lyft
  • Restylane Vital
  • Restylane Vital Light 
  • Restylane Volyme
  • Restylane Defyne
  • Restylane Refyne
  • Restylane Classic
  • Restylane Kysse
Restylane Vital light ผ่านอย.ไหม
ตัวอย่างการตรวจสอบฟิลเลอร์ Restylane ที่ผ่าน อย.ไทย

Restylane Vital light แต่ละตำแหน่งใช้กี่ CC ?

  • ใต้ตา เก็บรายละเอียดใต้ตาชั้นตื้น ใช้ประมาณ 1-2 CC
  • ปาก แก้ไขปัญหาปากแห้ง เพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ประมาณ 1-2 CC
  • มือ เพิ่มความชุ่มชื้น แก้ไขปัญหามือเหี่ยวแห้ง ใช้ประมาณ 1-2 CC
  • ปรับสภาพผิวหน้า แก้ปัญหาผิวขาดน้ำ ให้ดูอิ่มฟู ใช้ประมาณ 1-2 CC

ทั้งนี้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ ขึ้นอยู่ระดับปัญหา สภาพผิวของคนไข้ โดยหมอจะประเมินปริมาณที่เหมาะสมเป็นรายเคสไปอีกครั้งก่อนฉีดครับ


Restylane Vital light มีผลข้างเคียงหลังฉีดที่ควรรู้ไหม ?

Restylane Vital Light เป็นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นต่ำ และมีความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดความไวต่อการระคายเคือง ใช้ได้ในคนที่ผิวบาง มีความปลอดภัยและไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายหากใช้ฟิลเลอร์แท้และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ครับ 

แต่หลังฉีด Restylane Vital Light อาจพบอาการข้างเคียงเหล่านี้ประมาณ 4-5 วัน ได้เป็นปกติ ได้แก่

  • รอยเขียวช้ำจากเข็ม
  • อาการบวมจากตัวยา

หมอแนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยให้อาการบวมยุบได้ไว ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว และผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานครับ


Restylane Vital light อยู่ได้นานกี่เดือน ?

ฉีดฟิลเลอร์ Restylane Vital Light 1 ครั้ง ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด สภาพผิวเดิมและระดับริ้วรอยร่องลึก รวมถึงการดูแลตัวเองหลังทำครับ

Restylane Vital light อยู่ได้นานกี่เดือน

ฉีด Restylane Vital light กี่วันเห็นผล ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ Restylane Vital Light เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีครับว่าผิวดูชุ่มชื้นขึ้น ริ้วรอยลดลง และจะเห็นผลได้ชัดเจนเมื่อฟิลเลอร์เข้าที่ประมาณ 7-14 วันหลังทำ


Restylane Vital light มีข้อเสียไหม ?

  • เป็นฟิลเลอร์ HA สลายเองตามธรรมชาติ ผลลัพธ์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร
  • เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์มีความเข้มข้นของ HA ต่ำ อาจไม่เหมาะกับการเติมเต็มริ้วรอยที่ลึกมากหรือรอยย่นขนาดใหญ่

Restylane Vital Light มีระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร และมีข้อจำกัดในการนำมาใช้ในบางบริเวณ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ความเข้มข้นต่ำ แต่ก็ยังคงเหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง ต้องการแก้ไขริ้วรอยขนาดเล็กอย่างเรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติครับ


Restylane Vital light ของแท้ มีวิธีดูอย่างไร ?

Restylane Vital light ของแท้ มีวิธีดูอย่างไร

Restylane Vital Light ของแท้ ตรวจสอบได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • มีรอยปรุสำหรับเปิดกล่อง
  • มีเลขทะเบียน อย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
  • มีสติกเกอร์ โมโนแกรม คำว่า “VOID”
  • เลข lot. ตรงกัน 2 จุดคือ เลข lot. ที่ข้างกล่อง และเลข lot. ที่หลอด
  • สแกน QR CODE ด้วยแอปพลิเคชัน Eztracker เพื่อตรวจสอบยาแท้
  • สามารถสอบถามเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02 023 1800 ต่อ 402

Restylane Vital light ราคา เท่าไหร่ ?

ที่ V Square Clinic โปรโมชั่น Filler Restylane Vital Light ราคา 11,900-16,900.-/CC ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดและเทคนิคพิเศษที่ใช้

โปรฟิลเลอร์-Restylane_24-OCT-2025.1 (5)
  • Restylane Vital light 1 CC 12,900.-
    เก็บรายละเอียดใต้ตาผิวชั้นตื้น
  • Restylane Vital light 1CC 12,900.-
    แก้ไขริมฝีปากแห้ง เพิ่มความชุ่มชื้น โดยไม่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่ม
  • Restylane Vital Light 1 CC 12,900.-
    ฉีดเก็บรายละเอียด ลดรอยเหี่ยวย่นที่มือ
  • Restylane Vital light 1CC 12,900.-
  • Skin booster ปรับสภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้น

Restylane Vital light รีวิว ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดเป็นอย่างไร ?

ตัวอย่างฉีดฟิลเลอร์ Restylane Vital Light รีวิวจากเคสจริงของ V Square Clinic

  • รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 2 CC ร่องแก้ม 1 CC แก้ปัญหาแก้ปัญหาถุงใต้ตา ร่องแก้มลึก ริ้วรอยบนใบหน้า
Restylane Vital light รีวิว

หมอจะใช้ฟิลเลอร์ทั้งหมด 3 รุ่น สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวครับ 

  • Juvederm Voluma ฉีดบริเวณหน้าแก้ม (Midface) เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการฉีดซัพพอร์ตใต้ตา ร่องแก้ม 
  • Restylane Vital light ใช้ 1 cc เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเสริมจุดที่มีปัญหาเล็ก ๆน้อย ๆ ในผิวชั้นตื้น
  • Juvederm Volift เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เหมาะสำหรับฉีดมุมปาก/ร่องแก้ม
แก้ปัญหาใต้ตา ร่องแก้มลึก เพิ่มความสดใส ให้กลับไปหน้าเด็กอีกครั้ง
  • รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 3 CC  ร่องแก้ม 1 CC แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตาจากกระดูกทรุดตัว
รีวิว ฟิลเลอร์ Restylane Vital light

ปัญหาใต้ตาข้างต้น หมอแก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์ 3 CC ดังนี้ครับ

เติมฟิลเลอร์เนื้อแน่นเข้าไปในผิวชั้นลึก ทดแทนกระดูกที่ทรุดตัวลง ช่วยยกใบหน้าขึ้นมาให้เต็มขึ้น และใช้ Restylane Vital light ที่มีโมเลกุลเล็ก บางเบา เก็บรายละเอียดตื้น ๆ บริเวณใต้ตา ช่วยให้ใต้ตาดูสว่างขึ้น และมีความเรียบเนียน

เติมฟิลเลอร์แล้วหน้าเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด จนหลายคนทักไปทำอะไรมา!
  • รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 3 CC + คาง 1 CC แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำทำให้หน้าดูโทรม มีหน้าแก้มและขมับตอบ คางสั้น ไม่ได้สัดส่วน
รีวิว Restylane Vital light

ปัญหาใต้ตาดังกล่าว หมอจะแก้ไขทั้งใต้ตาชั้นลึกและใต้ตาชั้นตื้น โดยใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา 2 รุ่นครับ คือ

  • เติมฟิลเลอร์ Restylane Vital Light ใต้ตา 1 CC เพื่อเก็บร่องใต้ตาในผิวชั้นตื้น หลังฉีดใต้ตาจะดูเรียบเนียน ร่องใต้ตาตื้นขึ้น
  • เติมฟิลเลอร์ Restylane Defyne 2 CC ซึ่งเป็นฟิลเลอร์เนื้อแน่น ฉีดในผิวชั้นลึก เพื่อเสริมฐานกระดูกที่ยุบตัวให้ดูตื้นขึ้น ใต้ตาดูเต็ม
รีวิวแก้ไขใต้ตาคล้ำ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานแค่ไหน ?
Vsquare tips

ข้อควรรู้ : การฉีดฟิลเลอร์ไม่จำเป็นต้องใช้รุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกันเสมอไปครับ ขึ้นอยู่กับระดับปัญหา และตำแหน่งที่ฉีด โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่ต้องใช้เทคนิคการฉีดผิวชั้นลึก ผิวชั้นตื้น ซึ่งต้องใช้เนื้อฟิลเลอร์ที่คุณสมบัติต่างกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หลังฉีดไม่เป็นก้อน


สรุป

Restylane Vital light เป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์คุณภาพจากแบรนด์ Restylane นิยมนำมาใช้ฉีดเพื่อปรับสภาพผิว ให้ดูสุขภาพดี อิ่มฟู และแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า โดยเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ ให้ผลลัพธ์นานถึง 6-12 เดือน มีความปลอดภัย เหมาะกับคนที่มีผิวบอบบาง ไม่ทำให้เกิดเป็นก้อนหลังฉีดครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน 370x277

ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน กี่วันหาย จะสลายเองได้ไหม ? เผยสาเหตุ วิธีแก้ไข และการป้องกัน

Categories
filler
ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน

ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน

ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อนบวม ผิวริมฝีปากไม่สม่ำเสมอ และปากไม่เป็นทรง มักเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไม่เหมาะสมครับ ทั้งจากแพทย์ที่ทำหัตถการ หรือการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและคลายความกังวลใจเหล่านี้ หมอสรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Filler ปากเป็นก้อนให้ครับ ทั้งลักษณะอาการ สาเหตุ วิธีแก้ไข และการป้องกัน

สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน


ลักษณะอาการฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน

อาการฉีด Filler ปากแล้วเป็นก้อน สามารถเกิดขึ้นได้ทันทีหลังฉีด หรือพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นครับ โดยมีจุดสังเกต ดังนี้

  • ผิวริมฝีปากไม่สม่ำเสมอ มีก้อนนูน หรือตุ่มใสที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน
  • ริมฝีปากบวมคล้ายปากเป็ด หรืออวบอิ่มเกินพอดี ดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • ปากไม่เป็นทรง ปากไม่เท่ากัน หรือส่วนติ่งตรงกระจับปากเบี้ยว
  • มีอาการเจ็บ เป็นก้อนแข็ง ไม่สบายริมฝีปากเวลาขยับ หรือสัมผัสโดน
ลักษณะฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน
ฉีด Filler ปากแล้วเป็นก้อน
ลักษณะอาการฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน ที่ควรไปพบแพทย์

ถ้าหลังฉีดฟิลเลอร์ปากคลำได้ก้อนขนาดเล็ก แต่ไม่มีความผิดปกติใด ๆ ที่หมอได้กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ เบื้องต้นแนะนำให้คนไข้รอดูอาการประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนครับ เนื่องจากบางเคสอาจมีอาการบวมจากเนื้อฟิลเลอร์ เวลาเม้มปากหรือสัมผัสโดนจะรู้สึกถึงเนื้อฟิลเลอร์ได้เช่นกัน อาการจะค่อย ๆ หายไปได้เอง


ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน เกิดจากสาเหตุอะไร ?

การฉีดฟิลเลอร์ปากให้ได้ทรงสวย ดูเป็นธรรมชาตินั้น จำเป็นต้องอาศัยทั้งเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ครับ แม้จะใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ/รุ่นเดียวกัน แต่หากแพทย์ขาดความชำนาญ ก็จะมีปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อนได้ ซึ่งเกิดจากสาเหตุเหล่านี้

  • เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง : การฉีดในชั้นผิวที่ลึกหรือตื้นเกินไปจะทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ฟิลเลอร์จับกันเป็นก้อนได้ หรือในกรณีที่เป็นการฉีดอัดในตำแหน่งเดียวกันมากเกินไป มักเจอบ่อยบริเวณริมฝีปากล่างเวลาปั้นเป็นก้อนเชอร์รีครับ
  • เลือกเนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม : บริเวณริมฝีปากมีผิวที่บาง และเป็นจุดที่ขยับบ่อย นิยมใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เนื้อละเอียด หรือเนื้อฉ่ำ เพื่อให้เบลนด์ไปกับปากได้ดี ดูเป็นธรรมชาติ หากเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่แน่นเกินไปก็จะอาจเกิดปัญหาฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อนได้
  • ใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากเกินไป : โดยทั่วไปฟิลเลอร์ปากจะใช้ประมาณ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับรูปทรงปากเดิม และทรงที่คนไข้อยากได้ครับ ถ้าใช้มากเกินไปก็จะทำให้ปากดูบวม อวบอิ่มเกินพอดีได้

อีกสาเหตุที่ทำให้หลังฉีด Filler ปากแล้วเป็นก้อน เกิดได้จากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้ว ที่บางคลินิกนำมาฉีดฟิลเลอร์ในราคาถูกกว่าท้องตลาดมาก ๆ ซึ่งกรณีนี้อันตรายที่สุดครับ

เพราะมีส่วนผสมที่ไม่ย่อยสลาย หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน ก่อให้เกิดการแพ้ ติดเชื้อ หรือใบหน้าผิดรูปได้ ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง คนไข้ควรตรวจสอบฟิลเลอร์ให้มั่นใจว่าเป็นของแท้ครับ

เช็กฟิลเลอร์ของแท้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก หมอเป้
ที่ V Square Clinic ใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อมาตรฐานสากล แกะกล่องให้ดูต่อหน้า สามารถตรวจสอบได้ทุกกล่อง

ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้หลังฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน

ในความเป็นจริงแล้วเนื้อเจลของฟิลเลอร์มีความคงตัวครับ ไม่ได้ไหลหรือเสียรูปทรงได้ง่ายอย่างที่หลายคนกังวลใจ แต่การดูแลตัวเองไม่เหมาะสม หรือกินอาหารบางชนิด อาจส่งผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์ กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ หรือทำให้ปากบวมได้

  • การสัมผัสริมฝีปากแรง ๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ เช่น บีบ นวดคลึง กด หรือดึงลอกหนังริมฝีปาก ในช่วงที่ฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี ก็อาจทำให้เกิดบาดแผลและปากเป็นก้อน
  • การดูดน้ำจากหลอด การสูบบุหรี่ การจูบ หรือแปรงฟันแรง ๆ เป็นการเพิ่มแรงกดที่ริมฝีปาก
  • การกินอาหารหมักดอง กึ่งสุกกึ่งดิบ เสี่ยงให้เกิดการอักเสบ และติดเชื้อ หากขั้นตอนการทำไม่สะอาดพอ
  • กินอาหารรสจัด หวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด หรือโซเดียมสูง เพราะทำให้เกิดภาวะบวมน้ำ ฟิลเลอร์ปากยุบบวมช้า
  • กินอาหารหรือเครื่องดื่มร้อน ๆ ส่งผลต่อการเข้าที่ของฟิลเลอร์ และอาจทำให้ริมฝีปากระคายเคือง
  • ดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น เสี่ยงเกิดการอักเสบ และปวดระบม

ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน แก้ไขอย่างไร ?

วิธีแก้ปัญหาฉีด Filler ปากแล้วเป็นก้อน มีด้วยกัน 2 วิธี คือ การฉีดสลายฟิลเลอร์ และขูดฟิลเลอร์ ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มที่ฉีดครับ หมอจะลงรายละเอียดในหัวข้อถัดไป

ฉีดสลายฟิลเลอร์

เจาะลึก! ฉีดสลายฟิลเลอร์ คืออะไร ? เข้าใจใน 5 นาที

ถ้าคนไข้ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ที่เป็นสารไฮยาลูรอน หรือ Hyaluronic Acid สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase: HYAL) ได้ครับ

เอนไซม์ดังกล่าวจะเข้าไปลดการกักเก็บน้ำและไขมัน และทำลายการยึดเกาะของเนื้อฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ปากที่เป็นก้อนก็จะยุบลง ผิวริมฝีปากกลับมาเรียบเนียนใกล้เคียงกับก่อนฉีดฟิลเลอร์มากที่สุด

ฉีดสลายฟิลเลอร์
หลักการทำงานของการฉีดสลายฟิลเลอร์

หากมีปัญหาฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน หรือไม่พอใจผลลัพธ์ คนไข้สามารถกลับไปให้คลินิกเดิมฉีดสลายให้ได้ครับ หลายแห่งให้บริการฟรี

ในกรณีที่จะเปลี่ยนคลินิกความงามใหม่ แนะนำให้เตรียมข้อมูลของการฉีดฟิลเลอร์ครั้งก่อนไปด้วย เช่น ยี่ห้อ/รุ่นฟิลเลอร์ จำนวน CC ที่ฉีด และวันเวลาที่ฉีด เพื่อที่หมอจะช่วยประเมินปริมาณยาสสายฟิลเลอร์ที่เหมาะสมได้ครับ

ขูดฟิลเลอร์หรือผ่าตัดก้อนฟิลเลอร์

ในรายที่ลองฉีดสลายฟิลเลอร์แล้ว แต่ก้อนไม่ยุบลงเลย อาจหมายถึงว่าคนไข้พลาดฉีดฟิลเลอร์ปลอมมาครับ จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการขูดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นการผ่าเปิดแผลขนาดเล็ก และนำเครื่องมือเข้าไปขูดก้อนฟิลเลอร์ออกมา อาจนำออกได้เพียง 60-70% เพราะเสี่ยงโดนเส้นเลือดและเส้นประสาท

หากก้อนฟิลเลอร์ปลอมอยู่ในร่างกายนาน จนเกิดพังผืดมาเกาะ กลายเป็นก้อนแข็งและมีขนาดใหญ่ อาจจำเป็นต้องปรึกษากับศัลยแพทย์ในโรงพยาบาล


ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน จะสลายเองได้ไหม ?

ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน สามารถสลายได้เองจนหมดครับ เพราะฟิลเลอร์มีอายุการใช้งานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ/รุ่นที่ใช้

แต่เนื่องจากปากเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่าย หากอวบอิ่มเกินพอดี ปากมีก้อน ผิวไม่สม่ำเสมอ จะทำให้หลาย ๆ คนเสียความมั่นใจ และอยากแก้ไขมากกว่ารอให้ฟิลเลอร์สลายเอง

อายุการใช้งานของฟิลเลอร์ปากแต่ละยี่ห้อ/รุ่น

ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานไหม

ส่วนวิธีที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายได้เร็วที่สุดและปลอดภัย คือ การฉีดสลายฟิลเลอร์ครับ เมื่อฟิลเลอร์เข้าที่เรียบร้อยแล้ว การโดนความร้อน กินอาหารร้อน ๆ ไม่ได้มีผลให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าเดิม


วิธีดูแลตัวเองป้องกันการฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยป้องกันปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน และการระคายเคืองต่าง ๆ ได้ครับ รวมถึงยังช่วยให้ฟิลเลอร์ปากเป็นทรงสวย และผลลัพธ์อยู่ได้นานอีกด้วย

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากไม่ให้เป็นก้อน
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

อีกวิธีที่ช่วยป้องกันปัญหาฉีด Filler ปากแล้วเป็นก้อนได้เป็นอย่างดี คือ การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ครับ หมอย้ำเสมอว่า ก่อนจะฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี หรือฉีดกับใคร คนไข้ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิกความงาม และพิจารณาประสบการณ์ของแพทย์จากรีวิวฉีดฟิลเลอร์ปากร่วมด้วยครับ

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ?
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
หมอฉีดฟิลเลอร์ปาก

ที่ V Square Clinic ฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์มากประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ากว่า 15 ปี มีประเมินใบหน้าก่อนฉีดทุกเคส เพื่อให้คนไข้ได้รูปทรงปากที่ดูเป็นธรรมชาติ และสวยงามรับกับใบหน้า


ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน นวดได้ไหม ?

คนไข้ไม่ควรนวดก้อนฟิลเลอร์ด้วยตัวเองครับ หากในช่วงที่ฟิลเลอร์ปากยังไม่เข้าที่ดี แต่คนไข้สังเกตเห็นก้อน ตุ่มใส หรือพลาดไปกระทบกระเทือนแรง ๆ ที่ริมฝีปาก สามารถมาให้หมอตรวจประเมินก่อนได้ครับ


ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน อันตรายหรือไม่ ?

ต้องดูที่สาเหตุของฟิลเลอร์ปากเป็นก้อนครับ หากเกิดจากการใช้ปริมาณมากเกินไป ฉีดผิดชั้นผิว หรือเลือกเนื้อไม่เหมาะสม แต่ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ก็ไม่เป็นอันตรายครับ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์บางส่วน หรือฉีดสลายทั้งหมด ก็จะช่วยปรับให้ผิวริมฝีปากเรียบเนียนได้เหมือนเดิม

กรณีที่อันตรายจะเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฉีดฟิลเลอร์ปากกับหมอกระเป๋าครับ เสี่ยงเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ฟิลเลอร์ไหลย้อย ทำให้ใบหน้าผิดรูปได้


ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน กี่วันหาย ?

ถ้าเป็นการก้อนบวมจากเนื้อฟิลเลอร์ที่ฉีด เพียงดูแลตัวเองตามแนวทางที่หมอให้ไป ก็จะยุบบวมได้เองใน 2 สัปดาห์ครับ ไม่จำเป็นต้องแก้ไข หมอเขียนอธิบายไว้ในบทความฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? ควรดูแลตัวเองอย่างไรให้เข้าที่เร็ว ? อ่านเพิ่มเติมได้ครับ

ในกรณีที่แก้ไขด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ ตัวยาจะออกฤทธิ์ทันทีและต่อเนื่องไปจนครบ 48 ชั่วโมง ใน 15-20 นาที ฟิลเลอร์จะยุบตัวลงประมาณ 60-70% และเห็นผลเต็มที่ใน 2 วัน หากคนไข้ต้องการฉีดฟิลเลอร์ปากใหม่ แนะนำให้รอ 7 วัน เพื่อให้ยาสลายฟิลเลอร์หมดฤทธิ์ และเนื้อเยื่อฟื้นฟูเต็มที่แล้ว

ส่วนถ้าเป็นการผ่าหรือขูดฟิลเลอร์ แผลจะดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ และสมานประมาณ 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดร่วมด้วย หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ปากใหม่ จำเป็นต้องให้แพทย์ประเมินก่อนครับ

Vsquare tips

ข้อควรรู้ : หากคนไข้เคยผ่าตัดริมฝีปากมาก่อน จำเป็นต้องแจ้งแพทย์ทุกครั้ง เนื่องจากเส้นเลือดบางส่วนจะโดนรอยแผลและพังผืดปิดกั้น แพทย์จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง และมีความเสี่ยงในการอุดตันเส้นเลือดได้มากกว่าเคสปกติ


สรุปเรื่องฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน

แม้จะใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ก็สามารถเกิดปัญหาฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน ปากไม่เป็นทรงได้ครับ หากฉีดกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ หรือดูแลตัวเองไม่เหมาะสม

ทางที่ดีคนไข้ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เลือกคลินิกและแพทย์ที่น่าเชื่อถือ และตรวจสอบฟิลเลอร์ให้ถี่ถ้วนเสมอ เพื่อให้ได้บริการที่ปลอดภัย ผลลัพธ์ตรงกับความต้องการ และไม่ต้องเสียเวลาฉีดสลายฟิลเลอร์ครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด 370x277

ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด จริงไหม ? เกิดจากอะไร ? เลือกคลินิกอย่างไร ให้ปลอดภัย

Categories
filler
ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด

ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด

ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด เป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดของการฉีด Filler ซึ่งแม้จะหายาก และพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็เป็นที่น่ากังวลครับ เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้ว สามารถส่งผลกระทบที่รุนแรงและถาวรต่อชีวิตของผู้ที่ได้รับการฉีด

บทความนี้หมอจะพาไปสำรวจความเสี่ยงของอาการตาบอดหลังฉีดฟิลเลอร์ ว่าเกิดจากอะไร ? ฉีดจุดไหนเสี่ยง ? สัญญาณเตือนหลังฉีดแบบไหนที่ต้องระวัง รวมทั้งแนะนำวิธีการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างไร ให้ปลอดภัย เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด


ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด มีจริงไหม ? เป็นไปได้หรือไม่ ?

ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด เป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ แต่ไม่ใช่กรณีที่เกิดขึ้นกันได้ง่าย ๆ มักเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่ใกล้เคียงกับเส้นเลือดหรือเส้นประสาทที่สำคัญ เช่น บริเวณหน้าผาก จมูก ร่องแก้ม หรือบริเวณที่มีการไหลเวียนของเลือดสูง

หากเนื้อฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันบริเวณเส้นเลือดจุดใดจุดหนึ่ง โดยเฉพาะหลอดเลือดที่เชื่อมกับดวงตาโดยตรง จะทำให้เลือดไปเลี้ยงดวงตาไม่ได้ เรียกว่าภาวะ Central Retinal Artery Occlusion (CRAO) หรือกรณีที่อุดตันหลอดเลือดจุดอื่น ๆ อาจส่งผลทำให้เกิดเนื้อตาย (Necrosis) ได้ครับ

ตัวอย่างภาพคนไข้ที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด

คนไข้ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด

ตัวอย่างภาพคนไข้ที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดและเกิดการอุดตัน

ฉีดฟิลเลอร์แล้วอุดตันเส้นเลือด

ฉีดฟิลเลอร์บริเวณไหนเสี่ยงตาบอด ?

ตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดการอุดตันเส้นเลือดจนถึงขั้นตาบอด คือบริเวณที่อยู่ใกล้ดวงตาครับ ได้แก่

โดยเฉพาะตำแหน่งร่องแก้ม มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของเส้นเลือด เพราะเป็นตำแหน่งเดียวกันกับทางเดินของเส้นเลือดใหญ่ที่เรียกว่า facial Artery ต่อกับ Angular Artery ที่เป็นเส้นเลือดเชื่อมต่อไปยังหลอดเลือดที่เลี้ยงบริเวณลูกตาได้ ดังนั้นการฉีดจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

เส้นเลือดบริเวณใบหน้าจุดเสี่ยงฉีด Filler แล้วตาบอด

ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ เช่น ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์คาง และฟิลเลอร์ใต้ตา ถือเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างปลอดภัย และโอกาสอุดตันเส้นเลือดค่อนข้างน้อย

โดยปัญหาที่พบบ่อยจะเป็นในแง่ความสวยงามมากกว่า อย่างการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ผิวไม่เรียบเนียน ผลลัพธ์ดูไม่เป็นธรรมชาติครับ


สาเหตุที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด เกิดจากอะไร ?

สาเหตุที่ทำให้ฉีด Filler แล้วตาบอด เกิดจากการที่ฟิลเลอร์ไปอุดตันเส้นเลือดที่เลี้ยงดวงตา เมื่อไม่มีเลือดไปเลี้ยงจอประสาทตา เซลล์ก็จะตาย และทำให้ตาบอดหลังฉีดฟิลเลอร์ในที่สุด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

1. การฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่เสี่ยง

กายวิภาคบนใบหน้านั้นมีความซับซ้อนครับ เป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดแดง รวมถึงมีเส้นเลือดที่เชื่อมโยงกับดวงตาโดยตรง

หากใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง ฉีดผิดวิธี ฉีดผิดตำแหน่ง ย่อมมีความเสี่ยงที่ฟิลเลอร์จะเข้าไปในเส้นเลือดแดง และอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณดวงตา ส่งผลให้เกิดอาการตาพร่ามัว และอาจสูญเสียการมองเห็นได้

ฉีดผิดตำแหน่งเสี่ยงตาบอด
การฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง เสี่ยงทำให้เกิดตาบอด

2. การฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ

การฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ไม่มากพอ ฉีดกับหมอเถื่อน หมอกระเป๋า ที่ขาดความรู้ความชำนาญในการฉีด อาจฉีดฟิลเลอร์ได้ไม่ตรงจุด ใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม หรือฉีดในปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด ไม่สามารถแก้ไขปัญหา หรือรับผิดชอบได้เมื่อเกิดความผิดพลาด

หมอกระเป๋าฉีดฟิลเลอร์เสี่ยงตาบอด

หากฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์มากประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดน้อยมาก ถ้าเกิดพลาดฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด ก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ แก้ปัญหาได้ทันท่วงที ไม่เกิดเนื้อตายหรือตาบอดครับ

3. การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ปลอม มักจะเป็นสารประเภท Calcium hydroxylapatite, polymethylmethacrylate, ซิลิโคนเหลว พาราฟิน

เป็นสารเติมเต็มที่ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ รวมถึงไม่สามารถใช้การฉีดสลายได้ หากเข้าไปอยู่ในร่างกายแล้วจะอยู่ถาวร จับตัวเป็นก้อน ต้องเอาออกด้วยวิธีการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น

อันตรายจากฟิลเลอร์ปลอมเสี่ยงตาบอด

ในระยะแรกหลังฉีดอาจจะรู้สึกเหมือนปกติครับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะพบว่าฟิลเลอร์ไม่สลาย และเริ่มมีความผิดปกติ เกิดการไหล บวมแดง อักเสบรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือเกิดการอุดตันในเส้นเลือด อาจรุนแรงถึงขั้นตาบอด ไม่สามารถทำการรักษาได้


ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด เกิดขึ้นบ่อยหรือไม่ ?

ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด ไม่ใช่เคสที่เกิดขึ้นกันได้ง่าย ๆ และยังถือว่าการฉีด Filler มีอัตราการเกิดอันตรายและภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าการฉีดไขมัน (Transplanted fat)

ซึ่งจากการเก็บข้อมูลสถิติผลข้างเคียงหลังฉีดสารเติมเต็มที่ผ่านมา พบว่า จำนวนรายงานเคสที่พบภาวะเนื้อตายหรือตาบอดหลังฉีดไขมัน มีจำนวนสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ประเภท HA และ สารเติมเต็มประเภทอื่น ๆ ครับ

สถิติผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์

ด้านบนเป็นภาพเปรียบเทียบเคสที่เกิดภาวะเนื้อตายและตาบอด จากการฉีดสารเติมเต็มชนิดต่าง ๆ ในปี 2018-2020 พบผู้ป่วยที่ตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์ 190 ราย เกิดจากการฉีดไขมันสูงที่สุด (90 ราย หรือ 47%) รองลงมาคือฟิลเลอร์ HA (53 ราย หรือ 28%) และสารเติมเต็มประเภทอื่น ๆ

จะเห็นว่าการเติมไขมัน มีความเสี่ยงสูงที่สุด ที่จะเกิดเนื้อตายและตาบอด เนื่องจากไม่มียาที่ฉีดสลายออกได้ทันที ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ HA ของแท้ หมอจะตรวจพบการอุดตันในเส้นเลือดได้จากการเปลี่ยนแปลงของสีผิวขณะฉีดและหลังฉีด

หากเกิดความผิดพลาด แพทย์ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด ก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยเอนไซม์ที่ชื่อว่า Hyaluronidase ครับ

Vsquare tips

ฟิลเลอร์ (Filler) ในทางการแพทย์ หมายถึง สารฉีดเติมเต็ม (Injectible Filler) ซึ่งในต่างประเทศมักพบว่าฟิลเลอร์มีผลข้างเคียงเยอะ เพราะรวมการเติมไขมัน ฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่สามารถสลายได้ รวมถึงฟิลเลอร์ปลอมไว้ในฟิลเลอร์ด้วย แต่ในไทย ฟิลเลอร์ จะหมายถึงฟิลเลอร์ HA ของแท้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด มักมีสัญญาณเตือนอย่างไร ?

  • ตามัวลงอย่างรวดเร็วหลังฉีด ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือภายใน 1-2 วัน
  • มองเห็นภาพซ้อนหรือภาพเบลอ
  • ปวดตา ตาแดง หรือรูม่านตาอักเสบ
  • ความดันลูกตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

หากคนไข้มีอาการเหล่านี้หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจประเมินและรับการรักษาอย่างเร่งด่วน ยิ่งรีบรักษาเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งมีโอกาสเยียวยาการมองเห็นได้ดีขึ้น สามารถช่วยลดความเสี่ยง และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ


แนวทางเลือกแพทย์ และ คลินิกฉีดฟิลเลอร์ ป้องกันเหตุตาบอด

การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่จะฉีดที่ไหนกับใครก็ได้ครับ ต้องอาศัยทั้งทักษะและความรู้ ความชำนาญในการฉีดให้ได้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม ปลอดภัย

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี คนไข้ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยพิจารณาได้จาก Checklist ดังนี้

วิธีเลือกแพทย์ฉีดฟิลเลอร์

  • ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ รู้ตำแหน่งและเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง
  • มีป้ายประจำตัวเแพทย์ และเลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม สามารถนำชื่อ – นามสกุลของหมอไปตรวจสอบกับเว็บไซต์แพทยสภาได้
  • มีรีวิวของผู้ใช้บริการจริงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น Facebook, Wongnai, Pantip ที่คลินิกไม่สามารถลบออกได้ ช่วยให้เห็นฝีมือของหมอ และผลลัพธ์ของเคสนั้น ๆ ประกอบการตัดสินใจก่อนทำ
  • เป็นแพทย์ประจำของคลินิก ไม่ใช่แพทย์ Part-time เพราะแพทย์ประจำจะสามารถดูแลเคสได้ต่อเนื่อง สามารถติดตามตัวได้
  • สามารถเข้าไปปรึกษา และตรวจประเมินอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ รวมถึงก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง สามารถขอให้แพทย์แกะกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้าได้ เพื่อความมั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้

วิธีเลือกคลินิกเสริมความฉีดฟิลเลอร์

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีป้ายชื่อสถานพยาบาล รวมถึงเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก และรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพ แสดงไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน
  • บรรยากาศภายในคลินิกต้องสะอาด สว่าง พื้นที่กว้างขวาง ไม่อับทึบหรือแออัด มีอุปกรณ์ เครื่องมือ ยาและเวชภัณฑ์อย่างครบถ้วน ผ่านการฆ่าเชื้อ ถูกต้องตามหลักอนามัย
  • คลินิกควรจะตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางเข้ามาติดต่อได้สะดวก มีที่จอดรถ
  • ควรเลือกคลินิกที่มีการนัดหมายติดตามผลการรักษาหลังทำ มีแพทย์ดูแลและให้คำแนะนำข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างใกล้ชิด
  • คลินิกต้องมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย เช่น เบอร์โทรศัพท์ Facebook หรือ Line@ สำหรับให้คนไข้สอบถามข้อมูล ข้อสงสัย หรือนัดหมายคิวปรึกษากับแพทย์ที่ดูแลเคสของตนเองได้โดยตรง
คลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ป้องกันตาบอด

วิธีดูฟิลเลอร์แท้

  • ฟิลเลอร์แท้มีฉลากภาษาไทยอยู่บนกล่อง มีราคา เลขทะเบียน อย. และมีวันหมดอายุระบุชัดเจน
  • เลข Lot ที่กล่อง สติกเกอร์ และหลอดต้องตรงกัน
  • สามารถนำเลข Lot ไปตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้

คลิกอ่านเพิ่มเติม : วิธีดูฟิลเลอร์แท้ แต่ละยี่ห้อ มีจุดสังเกตอย่างไร ? ยี่ห้อไหนบ้างที่ผ่าน อย.

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอมดูอย่างไร?

สรุปเรื่องความเสี่ยงฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด

ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริง แต่ถือว่าเป็นอัตราที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก และไม่ใช่ทุกคนเมื่อได้รับฟิลเลอร์แล้วจะตาบอดครับ

สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงจากการฉีดฟิลเลอร์ได้ ด้วยการเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย


อ้างอิง


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม 370x277

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ? ควรดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างไร ให้หายเจ็บไวขึ้น

Categories
filler
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ? เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับคนไข้ที่กำลังตัดสินใจฉีดใต้ตาครั้งแรก อาจยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บปวดและความปลอดภัย ในบทความนี้หมอจึงมาตอบทุกข้อสงสัย พร้อมแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด Filler ใต้ตาอย่างไร ให้หายเจ็บไว ผลลัพธ์เข้าที่เร็วครับ

รวมคำถามยอดฮิต! Q&A ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เจ็บไหม ?

สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม


การทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ?

ขณะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะรู้สึกเจ็บ แต่เป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ครับ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนเจ็บ หรือบางคนก็อาจจะไม่เจ็บเลย

เนื่องจากก่อนฉีดทางคลินิกจะมีการแปะยาชา และแพทย์จะทำการฉีดยาชาให้ รวมถึงในระหว่างขั้นตอนการฉีดจะมีการประคบน้ำแข็ง เพื่อช่วยลดความเจ็บจากเข็ม


ฟิลเลอร์มียาชาลดอาการเจ็บขณะฉีดหรือไม่ ?

เนื้อฟิลเลอร์บางรุ่นจะมียาชา (Lidocaine) ผสมอยู่ด้วย ช่วยให้ขณะที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีความรู้สึกเจ็บน้อยลงมาก จนแทบไม่รู้สึกเลย คนไข้ที่กลัวเจ็บ กลัวเข็ม สบายใจได้

นอกจากยาชาจะลดอาการเจ็บขณะฉีดแล้ว ยังช่วยลดอาการบวมและอักเสบหลังฉีดฟิลเลอร์ได้อีกด้วยครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี

ทำไมถึงรู้สึกเจ็บน้อยขณะที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หากทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคและความระมัดระวังในการฉีด จะช่วยลดอาการเจ็บและบวมลงอย่างมาก จนทำให้คนไข้แทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บ ด้วยเหตุผลหลายประการ ได้แก่

  • การใช้ยาชาเฉพาะที่ : ก่อนทำการฉีด แพทย์จะทายาชาเฉพาะที่บริเวณใต้ตา เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีด
  • ความละเอียดของเข็ม : เข็มที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์มักจะมีขนาดเล็ก ใช้เข็มปลายทู่แทนเข็มปลายแหลมแบบเดิม ซึ่งจะช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและเส้นเลือด รอยช้ำน้อย
  • ประสบการณ์และเทคนิคของแพทย์ : แพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความเจ็บน้อย และบวมช้ำน้อยที่สุดครับ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับ หมอปู
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ดี

หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วมีอาการเจ็บ เกิดจากสาเหตุใด ?

หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเจ็บ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่

1. การใช้ยาชาไม่เพียงพอ

หากยาชาที่ใช้ไม่เพียงพอ หรือไม่ครอบคลุมพื้นที่ที่จะทำหัตถการอย่างทั่วถึง อาจทำให้คนไข้ยังรู้สึกเจ็บในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ครับ

2. เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องอาศัยเทคนิค และความแม่นยำอย่างมากครับ

หากแพทย์ใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เช่น ฉีดเร็วเกินไป ฉีดลึกเกินไป หรือฉีดปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการเจ็บและฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนบวมได้

3. การใช้เข็มที่ไม่เหมาะสม

การใช้เข็มปลายแหลมแบบเดิม อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและเส้นเลือด มากกว่าเข็มปลายทู่ จึงอาจทำให้เกิดอาการเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้มากกว่า

4. การดูแลหลังการฉีดที่ไม่ถูกต้อง

หลังฉีดใต้ตา หากคนไข้ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น กด นวด หรือประคบร้อนบริเวณที่ฉีด ทำให้เกิดการบวม และระคายเคืองในบริเวณที่ฉีด อาจส่งผลให้รู้สึกเจ็บได้ครับ

5. การแพ้ฟิลเลอร์

ในบางรายอาจเกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บ บวม แดง และคันบริเวณที่ฉีด


หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอาการเจ็บหรือไม่ ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยได้ในบางราย ซึ่งมักเกิดจากเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม หรือการดูแลหลังการฉีดที่ไม่ถูกต้อง

ซึ่งอาการเจ็บดังกล่าวจะค่อย ๆ บรรเทาลงภายใน 1-2 วัน โดยสามารถประคบเย็นและรับประทานยาแก้ปวดตามอาการ เพื่อลดอาการเจ็บและบวมได้

บทความแนะนำ

หากหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วมีอาการเจ็บมาก บวมมาก หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น แดง คัน หรือมีไข้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และรักษาที่ถูกต้องครับ


หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน ? หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคัน ประมาณ 3-7 วัน พบได้เป็นเรื่องปกติครับ สามารถหายได้เอง โดยจะค่อย ๆ ดีขึ้น และยุบบวมเข้าที่เต็มที่ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์


อาการเจ็บหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แบบไหนควรรีบพบแพทย์

หลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หากคนไข้มีอาการผิดปกติ เช่น

  • อาการเจ็บรุนแรง และไม่ดีขึ้นหลังจากผ่านไป 1-2 วัน
  • อาการบวมมาก และไม่ยุบลงหลังจากผ่านไป 2-3 วัน
  • มีรอยแดงหรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
  • มีอาการคันหรือแสบร้อนบริเวณที่ฉีด
  • มีไข้หรือหนาวสั่น
  • มีอาการชาหรืออ่อนแรงบริเวณที่ฉีด

อาการเหล่านี้บ่งบอกถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น การติดเชื้อ การอักเสบ หรือการอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็วที่สุดครับ


วิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้หายเจ็บไวขึ้น

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยเฉพาะในช่วง 14 วันแรก คนไข้ควรดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดอาการบวม ทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้น หายเจ็บไวขึ้นครับ

วิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้หายเจ็บไวขึ้น

การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา และกดนวดบริเวณใต้ตา หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 7-14 วัน (ทางคลินิกจะมียาแก้ปวด ลดบวมให้ครับ หากหลังจาก 3 วันไปแล้ว มีอาการบวมมากขึ้น ให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อรับยากินเพิ่ม)
  • ในบางเคสอาจปวดระบมตามรอยเข็มในคืนแรกหลังทำ สามารถกินยาแก้ปวด Paracetamol ที่ทางคลินิกให้ไปทุก ๆ 4 ชม. และควรกินยาที่แพทย์จ่ายให้หลังทำ ให้ครบถ้วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันการติดเชื้อ
  • ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
  • งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF Thermage อย่างน้อย 1 เดือน
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยลดอาการบวม ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี เจ็บน้อย ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ? วิธีเลือกคลินิกให้ปลอดภัย

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี คนไข้ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย โดยสามารถพิจารณาได้จากเช็กลิสต์ดังนี้

  • คลินิกได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก แสดงให้เห็นชัดเจน
  • แพทย์มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รู้ตำแหน่งและเทคนิคการฉีดเป็นอย่างดี
  • บรรยากาศภายในคลินิกสะอาด สว่าง โปร่ง ห้องทำหัตถการพื้นที่กว้างขวาง ปลอดเชื้อ
  • มีรีวิวจากผู้ใช้บริการในแหล่งที่น่าเชื่อถือ แสดงให้เห็นผลลัพธ์ก่อน-หลังทำของแต่ละเคส
  • มีการนัดติดตามผลและมีช่องทางติดต่อสะดวก สามารถปรึกษาแพทย์เจ้าของเคสได้โดยตรง

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ที่ V Square Clinic

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ V Square Clinic ใช้ฟิลเลอร์แท้คุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานสากล ให้คำแนะนำและทำหัตถการโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ และชำนาญด้านศิลปะการฉีดฟิลเลอร์ (Fine Art of Filler)

วิเคราะห์ออกแบบใบหน้า และประเมินปัญหาอย่างละเอียด ฉีดด้วยเทคนิคพิเศษเฉพาะ มือเบา บวมช้ำน้อย หลังทำมีการนัดติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุกเคส มั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัยครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา V Square Clinic เจ็บไหม หมอแนน
ก่อนฉีดหมอจะแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้าคนไข้ และให้นำกล่องกลับบ้านไปตรวจเช็กได้ครับ

สรุปเรื่องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ? ตามที่หมออธิบายไปว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจทำให้เกิดอาการเจ็บเล็กน้อย เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และเทคนิคการฉีดของแพทย์ รวมไปถึงความไวต่อความเจ็บปวดของแต่ละบุคคล ก่อนทำหมอจะมีการแปะยาชา และตัวฟิลเลอร์บางรุ่นเองก็มียาชาผสมอยู่แล้วด้วย ขณะฉีดจะเจ็บน้อยมากจนแทบไม่รู้สึก คนไข้ที่กลัวเจ็บก็คลายความกังวลไปได้เลยครับ

อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บดังกล่าวจะค่อย ๆ ลดลงใน 1-2 วัน และสามารถบรรเทาอาการเจ็บได้ด้วยการประคบเย็นและรับประทานยาแก้ปวด หากหลังฉีด Filler ใต้ตาแล้วมีอาการเจ็บมาก หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจประเมินและวางแผนการรักษาต่อไป


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ฟิลเลอร์หลุมสิว 370x277

ฟิลเลอร์หลุมสิว คืออะไร ? เหมาะกับใคร ? ก่อนฉีดควรรู้อะไรบ้าง ?

Categories
filler
ฟิลเลอร์หลุมสิว

ฟิลเลอร์หลุมสิว

หลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการอักเสบของสิวที่รุนแรง จนทำให้เกิดการทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดรอยบุ๋มหรือหลุมสิวบนผิวหน้า สามารถรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ช่วยเติมเต็มผิวให้เรียบเนียนขึ้น โดยใช้สารเติมเต็มที่ปลอดภัยและเข้ากันได้กับร่างกาย อย่างกรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic) ที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ทำให้ผิวอิ่มเต็ม แก้ปัญหาหลุมสิวได้อย่างเร่งด่วน

ในบทความนี้ หมอจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับ Filler หลุมสิว คืออะไร ? เหมาะกับใคร ? ฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิวยี่ห้อไหนดี ? ใช้กี่ CC ต้องทำบ่อยแค่ไหน ถึงจะเห็นผล ข้อมูลทั้งหมดหมอรวบรวมไว้ เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจก่อนฉีดหลุมสิว สามารถติดตามอ่านได้ครับ

สารบัญ ฟิลเลอร์หลุมสิว


การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว คืออะไร ?

การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว คือ เทคนิคการรักษาหลุมสิว โดยใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) แบบเดียวกับที่ใช้ในการยกหน้าหรือปรับรูปหน้าครับ

ซึ่งฟิลเลอร์มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยอุ้มน้ำในผิว เมื่อฉีดเข้าไปบริเวณหลุมสิว จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียน ดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

ในเคสที่มีปัญหาหลุมสิวแบบมีพังผืด หมอจะใช้เข็มเซาะพังผืดพร้อม ๆ กับฉีดเติมฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม และหลุมสิวดูตื้นขึ้นในทันทีครับ


ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เหมาะกับใครบ้าง ?

การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวระดับทั่วไปและปานกลาง โดยเฉพาะผู้ที่มีลักษณะหลุมสิวดังต่อไปนี้

  • หลุมสิวแบบ Rolling scar : หลุมสิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นหลุมกลมหรือรี มักพบได้บริเวณแก้มและหน้าผาก
  • หลุมสิวแบบ Box scar : หลุมสิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นหลุมเหลี่ยมหรือขอบเหลี่ยม มักพบได้บริเวณแก้มและขมับ
ประเภทหลุมสิวที่เหมาะกับการฉีด Filler หลุมสิว

นอกจากนี้ การฉีด Filler เติมหลุมสิว ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน ไม่อยากผ่าตัดหรือรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ เนื่องจากกังวลถึงผลข้างเคียง และอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า

Vsquare tips

การฉีดฟิลเลอร์รักษาหลุมสิว อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวรุนแรง แบบ Ice pick scar ที่มีขนาดใหญ่และลึกมาก เนื่องจากต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มาก และอาจไม่สามารถฉีดเติมเต็มหลุมสิวได้เต็มที่ครับ แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว และเลือกวิธีที่เหมาะสมในการรักษา


ข้อดี – ข้อจำกัด ของการเติมเต็มหลุมสิวด้วยฟิลเลอร์

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

  • หลังฉีดสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที หลุมสิวดูตื้นขึ้นประมาณ 70-80%
  • ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นหลังการรักษา สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ไม่ทิ้งรอยแผลหลังการรักษา สามารถใช้หน้าได้เลย เหมาะกับคนที่ต้องการความรวดเร็ว
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว เติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวให้อิ่มเต็ม กระชับ เรียบเนียน
  • สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวให้ดียิ่งขึ้น

ข้อจำกัดของการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

  • ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ไม่คงอยู่ถาวร ต้องมีการเติมฟิลเลอร์หลุมสิวซ้ำ เพื่อคงสภาพผลลัพธ์
  • การฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิว ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

วิธีรักษาหลุมสิวเพิ่มเติม นอกเหนือจากการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

นอกเหนือจากการฉีดไฮยาลูรอนรักษาหลุมสิวแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถช่วยเติมเต็มหลุมสิวให้เรียบเนียนได้ โดยแต่ละวิธีมีลักษณะและความเหมาะสมที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. รักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ (Laser)

เลเซอร์รักษาหลุมสิว

การทำเลเซอร์หลุมสิว เป็นการยิงพลังงานเลเซอร์เข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวชั้นลึก สร้างเซลล์ใหม่ ผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวชั้นบนเรียบเนียนขึ้น หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกว้างเล็กลง

หลังทำผิวอาจลอกตกสะเก็ด ต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด และพักฟื้นอย่างน้อย 1 สัปดาห์ วิธีนี้จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้หน้าเร่งด่วนครับ

2. ตัดพังผืดหลุมสิว (Subcision)

ตัดพังผืดหลุมสิว

การตัดพังผืดหลุมสิว คือ วิธีรักษาหลุมสิวด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กตัดเลาะพังผืดใต้ผิวหนังออก เพื่อทำลายการยึดเกาะของเส้นใย ที่ทำให้หลุมสิวมีลักษณะลึกและไม่เรียบ

เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิวระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือมีปัญหาหลุมสิวเรื้อรัง หลังตัดพังผืดออกแล้ว จะมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น สามารถทำร่วมกับการฉีด Filler หลุมสิวได้ เพื่อให้เห็นผลเร็วขึ้น

3. กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion)

กรอผิวรักษาหลุมสิวด้วยเกล็ดอัญมณี

การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี เป็นการใช้เทคโนโลยีในการกรอผิวชั้นบนด้วยเกล็ดอัญมณีที่มีขนาดเล็ก เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าออก และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน

ทำให้หลุมสิวเรียบเนียน กระชับ สามารถใช้กับหลุมสิวชนิด Rolling scars หรือ Box scars แต่หลังทำผิวอาจแห้ง มีรอยแดง และรู้สึกระคายเคืองผิว ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายต้องระมัดระวังเป็นพิเศษครับ

4. ผ่าตัดหลุมสิว (Punch Excision)

ผ่าตัดหลุมสิว

การผ่าตัดหลุมสิว เป็นการผ่าตัดเพื่อกำจัดหลุมสิว และกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ โดยใช้เครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็ก ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ตัดบริเวณหลุมสิว แล้วปิดแผลด้วยการดึงขอบ 2 ข้างที่เป็นผิวปกติมาเย็บติดกัน

เหมาะกับการรักษาหลุมสิวระดับรุนแรงที่เป็นมานาน และหลุมสิวระดับปานกลาง หลังผ่าตัดคนไข้ต้องดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อ และต้องกลับมาตัดไหมใน 1 สัปดาห์

5. ทำ PRP (Platelet-Rich Plasma)

ทำ PRP หลุมสิว

การทำ PRP เป็นวิธีการใช้พลาสมาที่มีเกล็ดเลือดสูง เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูและการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง

เทคนิคนี้ได้รับความนิยมในการรักษาหลุมสิว และปรับปรุงสภาพผิวโดยรวม ทำให้ผิวเรียบเนียน ตึงกระชับ ดูอ่อนวัย

แต่ขั้นตอนการทำค่อนข้างซับซ้อนครับ เนื่องจากต้องสกัดเอา Growth factor ที่อยู่ในเกล็ดเลือด และจำกัดความเข้มข้นของเลือด ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว ที่ส่งผลต่อการสร้างเลือด

6. ฉีดเมโสหลุมสิว (Mesotherapy)

เมโสหลุมสิว

เมโสหลุมสิว เป็นวิธีการแก้ปัญหาหลุมสิวตื้น ๆ หลุมสิวที่ไม่รุนแรง ด้วยการฉีดตัวยาเมโสหน้าใส ที่มีส่วนผสมของวิตามิน แร่ธาตุ สารสกัดจากธรรมชาติที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวโดยตรง

ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน กระชับรูขุมขน ปรับสภาพผิวหน้าให้เรียบเนียน ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดหลุมสิว และลดการเกิดสิวใหม่ สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว หรือ Hifu เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ฉีดเมโสหน้าใสรักษาหลุมสิว

ตัวยาเมโสมีหลายยี่ห้อ เช่น REVS, Tensonez, Alpha Arbutin, Neo Glutanex สำหรับยี่ห้อที่มีคุณสมบัติเด่นด้านการลดสิว ลดผื่น ฟื้นฟูหลุมสิว คือ มาเด้คอลลาเจน (Made Collagen) ครับ

7. ฉีด Rejuran รักษาหลุมสิว

ฉีดรีจูรันเติมหลุมสิว

รีจูรัน (Rejuran) คือ สกินบูสเตอร์ที่มีส่วนประกอบหลักจาก Polynucleotide (โพลีนิวคลีโอไทด์ ) หรือ PN บริสุทธิ์ เข้มข้น 2% สกัดจาก DNA Salmon ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ DNA มนุษย์

เมื่อนำมาฉีดในชั้นหนังแท้โดยตรง จะช่วยซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ ให้สามารถฟื้นฟูและสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว รักษาหลุมสิวให้ตื้นขึ้น (หลุมสิวไม่เกินขนาด 4-5 มม.) กระชับรูขุมขน ปรับสีผิวให้เรียบเนียน

8. ยารักษาหลุมสิว

ทายารักษาหลุมสิว

การรักษาหลุมสิวด้วยยา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยปรับสภาพผิว และเบลอความชัดของหลุมสิว

โดยยาที่ใช้รักษาหลุมสิว มักประกอบด้วยส่วนผสมที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการอักเสบ เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เป็นต้น ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และอาศัยความสม่ำเสมอในการใช้ยา จึงจะเห็นผลชัดเจน


ฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิว ยี่ห้อไหนดี ?

ฉีดเติมเต็มหลุมสิว ควรฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาหลุมสิวแบบเร่งด่วน หมอแนะนำฟิลเลอร์ 2 ยี่ห้อ ได้แก่

  • ฟิลเลอร์ Restylane Vital Light : เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดเจลอนุภาคเล็ก มีความยืดหยุ่นสูง มีเทคโนโลยี NASHA (Non animal stabilized hyaluronic acid) ที่ทำให้สามารถอุ้มน้ำได้ดี
  • ฟิลเลอร์ Juvederm Volite : เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับฉีดบำรุงผิวชุ่มชื้น เพราะมีเทคโนโลยี Vycross เนื้อฟิลเลอร์มีโมเลกุลยึดเกาะเหนียวแน่น หลังฉีดจะบวมน้ำน้อย ทนต่อการขยับได้ดี

ทั้งนี้ ก่อนฉีด Filler หลุมสิว แพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาผิว และช่วยแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาหลุมสิวอย่างตรงจุดครับ


ฟิลเลอร์หลุมสิว ควรฉีดกี่ CC ?

การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับลักษณะหลุมสิวของคนไข้ครับ

ในเคสที่มีปัญหาหลุมสิวน้อย การใช้ฟิลเลอร์ 1 CC ก็เพียงพอ สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด ส่วนในบางรายที่มีหลุมสิวมาก หมออาจพิจารณาให้ใช้ฟิลเลอร์ถึง 2 CC ตามความเหมาะสม


การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
  • ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อประเมินความเหมาะสมของการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว แจ้งประวัติการรักษา และอาการแพ้ยาหรือสารต่าง ๆ
  • เตรียมงดยาและวิตามินบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแอสไพริน หรือยา NSAIDs น้ำมันปลา วิตามินอี ฯลฯ เนื่องจากทำให้เลือดออกง่าย และเกิดรอยบวมช้ำได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงการผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีหรือการขัดผิวหน้า นวดหน้าก่อนฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 3 วัน เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง และไวต่อความเจ็บปวดมากขึ้น
  • ควรงดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 2-3 วัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการบวมและช้ำ
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกาย Cardio ใน 24 ชั่วโมงก่อนฉีด

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว มีขั้นตอนอย่างไร ?

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์จุดอื่น ๆ บนใบหน้าครับ มีขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิว
  1. ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  2. แพทย์แนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ และปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคนไข้และจุดที่ฉีด
  3. ทำความสะอาดใบหน้า หากคนไข้แต่งหน้ามา ก่อนฉีดจะมีเช็ดเครื่องสำอางในจุดที่จะฉีดออก
  4. ก่อนฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะต้องแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า เพื่อตรวจสอบได้ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้
  5. แพทย์ที่มีประสบการณ์ ฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว ในท่านั่งหรือนอนเอียงที่ระดับหัวอยู่สูงกว่าหัวใจ
  6. ประคบน้ำแข็ง เพื่อลดความเจ็บจากเข็ม ซึ่งในเนื้อฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มียาชาผสมอยู่แล้ว
  7. เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างใกล้ชิด
  8. แพทย์ทำการนัดหมาย เพื่อติดตามผลการฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวหลังทำทุกเคส

ค่าบริการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ราคาเท่าไหร่ ?

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณและยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ เทคนิคการฉีดของแพทย์ รวมไปถึงโปรโมชันของแต่ละคลินิก
โดยทั่วไปฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ราคาจะเริ่มต้นที่ 13,000 บาท ต่อ 1 CC ครับ ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าคุ้มราคา ช่วยเติมเต็มผิวหน้าให้เรียบเนียน เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่ ?


ฟิลเลอร์หลุมสิว อยู่ได้นานแค่ไหน ? อยู่ถาวรหรือไม่ ?

ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ไม่คงอยู่ถาวรครับ

โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์ 1 ครั้ง จะอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้

หลังจากนั้นฟิลเลอร์จะสลายหมดไปได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่มีสารตกค้าง หากต้องการคงสภาพผลลัพธ์ คนไข้ก็สามารถกลับมาฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิวใหม่ได้

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ? แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ อยู่ได้นานกี่เดือน ?


ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เห็นผลภายในกี่วัน ?

หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีประมาณ 70-80% ครับ

ในช่วงแรกอาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเล็กน้อยได้เป็นเรื่องปกติ จะหายได้เองตามธรรมชาติใน 2-3 วัน จากนั้นผิวบริเวณที่ฉีดจะเรียบเนียน หลุมสิวตื้นขึ้น เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 14 วันครับ


ควรฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ซ้ำบ่อยแค่ไหน ?

การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวซ้ำ สามารถทำได้เรื่อย ๆ ฉีดเพิ่มได้โดยไม่เป็นอันตราย ทั่วไปเฉลี่ยจะอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน หรือตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อคงผลลัพธ์ครับ


วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวมีความสำคัญมาก หากคนไข้ต้องการให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ และสามารถคงอยู่ได้นาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้ครับ

การดูแลตัวเองหลังเติมฟิลเลอร์หลุมสิว
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวบริเวณที่ฉีด หลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ไม่ควรสัมผัส แกะ เกา หรือกด บริเวณที่ฉีด เพื่อเลี่ยงการอักเสบ ติดเชื้อ หากมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำ เป็นเรื่องปกติ จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน
  • คลินิกจะมียาให้กลับไปหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เช่น ยาลดบวม ยาฆ่าเชื้อ หลังทำหัตถการควรทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ครับ
  • งดสูบบุหรี่ เนื่องจากในบุหรี่มีสารนิโคติน ทำให้ยุบบวมช้า และส่งผลให้การรักษาอยู่ได้สั้นลง
  • หลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว คนไข้ควรอยู่ในที่อากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด รวมถึงกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น การทานอาหารปิ้งย่างหน้าเตาร้อน ๆ ออกกำลังกายหนัก ๆ อบซาวน่า รวมถึงการทำเลเซอร์ร้อนที่ลงลึกถึงชั้นผิว อย่างน้อย 1 เดือน
  • อย่าขยับหน้าบ่อย การแสดงสีหน้าบ่อย ๆ หลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้ครับ ในช่วง 3 วันแรกหลังฉีด จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
  • งดอาหารบางประเภท เนื่องจากอาหารบางอย่างส่งผลต่อการอักเสบ บวม และทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้า เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง อาหารรสหวานจัด อาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด

แนวทางการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ที่ไหนดี ?

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ควรพิจารณาอย่างไรบ้าง ?

ก่อนตัดสินใจ ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่ไหนดี ? คนไข้ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดยพิจารณาได้จาก Checklist ที่หมอรวบรวมมาให้ดังนี้ครับ

  • คลินิกได้มาตรฐาน มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก แสดงให้เห็นชัดเจน
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ ผ่าน อย. มีการนำเข้าและเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม
  • แพทย์มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ มีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง
  • มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในแหล่งที่น่าเชื่อถือ ไม่ตกแต่งรูปรีวิวที่เกินจริง
  • ราคาสมเหตุสมผล ไม่ถูกเกินไปจนน่าสงสัย เพราะอาจเสี่ยงเจอฟิลเลอร์ปลอมได้ครับ

ใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีรักษาหลุมสิว ที่ V Square Clinic ยินดีให้คำแนะนำและทำหัตถการโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ใช้ฟิลเลอร์แท้คุณภาพดี นำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ตรวจสอบได้ทุกกล่อง หมอฉีดด้วยเทคนิคเฉพาะ มือเบา บวมช้ำน้อย แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด หลังทำมีการนัดติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุกเคส มั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัย

Filler เติมหลุมสิว ที่ V Square Clinic หมอแพร

สรุปเรื่องการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มหลุมสิว

การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เหมาะสำหรับหลุมสิวระดับทั่วไปและปานกลาง หลังฉีดเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ อิ่มฟู ดูเรียบเนียน สามารถแก้ไขปัญหาหลุมสิวได้อย่างตรงจุด

ทั้งนี้ ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกได้มาตรฐาน และที่สำคัญต้องใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC เห็นผลหรือไม่ 370x277

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC เห็นผลหรือไม่ ? เลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ?

Categories
filler
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC เห็นผลหรือไม่

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC ได้หรือไม่ ? ฉีดใต้ตาต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC จึงจะเห็นผล หลายคนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา ว่าควรใช้ปริมาณเท่าไหร่ ? หากฉีดไปแล้ว สามารถฉีดเพิ่มได้ไหม ? ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี บทความนี้หมอมีคำตอบมาให้ครับ

สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC

ฟิลเลอร์ 1 CC เยอะไหม ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ?

โดยปกติแล้วฟิลเลอร์ฉีดใต้ตา 1 กล่อง มีกี่ซีซี ?

โดยทั่วไปในฟิลเลอร์ 1 กล่อง จะมีไซริงค์บรรจุเนื้อฟิลเลอร์ปริมาณ 1 CC หรือเทียบเท่ากับ 1 ml. และอาจจะมีฟิลเลอร์เพียงบางรุ่นเท่านั้น ที่ 1 กล่อง มี 2 CC ครับ


ฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC มีปริมาณเยอะหรือไม่ ?

ปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC ถือว่าไม่เยอะครับ หากฉีดออกมาจากไซริงค์ เนื้อฟิลเลอร์จะมีขนาดเทียบเท่าเหรียญบาท 1 เหรียญ

ปริมาณนี้เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาใต้ตาเล็กน้อย เช่น ร่องน้ำตา หรือ ริ้วรอยตื้น ๆ

หากต้องการการแก้ไขที่มากขึ้น อาจจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 1 CC ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และความต้องการของแต่ละบุคคลด้วยครับ

ปริมาณฟิลเลอร์ฉีดใต้ตา 1 CC

สามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC ได้ไหม ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ฉีดใต้ตา 1 CC ได้ไหม ? ปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาของคนไข้ครับ ในผู้ที่มีร่องใต้ตาไม่ลึกมาก ฉีดข้างละ 1 CC ก็เพียงพอ ดังนั้นโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2-4 CC ก็จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้

ทั้งนี้หมอจะเป็นผู้ประเมินในแต่ละเคส ว่าจะต้องใช้กี่ CC ถึงจะเหมาะสม หากคนไข้มีปัญหากระดูกใต้ตายุบตัวมาก ใต้ตาลึก ตาโหล ก็จะต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากขึ้นครับ

Vsquare tips

สำหรับคนที่มีปัญหาใต้ตาน้อย ๆ หรืออยากลองทยอยฉีดก่อนเพื่อดูผลลัพธ์ สามารถใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC โดยแบ่งฉีดข้างละ 0.5 ได้ครับ


การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC เห็นผลหรือไม่ ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ครับ

โดยฟิลเลอร์จะช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ทำให้ใต้ตาดูสดใสขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพผิวและความรุนแรงของปัญหาใต้ตา ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ เทคนิคการฉีดของแพทย์ รวมไปถึงการดูแลตนเองหลังการฉีดของแต่ละคนครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC กี่วันเห็นผล ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ? การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด 70-80% ครับ

จากนั้นจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่เมื่อฟิลเลอร์เข้าที่ใน 1-2 สัปดาห์ ใต้ตาจะดูสดชื่น สดใสขึ้น ใบหน้าโดยรวมดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ

รีวิวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC

ตัวอย่างเคสรีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ V Square Clinic

รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC

รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในเคสนี้ ก่อนทำคนไข้มีปัญหาร่องลึกใต้ตา ใบหน้าหย่อนคล้อย แก้มห้อย ดูไม่สดใส

หมอจึงเลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane Defyne ข้างละ 1 CC แก้ไขปัญหาเบ้าตาลึกที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา ร่วมกับการร้อยไหมข้างละ 3 เส้น เพื่อยกกระชับ ปรับรูปหน้า หลังทำจะเห็นว่าร่องใต้ตาตื้นขึ้น รอยคล้ำใต้ตาจางลง ใบหน้าเต่งตึง ดูสดชื่น และดูเด็กลงอย่างชัดเจนครับ

🔍รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ร่องใต้ตาตื้นขึ้น ดูสดชื่น

จะรู้ได้อย่างไรว่าควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC หรือมากกว่านั้น ?

การพิจารณาว่าควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ครับ

1. สภาพผิวและความรุนแรงของปัญหาใต้ตา

หากมีปัญหาใต้ตาเล็กน้อย เช่น ริ้วรอยตื้น ๆ หรือร่องน้ำตาไม่ลึกมาก การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC ก็อาจเพียงพอแล้ว

แต่หากมีปัญหาใต้ตาที่รุนแรง เช่น ถุงใต้ตาขนาดใหญ่ หรือผิวหย่อนคล้อยมาก ก็จำเป็นจะต้องใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 1 CC

2. ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้

ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีความหนืดและความคงทนต่างกันครับ ฟิลเลอร์ที่หนืดกว่าจะเหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่รุนแรงกว่า และอาจต้องใช้ปริมาณมากกว่าฟิลเลอร์ที่เหลวกว่า

3. เทคนิคการฉีดของแพทย์

หากปัญหาใต้ตาเกิดจากการทรุดตัวของชั้นกระดูกและไขมัน หมอจะต้องฉีดด้วยเทคนิคพยุงชั้นกระดูกใต้ตา

แต่หากมีริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ ใต้ตาดำ มีร่องใต้ตา หมอจะฉีดฟิลเลอร์ในผิวชั้นตื้น เพื่อให้ใต้ตามีความยืดหยุ่น ดูเรียบเนียนขึ้นครับ

ทั้งนี้แพทย์จะต้องคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพราะถ้าใช้ปริมาณ CC เยอะเกินไป เวลายิ้มจะทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนบวม ดูไม่เป็นธรรมชาติได้ครับ

ดังนั้น การปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาใต้ตา จะช่วยให้แพทย์สามารถแนะนำปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม และเทคนิคการฉีดที่เหมาะกับแต่ละบุคคลได้ครับ


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC ยี่ห้อไหนดี ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC หมอจะแนะนำฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ฉีดแล้วคงรูป ไม่ฟูเยอะ ไม่เป็นก้อน เนื้อโมเลกุลเหมาะสมกับบริเวณใต้ตา

โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่นิยม หลัก ๆ มี 3 ยี่ห้อ ได้แก่ Restylane, Juvederm และ Belotero ครับ ซึ่งแต่ละรุ่นจะแตกต่างกันในด้านของคุณสมบัติและอายุการใช้งาน ดังนี้

1. ฟิลเลอร์ Restylane

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 cc ยี่ห้อ Restylane
  • Restylane Perlane Lyft : เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Defyne : เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Restylane Vital Light : เนื้อละเอียด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบาง ๆ หรือฉีดเก็บรายละเอียดใต้ตาผิวชั้นบน อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Restylane Classic : เนื้อแข็ง โมเลกุลใหญ่ ใช้เก็บรายละเอียดใต้ตาผิวชั้นลึก อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Vital : เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิวได้เป็นอย่างดี ใช้เก็บรายละเอียดให้เรียบเนียน อยู่ได้นาน 12 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 ซีซี Juvederm และ Restylane

2. ฟิลเลอร์ Juvederm

  • Juvederm Volite : เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
  • Juvederm Voluma : เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Juvederm Volux : เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัว สำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC Belotero และ Juvederm

3. ฟิลเลอร์ Belotero

  • Belotero Volume : เนื้อแข็ง ยืดหยุ่นสูง ใช้ฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Belotero Soft : เนื้อละเอียด โมเลกุลเล็ก ฉีดเก็บรายละเอียดได้ตาได้ดี อยู่ได้นาน 6-9 เดือน

บทความแนะนำ


ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC ไปแล้ว สามารถฉีดเพิ่มได้ไหม ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC ไปแล้ว สามารถฉีดเพิ่มได้ครับ

การฉีดฟิลเลอร์แต่ละครั้ง ไม่จำเป็นต้องเติมทีเดียวปริมาณมาก ๆ สามารถทยอยเติมได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและพึงพอใจ ให้เว้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปเซ็ตตัวและเข้าที่ก่อน

โดยคนไข้จะต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดและระมัดระวังข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หลังจากนั้นก็สามารถฉีดฟิลเลอร์เพิ่มเติมได้ครับ

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เพิ่ม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินผลลัพธ์จากการฉีดครั้งแรก และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป


สรุปเรื่องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาใต้ตา ร่องริ้วรอยใต้ตาตื้น ๆ ไม่ลึกมาก ใช้ปริมาณฟิลเลอร์เติมเต็มเล็กน้อย ก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด อาจเริ่มจากการฉีดปริมาณน้อยเพื่อประเมินผลลัพธ์ก่อน และสามารถเพิ่มปริมาณได้ตามความเหมาะสมครับ

สำหรับเคสที่มีปัญหาใต้ตาที่รุนแรง เช่น ตาโหล เบ้าตาลึก มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ หรือผิวหย่อนคล้อยมาก การฉีดใต้ตา 1 CC อาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 1 CC หรืออาจต้องใช้วิธีการรักษาอื่นร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์และความต้องการของคนไข้ครับ

ใครที่กำลังมองหาคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ V Square Clinic ใช้ฟิลเลอร์แท้ ทีมแพทย์มีประสบการณ์ และชำนาญด้านศิลปะการฉีดฟิลเลอร์ (Fine Art of Filler) สามารถประเมินปริมาณ CC เลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละคน ฉีดด้วยเทคนิคเฉพาะ มือเบา บวมช้ำน้อย มั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัย


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ฟิลเลอร์ Teoxane

Teoxane filler จากสวิตเซอร์แลนด์ เหมาะกับการฉีดตำแหน่งไหน ? มีกี่รุ่น?

Categories
filler
ฟิลเลอร์ Teoxane

ฟิลเลอร์ Teoxane

อัปเดต ! ฟิลเลอร์ Teoxane ตัวใหม่ล่าสุดจากสวิส มีกี่รุ่น ? ฉีดตำแหน่งไหนบ้าง ?

ฟิลเลอร์ Teoxane เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์อีกหนึ่งแบรนด์ที่เพิ่งเข้ามาในไทยครับ จุดเด่นที่น่าจับตามองของฟิลเลอร์ตัวนี้ คือ ออกแบบและพัฒนาให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น ปรับเข้ากับผิวหน้าได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเป็นก้อนหลังฉีดได้

ในบทความนี้หมอได้รวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับฟิลเลอร์ Teoxane มาให้แล้วครับว่า มีกี่รุ่น ? นิยมฉีดจุดไหน ? เหมาะกับใคร ? แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ? หลังฉีดกี่วันเห็นผล ? Teoxane Filler ราคาเท่าไหร่ ? แพงไหม ? เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้

Teoxane filler จากสวิตเซอร์แลนด์

สารบัญ ฟิลเลอร์ Teoxane


ทำความรู้จักกับ ฟิลเลอร์ Teoxane คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ Teoxane เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีสารประกอบหลักคือ สารเติมเต็ม Hyaluronic acid (HA) ที่สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยในการนำมาฉีดเข้าสู่ผิว เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก และปรับรูปหน้าให้มีมิติ ได้สัดส่วน

โดยฟิลเลอร์ Teoxane พัฒนาและผลิตโดยบริษัท Teoxane Laboratories ส่วนในไทยนำเข้าอย่างถูกต้องโดยบริษัทคอสม่า เมดิคอล จำกัด ในเครือ JBC ครับ

ฟิลเลอร์ TEOXANE คืออะไร ? 
ดีไหม ? มีกี่รุ่น ? แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Teoxane ดีอย่างไร ?

  • ฟิลเลอร์ Teoxane ผลิตด้วยเทคโนโลยี PNT (Preserved Network Technology) ทำให้ได้ HA ที่ใกล้เคียงกับ HA ตามธรรมชาติในร่างกาย กลืนกับผิวได้ดี ให้ความเรียบเนียน และใช้ BDDE น้อย ลดโอกาสแพ้หลังการฉีดฟิลเลอร์ มีความปลอดภัยมากขึ้น
Preserved Network Technology
Preserved Network Technology
ทำให้ได้ HA สายยาวที่มีความ Dynamic สูง เหมือน HA ตามธรรมชาติ
  • ด้วยนวัตกรรม RHA (Resilient Hyaluronic Acid) ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีการผสมผสานระหว่างความยืดหยุ่นและคงตัว (Strech & Strength) สามารถปรับเข้ากับการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทนต่อแรงขยับได้ดี คงรูป ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
คุณสมบัติของฟิลเลอร์ Teoxane
คุณสมบัติเด่นของ ฟิลเลอร์ Teoxane
  • เป็นฟิลเลอร์ที่มีการวิจัยและพัฒนามาอย่างยาวนาน ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ใช้กันอย่างแพร่หลายกว่า 94 ประเทศทั่วโลก
  • Teoxane filler มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ ครอบคลุมเกือบทุกปัญหาบนใบหน้า

ฟิลเลอร์ Teoxane เหมาะกับใคร ?

  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า
  • ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูมีมิติมากขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มแบบเป็นธรรมชาติ
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องการผ่าตัด
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์หลังฉีดที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น ต้องการใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ฟิลเลอร์ Teoxane มีผลข้างเคียงไหม ?

หากฉีด Teoxane filler ของแท้ ปลอดภัยครับ ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอย่างที่กังวลกัน แต่โดยทั่วไปอาจพบผลข้างเคียงเหล่านี้

  • รอยเขียวช้ำจากเข็มฟิลเลอร์
  • อาการบวมจากเข็ม หรือจากตัวยา

ทั้งสองล้วนเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ตามปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ครับ สามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์


ฟิลเลอร์ Teoxane มีกี่รุ่น ? ผ่าน อย.ไหม ?

ฟิลเลอร์ teoxane มีกี่รุ่น

Teoxane Filler ปัจจุบันผลิตออกมาทั้งหมด 9 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ 

  1. ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น Redensity 1
  2. ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น Redensity 2 
  3. ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น Kiss 
  4. ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น Ultra Deep
  5. ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น RHA 1
  6. ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น RHA 2 
  7. ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น RHA 3
  8. ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น RHA 4 
  9. ฟิลเลอร์ Teoxane รุ่น RHA Kiss 

โดย Filler Teoxane ผ่านอย.ไทย ทั้งหมด 8 รุ่น ยกเว้นรุ่น Teoxane RHA Kiss ครับ (อัปเดต พฤษภาคม 24)

Vsquare tips

ข้อควรรู้ : ทางองค์การอาหารและยาจะมีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานอยู่ตลอดครับ ฟิลเลอร์ยี่ห้อเดียวกัน อาจจะยังไม่ได้ผ่านรุ่น หรือบางรุ่นเคยผ่านแล้ว ปัจจุบันอาจถูกยกเลิก แนะนำให้คอยเช็กฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ก่อนฉีดอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยครับ


ฟิลเลอร์ Teoxane ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Teoxane มีจุดเด่นที่ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นดังนี้

  • ใช้เทคโนโลยี PNT (Preserved Network Technology) ได้ HA สายยาวที่มีความ Dynamic สูง มี Mobile bonds ที่เหมือนใน HA ตามธรรมชาติ 
  • เนื้อเจลมีความยืดหยุ่น สามารถเคลื่อนไหวไปตามการขยับของใบหน้า
  • มีทั้งหมด 8 รุ่น ที่ผ่าน อย.ไทย
  • ให้ผลลัพธ์นาน 12-18 เดือน
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 13,900.-/CC

เทียบกับฟิลเลอร์ยอดนิยมที่ผ่าน อย.ไทย อื่น ๆ

ฟิลเลอร์ Teoxane ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร

เทียบกับฟิลเลอร์ Juvederm

  • ฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา
  • ผลิตด้วยเทคโนโลยี Hylacross และ Vycross 
  • เนื้อฟิลเลอร์มีความหลากหลาย มีจุดเด่นในด้านความเรียบเนียน และอยู่ได้นาน
  • มีทั้งหมด 7 รุ่น ที่ผ่าน อย.ไทย
  • ให้ผลลัพธ์นาน 8-24 เดือน
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 7,490.-/CC

เทียบกับฟิลเลอร์ Restylane 

  • ฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกจากสวีเดน
  • ผลิตด้วยเทคโนโลยี NASHA Technology และ OBT Technology
  • เด่นเรื่องการยกพยุงผิว มีความยืดหยุ่นได้ดี และมีหลายรุ่นให้เลือกใช้ ครอบคลุมเกือบทุกจุดบนใบหน้า
  • มีทั้งหมด 8 รุ่น ที่ผ่าน อย.ไทย
  • ให้ผลลัพธ์นาน 6-18 เดือน
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 11,900.-/CC

เทียบกับฟิลเลอร์ Belotero

  • ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
  • ผลิตด้วย CPM Technology (Cohesive Polydensified Matrix)
  • เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง คงตัว เติมเต็มริ้วรอยร่องลึกจากการยุบตัวของกระดูกได้ดี
  • มีทั้งหมด 7 รุ่น ที่ผ่าน อย.ไทย
  • ให้ผลลัพธ์นาน 6-18 เดือน
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 11,900.-/CC

เทียบกับฟิลเลอร์ Definisse

  • ฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี
  • ผลิตด้วย XTR Technology (EXcellent Three-Dimensional Reticulation)
  • HA สานกันเป็นร่างแห ช่วยในการยกพยุง เด่นในเรื่องการยกกระชับ และปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • มีทั้งหมด 3 รุ่น ที่ผ่าน อย.ไทย
  • ให้ผลลัพธ์นาน 8-18 เดือน
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 11,900.-/CC
ฟิลเลอร์ Definisse ดีไหม ? แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร ?

เทียบกับฟิลเลอร์ Flore

  • ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี 
  • ผลิตด้วย PP process (Particle Plastic Process) และ HHCL Technology
  • เนื้อฟิลเลอร์ปั้นทรงง่าย กลืนเข้ากันได้ดีกับผิวหนัง สลายตัวช้าลง
  • มีทั้งหมด 5 รุ่น ที่ผ่าน อย.ไทย
  • ให้ผลลัพธ์นาน 6-12 เดือน
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 7,900.-/CC

เทียบกับฟิลเลอร์ Neuramis

  • ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี 
  • ผลิตด้วย The SHAPE Technology (Stabilized Hyaluronic Acid & Purification Enhancement)
  • เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น คงตัวสูง อยู่ได้นานขึ้น เหมาะสำหรับปรับโครงสร้างใบหน้า
  • มีทั้งหมด 3 รุ่น ที่ผ่าน อย.ไทย
  • ให้ผลลัพธ์นาน 6-9 เดือน
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 5,500.-/CC

สรุปแล้ว ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อเป็นสารเติมเต็มประเภท HA เหมือนกันครับ แต่มีกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนกัน ทำให้มีจุดเด่นต่างกันไปทั้งในเรื่องคุณสมบัติ ระยะเวลาของผลลัพธ์ ราคาครับ 

โดยถ้าเทียบฟิลเลอร์ Teoxane กับฟิลเลอร์ฝั่งยุโรป จะไม่ได้ต่างกันมากในเรื่องราคาและเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ แต่ Teoxane Filler อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ตัวอื่น ๆ เพราะเพิ่งนำเข้าไทยมาได้ไม่นานครับ 

และ Teoxane มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าฟิลเลอร์ฝั่งเอเชียครับ แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า ใครที่ไม่อยากกลับมาเติมฟิลเลอร์บ่อย ๆ ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ Teoxane filler ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจครับ

ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์ไม่จำเป็นต้องใช้ยี่ห้อเดียวกันเสมอไป สามารถฉีดร่วมกันได้หลายยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ ไม่ได้ทำเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายหากใช้ฟิลเลอร์ของแท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง และใช้ในปริมาณที่เหมาะสม


ฟิลเลอร์ Teoxane นิยมฉีดจุดไหน ? ใช้กี่ CC ?

ฟิลเลอร์ teoxane นิยมฉีดจุดไหน คุณต่าย

ฟิลเลอร์ Teoxane สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งทั่วใบหน้า ส่วนจำนวน CC ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับระดับปัญหาของแต่ละคน โดยหมอจะประเมินเป็นรายเคสไปครับ

  • ฟิลเลอร์หน้าผาก ปรับโหงวเฮ้ง เรียบเนียน ดูมีมิติ ใช้ 3-5 CC
  • ฟิลเลอร์แก้มส้ม ปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น ใช้ 1-2 CC
  • ฟิลเลอร์ขมับ เติมขมับตอบ ขมับยุบ ลดโหนกแก้มเด่น ให้ใบหน้าหวาน ได้สัดส่วน ใช้ 2-4 CC
  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ลดริ้วรอยร่องลึก ให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น ใช้ 2-4 CC
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำ ริ้วรอยใต้ตา ถุงใต้ตา ใช้ 2-4 CC
  • ฟิลเลอร์ปาก เพิ่มความชุ่มชื้นอวบอิ่ม ปรับทรงปากสวย ใช้ 1-2 CC
  • ฟิลเลอร์คาง เสริมคาง ปรับหน้าเรียว ใช้ 1-2 CC

ส่วนฟิลเลอร์ Teoxane แต่ละรุ่น นิยมฉีดจุดไหนบ้าง หมอขอยกตัวอย่างฟิลเลอร์ Teoxane ที่ V Square Clinic ใช้ด้วยกัน 3 รุ่น ดังนี้

  • Teoxane รุ่น RHA 2 เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ยืดหยุ่น ทนต่อแรงขยับได้ดี มีความเรียบเนียน เหมาะฉีดตำแหน่ง หน้าผาก ขมับ ใต้ตา ร่องแก้ม ปาก อยู่ได้นาน 18 เดือน
Teoxane RHA 2
  • Teoxane รุ่น RHA 3 ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม แต่ค่อนข้างแน่น ทนต่อแรงขยับได้ดี เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน เหมาะกับการฉีดบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ เช่น ขมับ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ปาก อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
Teoxane RHA 3
  • Teoxane รุ่น Ultra Deep ฟิลเลอร์เนื้อทน ปั้นทรงง่าย มีความคงตัวสูง เคลื่อนที่ยาก ใช้ปรับโครงสร้างใบหน้าได้ดี เหมาะกับการฉีดขมับ แก้มส้ม กรอบหน้า และคาง อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
Teoxane Ultra Deep

ฟิลเลอร์ Teoxane มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?

หมอได้เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของฟิลเลอร์ Teoxane ให้ทุกคนได้ลองพิจารณา ดังนี้ครับ

ข้อดีของฟิลเลอร์ Teoxane

ข้อเสียของฟิลเลอร์ Teoxane

ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่เข้ากับใบหน้าได้ดี เรียบเนียน ลดโอกาสบวมหรือแพ้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวร ฟิลเลอร์จะสลายไปตามอายุการใช้งาน
มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ ครอบคลุมเกือบทุกปัญหาผิวหน้าหากไม่ได้ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ เป็นฟิลเลอร์หิ้ว ฟิลเลอร์ปลอม หรือฉีดโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ อาจทำให้เกิดอันตรายได้ครับ
เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น
มีความปลอดภัยสูง ได้รับรองจาก US FDA, TH FDA และ CE Marked
ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ลดความเสี่ยงที่จะฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อน

ฟิลเลอร์ Teoxane ของแท้ ดูอย่างไร ?

ไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนก็ตาม การตรวจสอบฟิลเลอร์แท้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เองครับ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อก็จะมีวิธีตรวจสอบต่างกันไป โดยฟิลเลอร์ Teoxane ของแท้ มีวิธีตรวจสอบดังนี้ 

  • เช็กเลขทะเบียนอย. และเอกสารกำกับภาษาไทย
  • มีสติกเกอร์ของกล่องปิดสนิท
  • ขูดและสแกน QR CODE บริเวณด้านหน้ากล่อง
  • เลขที่ Lot ตรงกัน 3 จุด
    1. Label ด้านล่างกล่อง
    2. ด้านหลัง Syringe 
    3. ที่ Syringe

หรือสามารถโทรสอบถามกับบริษัทนำเข้าโดยตรงได้ที่บริษัทคอสม่า เมดิคอล จำกัด โทร. 02-146-5445

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Teoxane Ultra Deep 

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Teoxane Ultra Deep

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Teoxane RHA 2

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Teoxane RHA 2

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Teoxane RHA 3

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Teoxane RHA 3

ฟิลเลอร์ Teoxane ราคาเท่าไร ?

ฟิลเลอร์ Teoxane ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด และระดับปัญหาของแต่ละคน หากมีปัญหาริ้วรอยร่องลึกมาก ก็ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ มากขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นตามจำนวน CC ที่ใช้ครับ

ฟิลเลอร์ Teoxane ราคาโปรโมชั่น ที่ V Square Clinic

โปร-ฟิลเลอร์Teoxane_30-OCT-2025 (6)

TEOXANE

  • TEOXANE Ultra Deep 1.2 CC ราคา 15,900.-
  • TEOXANE RHA1 1 CC ราคา 13,900.-
  • TEOXANE RHA2 1 CC ราคา 15,900.-
  • TEOXANE RHA3 1 CC ราคา 13,900.-
  • TEOXANE RHA4 1 CC ราคา 15,900.-
  • TEOXANE Redensity2 ราคา 15,900.-

*ราคาฟิลเลอร์ปาก จมูก ดอลลี่อาย skin booster และหน้าผาก เป็นฟิลเลอร์เทคนิคขั้นสูง ราคาขึ้นกับเทคนิคพิเศษที่ใช้ครับ


ฟิลเลอร์ Teoxane รีวิว ผลลัพธ์หลังทำ

ตัวอย่าง รีวิวฉีดฟิลเลอร์ Teoxane ขมับ ใต้ตา และปาก

ฟิลเลอร์ teoxane รีวิว

ตัวอย่าง รีวิวฉีดฟิลเลอร์ Teoxane ปรับรูปหน้าในเคสผู้ชาย

รีวิวฉีดฟิลเลอร์ teoxane

Q&A เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์ Teoxane

รวมคำถามที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Teoxane

Q. ฟิลเลอร์ Teoxane อยู่ได้นานกี่เดือน ?

ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ Teoxane สามารถอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือนครับ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิม รุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด รวมไปถึงและการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนครับ

Q. ฉีดฟิลเลอร์ Teoxane กี่วันเห็นผล ?

หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ และจะเห็นผลได้อย่างเต็มที่เมื่ออาการบวมยุบลง และฟิลเลอร์เข้าที่ดีแล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ครับ

Q. ฉีดฟิลเลอร์ Teoxane ที่ไหนดี ?

ฉีดฟิลเลอร์ Teoxane ที่ไหนดี ควรเป็นคลินิกความงามที่เปิดให้บริการถูกกฎหมาย ดูแลการรักษาโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ และที่สำคัญต้องใช้ฟิลเลอร์ Teoxane ของแท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้อง

สำหรับใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ Teoxane ที่ V Square Clinic ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ ประเมินปัญหาโดยทีมแพทย์มีประสบการณ์ปรับรูปหน้ามาอย่างยาวนาน สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด หมอมือเบา บวมน้อย และมีศิลปะในการฉีดฟิลเลอร์ (Fine Art of Filler) ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

ที่ V Square Clinic ใช้ฟิลเลอร์ Teoxane ของแท้ นำเข้าอย่างถูกต้อง มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น ครอบคลุมเกือบทุกปัญหาผิวครับ โดยหมอจะแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า คนไข้สามารถตรวจสอบและนำกล่องกลับได้ เชื่อมั่นได้ในความปลอดภัย

ฉีดฟิลเลอร์ Teoxane ที่ V Square Clinic คุณเจสซี่ โดยหมอโต้ง หมอแพน หมอเบิร์ด

สรุป

ฟิลเลอร์ Teoxane เป็นฟิลเลอร์พรีเมียมมาตรฐานยุโรปที่เข้าสู่ตลาดความงามในไทยไม่นานมานี้ มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ แก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหวของผิว เรียบเนียนไปกับผิวได้ดี ตอบโจทย์คนที่ชอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติครับ

แต่นอกจากเรื่องยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการแล้ว ยังควรเลือกฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ที่ออกมาถูกใจและปลอดภัยครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน