ฉีดเมโสแฟต
เมโสแฟต เป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมในคนที่มีเหนียง หน้าบาน มีไขมันสะสมเยอะตัดสินใจเลือกทำเพื่อปรับหน้าเรียวและดูกระชับขึ้นครับ เพราะตัวยาที่นำมาฉีดมีส่วนช่วยในการสลายไขมัน ลดสัดส่วนได้อย่างเห็นผลโดยไม่ต้องดูดไขมัน ไม่ต้องเจ็บตัว ที่สำคัญคือเห็นผลเร็ว ช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ลดได้ยากถึง 10-15% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก จึงมีความสะดวกและคุ้มค่ากว่าวิธีอื่น ๆ ครับ
ใครที่สนใจหัตถการฉีด mesofat หมอมีข้อมูลมาแนะนำครับ เมโสแฟต คืออะไร ? เหมาะกับใคร ? ฉีดแฟตมีกี่แบบ ? ข้อดี-ข้อเสียของเมโสแฟตมีอะไรบ้าง ? ฉีดแฟตราคาเท่าไหร่ ? ฉีดเมโสแฟตหน้าบวมมาก เกิดจากอะไร ปกติไหม ? ฉีดเมโสแฟตไม่เห็นผล เกิดจากอะไร ? สามารถศึกษาข้อมูลในบทความนี้เพื่อใช้ประกอบการตัดสินได้ครับ
สารบัญ ฉีดเมโสแฟต
เมโสแฟต คืออะไร ?
เมโสแฟต คือ วิธีสลายไขมันส่วนเกิน กระชับสัดส่วนด้วยการฉีดตัวยาที่มีฤทธิ์สลายไขมันเข้าไปในผิวชั้นไขมัน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น รวมถึงกระตุ้นให้เซลล์ไขมันให้เกิดการแตกตัว และถูกขับออกจากร่างกายผ่านการหายใจและระบบขับถ่าย หลังฉีดเมโสแฟตไประยะหนึ่งจึงจะสังเกตเห็นว่าบริเวณที่ฉีดเมโสแฟตจึงจะดูกระชับขึ้น สัดส่วนเล็กลงจากชั้นไขมันที่หายไปครับ
การฉีดเมโสแฟต เป็นวิธีลดสัดส่วนเฉพาะจุด ช่วยสลายไขมันในชั้นไขมันเท่านั้น
ไม่มีผลต่อไขมันในช่องท้อง และไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักแต่อย่างใด
ไขมันส่วนเกินเกิดมาจากอะไร ?
ไขมันส่วนเกิน เกิดจากร่างกายได้รับพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับต่อวันครับ หลัก ๆ ก็มาจากการรับประทานอาหารนั่นเอง โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน เมื่อเราได้รับพลังงานเกินในแต่ละวันจะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถดึงพลังงานไปใช้ได้หมด พลังงานและสารอาหารเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นพลังงานสำรอง นานวันเข้าไขมันมีปริมาณเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นไขมันส่วนเกินนั่นเองครับ
นอกจากนี้ไขมันส่วนเกินยังเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต คนที่ไม่ออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายน้อยเกินไป มีโอกาสที่จะเกิดไขมันส่วนเกินได้ง่าย เพราะใช้พลังงานน้อย ร่างกายเผาผลาญไขมันไม่หมด แม้ว่าจะรับประทานอาหารที่ไม่ได้มีไขมันสูง หรือเป็นคนที่มีรูปร่างร่างผอมอยู่แล้ว แต่หากมีพฤติกรรมเหล่านี้ก็ทำให้เกิดไขมันส่วนเกินได้ครับ
- พันธุกรรม หากคนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นโรคอ้วนก็จะทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้มีไขมันส่วนเกินได้ง่ายกว่าคนปกติ
- การรับประทานยาบางชนิด ยาบางชนิดอาจมีผลต่อการเกิดไขมันส่วนเกิน เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาควบคุมระดับฮอร์โมนบางชนิด
ปัญหาไขมันส่วนเกิน หากต้องการลดให้ได้ผลดีและยั่งยืน ควรเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ลดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงความเครียด นอนหลับให้เพียงพอ รวมถึงตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เพื่อประเมินความเสี่ยงว่ามีไขมันส่วนเกินหรือไม่ หากสงสัยว่าตัวเองเข้าข่าย แพทย์จะช่วยวางแผนการรักษาและหาวิธีป้องกันร่วมกันครับ
ฉีดเมโสแฟตดีไหม ?
สำหรับคนที่มีไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดได้ยาก เช่น เหนียง หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา แม้จะออกกำลังกายและคุมอาหารก็ยากที่จะลดหรือลดน้อยมาก การฉีดเมโสแฟตถือเป็นตัวช่วยที่ดีครับ ช่วยสลายไขมันส่วนเกินและลดเซลลูไลท์ได้อย่างตรงจุด สัดส่วนดูเล็กลงโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดูดไขมัน ตัวยาไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย หลังฉีดไขมันจะเริ่มสลาย 10-15% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ไม่ต้องพักฟื้น มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก จึงมีความสะดวกและคุ้มค่ากว่าวิธีอื่น ๆ
เมโสแฟตช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
- ฉีดเมโสแฟตช่วยลดแก้ม ลดเหนียง ลดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ลดได้ยาก ปรับรูปหน้าเรียว กรอบหน้าชัดขึ้น
- ช่วยลดไขมันสะสมตามร่างกาย ลดเซลลูไลท์ เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง สะโพก รักแร้ ปีกหลัง
- ช่วยกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ ทำให้ร่างกายนำไขมันไปใช้มากขึ้น ลดการสร้างและลดสะสมไขมันใหม่
- ช่วยยกกระชับจุดที่ลดไขมันให้ดูยกกระชับขึ้น
เมโสแฟตมีกี่แบบ อะไรบ้าง ?
เมโสแฟตสามารถพบได้ 3 แบบครับ แต่ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และคลินิกชั้นนำส่วนใหญ่เลือกใช้จะเป็นตัวยาที่สกัดมาจากธรรมชาติ ส่วนอีก 2 ประเภทจะเป็นยาสลายฟิลเลอร์ (hyaluronidase) และ ยาสเตียรอยด์ที่มีขายตามอินเทอร์เน็ต คลินิกบางแห่งแอบลักลอบนำมาใช้เพื่อลดต้นทุน ซึ่งไม่ปลอดภัย ฉีดแล้วมีผลข้างเคียง หมอจะอธิบายเมโสแฟตแต่ละประเภทเพื่อให้คนไข้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ครับ
1. เมโสแฟตที่สกัดมาจากธรรมชาติ
เมโสแฟตที่สกัดมาจากธรรมชาติ เป็นตัวยาที่ปลอดภัย ไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย จึงได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีหลายยี่ห้อครับ แต่ละยี่ห้อก็จะมีส่วนประกอบที่แตกต่างกัน แต่สารออกฤทธิ์หลักในตัวยาเมโสแฟตจะต้องเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการสลายไขมันในเซลล์หรือทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวได้ เช่น
- Artichoke extract (Cynara scolymus) ทำหน้าที่กระตุ้นการสังเคราะห์ coenzyme ในกระบวนการ anabolism ลดเนื้อเยื่อไขมัน ลดการสังเคราะห์กรดไขมัน เหมาะกับคนที่น้ำหนักตัวเกิน ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด ฉีดลดแก้ม หรือต้องการลดเซลลูไลท์
- Mesostabyl (Polyunsaturated phosphatidylcholine) ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ lipase, ลดการสร้าง triglyceride ยับยั้งการสร้าง cholesterol ในเนื้อเยื่อ
- L-carnitine ทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น เปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน (fat burn)
- Amino acid หรือ Minerals และวิตามินอีกหลายชนิด ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน สัดส่วนกระชับ ดูเล็กลงโดยไม่ทำให้ผิวย้วย หรือผิวเป็นคลื่น
2. ยาสลายฟิลเลอร์ (hyaluronidase)
ยาสลายฟิลเลอร์ (hyaluronidase) เป็นสารที่ใช้สำหรับฉีดสลายฟิลเลอร์ได้อย่างปลอดภัย แต่บางคลินิกนำมาใช้ผิดวิธี โดยการแอบนำมาฉีดให้คนไข้เพื่อลดต้นทุน ซึ่งถ้าฉีดในปริมาณมาก ๆ จะทำให้คอลลาเจนในผิวถูกย่อยสลายออกไป ทำให้เนื้อยุบลงอย่างรวดเร็ว และหากฉีดหลาย ๆ ครั้งนาติดต่อกันจะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวหย่อนลง เนื่องจากคอลลาเจนเสื่อมลงครับ
3. ยาสเตียรอยด์
ยาสเตียรอยด์ ฉีดแล้วจะทำให้ผิวยุบลงได้เหมือนกันครับ แต่ปกติแพทย์ผิวหนังจะใช้เพื่อฉีดสิว ฉีดคีลอยด์ ซึ่งถ้าใช้ในปริมาณที่น้อยภายใต้การควบคุมจะปลอดภัย แต่บางคลินิกแอบนำมาใช้ผิดวิธีโดยฉีดแทนตัวยาเมโสแฟต เพราะต้นทุนต่ำ ฉีดแล้วเห็นผลไว แต่เมื่อฉีดหลาย ๆ ครั้งจะทำให้หน้าบวมกว่าเดิม และเสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อง่ายขึ้น เนื่องจากกดภูมิคุ้มกันของร่างกายครับ
หากคนไข้ท่านใดที่อยากฉีดสลายไขมันอย่างปลอดภัย หมอแนะนำให้เลือกฉีดกับคลินิกที่ใช้ตัวยาเมโสแฟตของแท้ ได้มาตรฐาน ก็คือเมโสแฟตที่สกัดมาจากธรรมชาติ ส่วน 2 ตัวหลังอย่างยาสลายฟิลเลอร์ และยาสเตียรอยด์ หมอไม่แนะนำให้ฉีดเด็ดขาดครับ รวมถึงกรณีซื้อเมโสแฟตที่ขายตามอินเทอร์เน็ตมาฉีดเองและฉีดกับหมอกระเป๋าด้วย ในช่วงแรกหลังฉีดอาจเห็นผลดี แต่พอนาน ๆ ไปจะส่งผลข้างเคียงตามมา ได้ไม่คุ้มเสียครับ
สำหรับใครที่กลัวว่าจะหลงไปฉีดเมโสแฟตปลอมโดยไม่รู้ตัว ในบทความนี้หมอได้เขียนถึงวิธีดูเมโสแฟตแท้ไว้ด้วย คนไข้สามารถติดตามอ่านได้ครับ
ข้อควรรู้ : หมอกระเป๋าจะไม่สามารถซื้อยาเมโสแฟตของแท้เองได้ เพราะมีกฎหมายยาควบคุม ดังนั้นยาที่หมอกระเป๋าใช้จึงสามารถการันตีได้เลยว่าเป็นเมโสแฟตปลอมหรือเป็นยาหิ้วที่มีส่วนผสมที่อันตราย และไม่สะอาด จึงทำให้มีการอักเสบติดเชื้อหลายเคสจากตัวยาที่ไม่ปลอดภัยและวิธีการฉีดที่ไม่สะอาด ดังที่ อย. ออกมาเตือนครับ
เมโสแฟต สามารถทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
เมโสแฟต สามารถฉีดสลายไขมันได้หลายจุดครับ สำหรับจุดที่นิยมฉีดได้แก่
- ฉีดเมโสแฟตแก้ม เป็นตำแหน่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดครับ เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้มเยอะ ทำให้หน้าดูกลม สังเกตจากเมื่อเรากัดฟันแล้วคลำบริเวณแก้มดู จะจับได้เป็นเนื้อนิ่ม ๆ
- ฉีดเมโสแฟตเหนียง เหมาะกับคนที่มีคางสองชั้น มีเหนียงใต้คาง มีกรอบหน้าไม่ชัด
- ฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมบริเวณพุง มีพุงหมาน้อย แม้ออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหารแล้วแต่หน้าท้องไม่ลด
- ฉีดเมโสแฟตต้นแขน เหมาะกับคนที่มีแขนย้วย มีไขมันส่วนเกินบริเวณต้นแขนเยอะ มีเซลลูไลท์ผิวเป็นคลื่น หรือมีผิวเปลือกส้ม
- ฉีดเมโสแฟตต้นขา เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมบริเวณต้นขาเยอะ ขาใหญ่ ไม่กระชับ มีเซลลูไลท์ ผิวเป็นคลื่น หรือมีผิวเปลือกส้ม
ข้อดี-ข้อเสียของเมโสแฟตมีอะไรบ้าง ?
ฉีดเมโสแฟต ข้อดี
- เห็นผลเร็ว ช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ลดได้ยาก เหมาะกับคนที่ออกกำลังกาย ควบคุมอาหารแล้วแต่ไขมันยังไม่ลดหรือลดน้อย
- สามารถลดไขมันได้ครั้งละ 10-15% หากต้องการเห็นผลที่ชัดเจนขึ้น สามารถทำซ้ำได้
- เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย ใช้เวลาในการทำน้อย ทำเสร็จกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น
- การเตรียมตัวก่อนทำไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ
- ทำได้หลายตำแหน่งตามจุดที่มีไขมันสะสม ไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อสำคัญ
- ไม่มีรอยแผล ไม่มีรอยผ่าตัด ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
- ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการผ่าตัดหรือดูดไขมัน
ฉีดเมโสแฟต ข้อเสีย
- ไม่สามารถเห็นผลได้ทันทีเหมือนการดูดไขมัน ต้องอาศัยระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์ของตัวยาที่ฉีดเข้าไป
- หลังฉีดเมโสแฟตอาจมีอาการบวมจากปริมาณตัวยาที่ฉีดเข้าไป แต่สามารถยุบบวมเองใน 3-4 ชั่วโมง
- ไม่เหมาะกับคนที่มีปริมาณไขมันมาก ๆ อาจต้องฉีดประมาณ 4-5 ครั้ง จึงจะเห็นผลที่ชัดเจน ทั้งนี้ควรให้แพทย์ประเมินว่าปริมาณไขมันในจุดนั้นเหมาะกับการฉีดเมโสแฟตหรือไม่
- ตัวยา Meso fat หลายตัวยังไม่ได้ผ่าน อย.ไทย และยังไม่มีงานวิจัยใด ๆ รับรองว่าสารเหล่านั้นสามารถสลายไขมันในร่างกายได้จริง เพื่อความปลอดภัยควรเลือกคลินิกฉีดเมโสแฟตที่ได้มาตรฐาน ฉีดเมโสแฟตของแท้เท่านั้น
ฉีดเมโสแฟต VS การสลายไขมันแบบอื่น
ในหัวข้อนี้หมอจะเขียนเปรียบเทียบในด้านผลลัพธ์ ราคา ระยะเวลาเห็นผล และความคุ้มค่า ระหว่างฉีดเมโสแฟต VS การสลายไขมันด้วยเครื่องยกกระชับ VS การสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้ครับ
ฉีดเมโสแฟตสลายไขมัน
ฉีดเมโสแฟตสลายไขมัน เป็นการฉีดตัวยาที่ช่วยสลายไขมันลงในชั้นไขมัน เพื่อกระตุ้นการสังเคราะห์ coenzyme ในกระบวนการ anabolism และทำให้ร่างกายเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน ไขมันเกิดการแตกตัว หรือสลายตัว หลังจากนั้นไขมันจะถูกขับออกทางระบบขับถ่าย ทำให้ไขมันบริเวณที่ฉีดลดลง เป็นวิธีลดไขมันและลดเซลลูไลท์เฉพาะจุดโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยลดและกระชับสัดส่วนให้ได้รูปตามต้องการ
เหมาะกับคนที่ต้องการสลายไขมันเฉพาะจุด ลดแก้ม ลดเหนียง ปรับหน้าเรียววีเชฟ แต่ไม่อยากเจ็บตัว ไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากดูดไขมัน และไม่ได้มีไขมันสะสมเยอะมากจนเกินไป โดยหลังฉีดไขมันจะสลายตัว 10-15% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะเห็นผลชัดเจนใน 2-3 สัปดาห์ครับ
เครื่องยกกระชับ Ultraformer III และ Ulthera สลายไขมัน
Ultraformer III และ Ulthera เป็นเครื่องยกกระชับ สลายไขมันด้วยการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ยิงพลังงานลงไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้น (ลงลึกได้ถึงผิวชั้น smas ชั้นเดียวกับที่ใช้ผ่าตัดดึงหน้า) เพื่อให้ผิวเกิดการหดตัว คล้าย ๆ กับการเย็บเนื้อผ่าตัดดึงหน้า
Ultraformer III และ Ulthera จะเด่นเรื่องยกกระชับ ปรับหน้าเรียว ลดแก้ม ลดเหนียง และกระชับสัดส่วนตามร่างกาย เช่น หน้าท้อง สะโพก เอว ต้นแขน ต้นขา รวมถึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอยทั่วใบหน้า เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยและไขมันเล็กน้อย-ปานกลาง หลังทำเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีประมาณ 20% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน อยู่ได้นาน 5-6 เดือน
เครื่องยกกระชับ Thermage สลายไขมัน
Thermage เป็นเครื่องยกกระชับ สลายไขมันด้วยการใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ยิงลงไปในชั้นผิวหนัง เพื่อให้ผิวแต่ละชั้นเกิดการหดตัว คุณสมบัติพลังความร้อนที่ยิงลงไป สามารถลงลึกครอบคลุมได้ถึง 3 ระดับชั้นผิว ได้แก่ ชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน จึงทำให้เทอร์มาจเด่นทั้งด้านกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสลายไขมัน ลดเหนียง ลดแก้มห้อยได้ควบคู่กัน
Thermage จะเหมาะกับคนที่มีไขมันบริเวณใบหน้าค่อนข้างเยอะ มีเหนียงใต้คาง มีคางสองชั้น ต้องการยกกระชับหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก กรอบหน้าชัดขึ้น หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล สามารถล้างหน้า ทาครีม แต่งหน้า ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เห็นผลทันทีประมาณ 20% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน ทำ 1 ครั้ง เห็นผลนาน 1-2 ปี
coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น
coolsculpting คือ เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น โดยเครื่อง coolsculpting จะทำงานโดยส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง -11 องศาลงไปใต้ชั้นผิวหนัง เข้าสู่ชั้นไขมัน ทำให้ไขมันตายและถูกขับออกมาจากร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้รูปร่างกระชับ ได้สัดส่วนมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีด ไม่ทำให้เกิดรอยแผล และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ
การทำ CoolSculpting มีงานวิจัยทางการแพทย์ประมาณ 50 งานวิจัย ที่ยืนยันผลการรักษาของเครื่องว่าสามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำให้ตายลงแบบถาวร โดยสามารถลดเซลล์ไขมันลงได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จะมีอาการบวมในจุดที่ทำไขมันตายและค้างอยู่ และใน 3-4 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนเล็กลง กระชับขึ้น โดยจะใช้เวลา 3 เดือน ถึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ครับ
สรุปฉีดเมโสแฟต VS การสลายไขมันแบบอื่น เลือกวิธีไหนดี ? แนะนำให้คนไข้เข้ารับการประเมินปัญหา และขอคำปรึกษาจากแพทย์ ในการเลือกวิธีสลายไขมันที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งหมอจะประเมินเป็นรายเคสครับ
ฉีดเมโสแฟต ทำร่วมกับการสลายไขมันแบบอื่นได้ไหม ให้ผลลัพธ์เหมือนกันไหม ?
การฉีดเมโสแฟต สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ครับ เช่น ฉีดโบท็อกด้วยเทคนิคโบท็อกลิฟกรอบหน้า (ช่วยเรื่องยกกระชับกรอบหน้า ไม่ใช่การสลายไขมัน) ตัวยาจะออกฤทธิ์ต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยจะฉีดบริเวณกรอบหน้า และใต้คาง เพื่อให้แรงของกล้ามเนื้อที่ดึงแก้มน้อยลง ใบหน้าจะได้ยกกระชับขึ้นมา สามารถทำร่วมกับการฉีดเมโสแฟตได้เช่นกันครับ
หากต้องการสลายไขมันและกระชับผิวไปด้วย สามารถฉีดเมโสแฟตร่วมกับการใช้เครื่องมือยกกระชับ อย่าง HifuI/Ulthera/Thermage ได้ครับ โดยหมอจะแนะนำให้ทำเครื่องยกกระชับก่อน แล้วเว้นสัก 1 เดือนค่อยฉีดเมโสแฟต ก็จะทำให้เห็นผลเร็วขึ้น เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนครับ
ส่วนบริเวณต้นขา ต้นแขน สะโพก หากมีไขมันสะสมเยอะมาก ๆ ถ้าฉีดเมโสแฟตจะไม่คุ้มครับ แนะนำให้ทำ CoolSculpting (สำหรับคนที่ไม่อยากผ่าตัด) จะเห็นผลดีกว่า ช่วยสลายไขมันบริเวณต้นแขน ต้นขา ทำให้สัดส่วนเล็กลงได้ เห็นผลแน่นอนและคงผลลัพธ์ได้นาน เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น เซลล์ไขมันจะตายและลดจำนวนลงแบบถาวรครับ แต่จะมีราคาสูงกว่าเมโสแฟต
ฉีดเมโสแฟตอันตรายไหม ?
การฉีดเมโสแฟต เป็นหัตถการที่ไม่อันตรายครับ ที่อันตรายส่วนมากจะมาจากตัวยาที่ฉีดไม่ใช่ตัวยาเมโสแฟตแท้ และไม่ได้ฉีดโดยแพทย์ ซึ่งตัวยาที่ไม่ใช่เมโสแฟตที่แอบลักลอบนำมาฉีด พบได้ 2 ตัวหลัก ๆ คือ สเตียรอยด์และยาสลายฟิลเลอร์ที่หมอเคยอธิบายไปแล้วในหัวข้อข้างต้นครับ
ฉีดเมโสแฟตมีความเสี่ยง หรือผลข้างเคียงไหม ?
การฉีดเมโสแฟต หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ตัวยาของแท้ จะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมากครับ ในบางเคสหลังฉีดอาจมีอาการบวม และรอยแดงหรือรอยช้ำจากเข็มเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้ปกติ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ยุบบวมลงใน 3-4 ชั่วโมง
เมโสแฟตมีขั้นตอนการฉีดอย่างไร ?
- คนไข้เข้าปรึกษาแพทย์ แจ้งปัญหา ความต้องการ รวมถึงแจ้งประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัว
- หมอจะแนะนำยี่ห้อเมโสแฟตที่เหมาะสมกับคนไข้ ทั้งในด้านผลลัพธ์การรักษาและราคาที่เหมาะสม
- ก่อนฉีดจะมีการทำความสะอาดผิวในจุดที่ต้องการฉีด
- มีการประคบน้ำแข็งในจุดที่ฉีด เพื่อลดความเจ็บจากเข็ม
- หมอจะค่อย ๆ ดันตัวยาเข้าไปบริเวณที่ต้องการลดไขมัน
เมโสแฟต สลายไขมันได้อย่างไร ?
ตัวยาเมโสแฟต (Meso Fat) เมื่อนำมาฉีดเข้าสู่ชั้นผิวที่มีไขมันสะสม ตัวยาจะไปกระตุ้นระบบการทำงานของ metabolism ที่เป็นกลไกเร่งการสลายไขมันตามธรรมชาติของร่างกาย และ L-carnitine ทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น ไขมันจะแตกตัวและกระตุ้นให้ไขมันที่สะสมอยู่ถูกปล่อยออกมาในรูปของไขมันเหลว ซึ่งจะถูกขับออกมาตามกลไกการขับของเสียตามธรรมชาติ โดยจะปนมากับเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระครับ
นอกจากนี้ตัวยาเมโสแฟตยังมีสารออกฤทธิ์ อย่าง Artichoke extract (Cynara scolymus) ที่ทำหน้าที่กระตุ้นการสังเคราะห์ coenzyme ในกระบวนการ anabolism สามารถช่วยลดเนื้อเยื่อไขมัน ลดการสังเคราะห์กรดไขมัน และ Mesostabyl (Polyunsaturated phosphatidylcholine) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ lipase, ลดการสร้าง triglyceride ยับยั้งการสร้าง cholesterol ในเนื้อเยื่อได้อีกด้วย
ฉีดเมโสแฟตเจ็บไหม ?
ฉีดเมโสแฟต ไม่เจ็บครับ คนไข้จะรู้สึกแสบจากตัวยาเล็กน้อยตอนที่หมอใช้เข็มดันตัวยาเข้าสู่ชั้นผิว ใครที่กลัวเจ็บมาก ๆ ก่อนฉีดทางคลินิกจะมีการแปะยาชา และประคบน้ำแข็งเพื่อช่วยลดความเจ็บครับ
ฉีดเมโสแฟตหน้าบวมกี่วัน ?
หลังฉีดเมโสแฟต ไม่ว่ายี่ห้อไหนก็จะมีอาการบวมเป็นปกติครับ เกิดจากการทำงานของตัวยา Meso Fat จะทำปฏิกิริยาให้ไขมันแตกตัว ส่งผลทำให้เกิดอาการบวมแต่จะบวมในช่วงแรกเท่านั้น หลังฉีดตัวยาจะซึมยุบไปเองใน 3-4 ชั่วโมง ดังนั้นคนไข้ไม่ต้องกังวล ในบางเคสอาจจะมีอาการบวมเข็มได้เล็กน้อยเป็นปกติครับ แนะนำให้เลี่ยงการกดหรือนวดในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการอักเสบ
เมโสแฟตเหมาะกับใคร ?
- คนที่มีไขมันสะสมบริเวณเหนียงเยอะ มีคางสองชั้น ต้องการลดเหนียง เพิ่มกรอบหน้าชัดอย่างชัดเจนและรวดเร็ว
- คนที่ต้องการปรับรูปหน้า ลดสัดส่วนโดยไม่ต้องผ่าตัด ดูดไขมัน
- คนที่ต้องการฉีดลดไขมันด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ปลอดภัย ซึ่งช่วยให้ไขมันแตกตัว ผ่านกระบวนการเผาผลาญ และขับออกพร้อมกับของเสียจากร่างกาย เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ
- คนที่ออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารแล้วแต่สัดส่วนยังไม่ลด
- คนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ฉีดเมโสแฟตไม่เหมาะกับใคร ?
- คนที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี
- สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- คนที่ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด
- คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
- คนไข้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- คนที่อยู่ในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง โรคหัวใจ มีการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ
- คนที่เป็นโรคเบาหวาน ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ มีการรักษาด้วยยาหลายชนิด
ข้อปฏิบัติก่อนมาฉีดเมโสแฟต
- ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟตอย่างละเอียด ทั้งกระบวนการ ขั้นตอนการปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีด เลือกคลินิก เลือกหมอ เพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ก่อนฉีดเมโสแฟต 48 ชั่วโมง ควรงดยาในกลุ่มของ แอสไพริน, NSAIDs และ Dipyridamol
- งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ก่อนฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- คนไข้ต้องเข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจประเมินใบหน้าและจุดที่ต้องการฉีด แจ้งประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัว
ข้อปฏิบัติหลังฉีดเมโสแฟต
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน หากเกิดรอยแดง รอยช้ำจากเข็มในบริเวณที่ฉีดให้ประคบเย็นก่อนใน 48 ชั่วโมงแรก
- สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ
- หลีกเลี่ยงการนวด อบซาวน่า งดการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์หรือการทำทรีตเมนท์ต่าง ๆ หลังทำเมโสแฟตเพื่อลดอาการบวมฟกช้ำให้น้อยลง
- เลี่ยงทำกิจกรรมที่รบกวนผิวหน้า เช่น การนวด กด สครับหน้า ถูหน้าแรง ๆ รวมไปถึงการว่ายน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า นวดหน้า นวดตัว หรือทำเลเซอร์อย่างน้อย 1 สัปดาห์
แนวทางดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสแฟต เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย อย่าน้อย 1.5-2 ลิตร เพราะน้ำจะช่วยให้ไขมันถูกขับออกจากร่างกายได้มากขึ้น
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดไขมันออกจากร่างกายให้เร็วขึ้น และลดการสะสมของไขมันใหม่ เช่น การเดินเร็ว หรือแอโรบิค อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ลด ละ เลิกการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ของหวาน น้ำอัดลม ของทอด รวมถึงอาหารที่มีโซเดียมสูง
ฉีดเมโสแฟต ใช้ยี่ห้อไหนดี ?
ปัจจุบันเมโสแฟตมีหลายยี่ห้อ หลัก ๆ จะผลิตในประเทศเกาหลี และเนื่องจากแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนฉีดเมโสแฟตควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ประเมินจุดที่ต้องการฉีดและแนะนำยี่ห้อที่เหมาะสม ฉีดแล้วได้ผลดี เหมาะกับคนไข้แต่ละเคสมากที่สุด โดยสูตรที่ได้รับความนิยมในไทย และเห็นผลไว เช่น
1. เมโสแฟตยี่ห้อ Phytobella
เมโสแฟตยี่ห้อ Phytobella ตัวยามีสารสกัดจากธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัย สามารถใช้ฉีดเพื่อสลายไขมันได้หลายตำแหน่ง เช่น ฉีดลดเหนียงใต้คาง แก้ม ต้นแขน ต้นขา สะโพก และช่วยในการยกกระชับผิว ลดอาการบวมน้ำหลังฉีด
ข้อดี : ฉีดแล้วยุบดี ไม่บวมแดง ไม่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยครับ
ข้อควรระวัง : ขณะฉีดจะรู้สึกแสบเล็กน้อย
2. เมโสแฟตยี่ห้อ BABI Neo One
เมโสแฟตยี่ห้อ BABI Neo One เหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาแก้มหย่อน สามารถสลายไขมันพร้อมยกกระชับ เริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ใน 3 วัน นิยมฉีดลดเหนียงใต้คาง
ข้อดี : ช่วยสลายไขมันพร้อมยกกระชับ ฉีดแล้วยุบดี หลังฉีดไม่มีอาการบวมแดง
ข้อควรระวัง : ขณะฉีดมีอาการแสบ (แต่จะแสบน้อยที่สุดในบรรดายี่ห้อเมโสแฟตทั้งหมด)
3. เมโสแฟตยี่ห้อ FNC
เมโสแฟตยี่ห้อ FNC 30 เหมาะกับคนที่มีไขมันแก้มเยอะ ช่วยยกกระชับหน้า ปรับสมดุลต่อมน้ำเหลือง หมอจะทำการฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อสลายเซลล์ไขมันให้แตกตัวและขจัดการสะสมของชั้นไขมัน ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเกิดการยุบตัว ช่วยลดไขมันได้ดี และเห็นผลไวโดยที่ไม่ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยหลังไขมันลดครับ
ข้อดี : ยุบดี เหมาะสำหรับคนที่มีแก้มเยอะ
ข้อควรระวัง : ขณะฉีดจะรู้สึกแสบกลางๆ
4.เมโสแฟตยี่ห้อ Neobella
เมโสแฟตยี่ห้อ Neobella นำเข้าจากประเทศเกาหลี ส่วนผสมหลักของตัวยาเป็น Deoxycholic acid (DCA) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มยาสลายไขมันตัวเดียวที่ได้รับการรับรองจาก US-FDA ใช้หลักการทำลายเซลล์ไขมันแบบ Adipocyte-Cytolysis คือสลายเซลล์ไขมันได้โดยตรง ในขณะที่ตัวยาอื่น ๆ ใช้หลักการดึงไขมันออกจากเซลล์ เหมาะกับการฉีดในจุดที่มีไขมันสะสมจำนวนมาก เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ครับ
ข้อดี : สลายเซลล์ไขมันได้โดยตรง เหมาะกับการลดไขมันบริเวณลำตัว หน้าท้อง แขน ขา
ข้อควรระวัง : ขณะฉีดจะรู้สึกแสบกลาง ๆ
การเลือกฉีดเมโสแฟต ยี่ห้อไหนดี นอกจากจะคำนึงถึงการเลือกยี่ห้อแล้ว เรื่องความปลอดภัยก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นกันครับ ควรเลือกหมอที่มีประสบการณ์ และใช้ผลิตภัณฑ์แท้ ก่อนฉีดควรให้แพทย์แกะกล่อง เปิดขวดยาให้ดูต่อหน้า และนำขวดกลับบ้านเพื่อเอาไปสืบค้นได้ว่าผลิตภัณฑ์เป็นของแท้จริงหรือไม่ครับ
เมโสแฟต ของแท้ ดูอย่างไร ?
ก่อนฉีดเมโสแฟต คนไข้สามารถเช็กวิธีดูเมโสแฟตของแท้แต่ละยี่ห้อ โดยสังเกตได้จาก
วิธีดูเมโสแฟต ของแท้ ยี่ห้อ Phytobella
- มีเลข Lot และเลข EXP ตรงกันที่ก้นขวดและกล่อง
- มี QR Code ของบริษัทที่สามารถสแกนเพื่อดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ได้ข้างกล่อง
- มี Barcode ให้สแกน เพื่อตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ข้างกล่อง
- ฝาของขวด Phytobella ต้องเป็นสีทองแดงเท่านั้น
วิธีดูเมโสแฟต ของแท้ ยี่ห้อ FNC
- มีสติกเกอร์ FNC30 ติดอยู่บริเวณฝากล่อง 1 ด้าน
- มี QR Code ของบริษัทที่สามารถสแกนเพื่อดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ได้ หลังกล่อง
- มีเลข Lot และเลข EXP ตรงกันที่ก้นขวดและหลังกล่อง
- ฝาของขวด FNC30 ต้องเป็นสีเทาเท่านั้น
วิธีดูเมโสแฟต ของแท้ ยี่ห้อ BABI Neo One
- มีสติกเกอร์โฮโลแกรม Edencolors ติดอยู่บริเวณฝากล่องทั้ง 2 ข้าง และหลังกล่อง
- มี QR Code ของบริษัทอยู่บนกล่องและขวด เพื่อให้สแกนบน App Hidden Tag
- มีสกรีนคำว่า BABI อยู่บริเวณข้างฝาขวด
- ฝาขวดต้องเป็นสีเทาเท่านั้น
เมโสแฟต1ขวดมีกี่ CC ?
เมโสแฟตยี่ห้อมาตรฐานส่วนใหญ่ 1 ขวดจะบรรจุตัวยา 10 CC ครับ ก่อนนำมาใช้ไม่จำเป็นต้องผสมน้ำเกลือ ส่วนปริมาณที่แนะนำให้ฉีดในแต่ละครั้ง หมอจะเป็นผู้ประเมินตามปริมาณไขมันของแต่ละคนครับ
ฉีดเมโสแฟตใช้กี่ CC ?
ปริมาณการใช้เมโสแฟตแต่ละคนจะใช้จำนวน CC ไม่เท่ากันครับ ขึ้นอยู่ตำแหน่งที่ฉีดและปริมาณไขมันของแต่ละบุคคล หมอจะเป็นผู้ประเมินและแนะนำยี่ห้อที่เหมาะสมให้ครับ โดยปริมาณยาเมโสแฟตที่ใช้ในแต่ละตำแหน่ง จะใช้จำนวน CC ดังต่อไปนี้
- ฉีดเมโสแฟตแก้ม โดยทั่วไปจะใช้ครั้งละ 6 CC ขึ้นไป (ข้างละ 3 cc ขึ้นไป) เหมาะกับผู้ที่มีไขมันบริเวณแก้มไม่มาก แต่ถ้ามีไขมันสะสมเยอะ แก้มเยอะ หรือมีเวลามาทำไม่บ่อย สามารถฉีดครั้งนึงหลาย CC ได้เลยครับ ในบางเคสอาจใช้ถึง 24 CC ต่อการฉีด 1 ครั้ง
- ฉีดเมโสแฟตเหนียง โดยทั่วไปจะใช้ครั้งละ 10 CC+
- ฉีดเมโสแฟตต้นแขน โดยทั่วไปใช้ข้างละ 20-40 CC
- ฉีดเมโสแฟตต้นขา โดยทั่วไปใช้ข้างละ 40 CC+
- ฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง/สะโพก โดยทั่วไปใช้ 40-80 CC
จำนวน CC ในเบื้องต้นเป็นการประมาณคร่าว ๆ จากเคสคนไข้ส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการครับ ในการฉีดแต่ละครั้ง หมอจะประเมินจากสัดส่วนจริงของคนไข้ก่อนเสมอ ว่าควรใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผลครับ
ฉีดเมโสแฟตกี่วันถึงจะเห็นผล ?
หลังฉีดเมโสแฟต จะเห็นผลว่าบริเวณที่ฉีดเริ่มยุบลงภายในระยะเวลา 5-7 วัน หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ ไขมันลดลงประมาณ 10-15% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละบุคคล รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตร่วมด้วยครับ
เมโสแฟต ฉีดได้บ่อยแค่ไหน ?
ในกรณีที่อยากเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น คนไข้สามารถกลับมาฉีดซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ที่ประเมินครับ โดยเฉพาะเคสที่มีไขมันมาก อาจฉีด 4-5 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลชัดและอยู่ได้นานขึ้นครับ
ฉีดเมโสแฟต อยู่ได้กี่เดือน ?
ฉีดเมโสแฟตปกติแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 2-3 เดือน แต่ถ้าดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงของทอด ของมัน ก็จะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
เมโสแฟต ฉีดด้วยตัวเองได้ไหม ?
เนื่องจากการฉีดเมโสแฟตเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงขึ้น คนไข้บางกลุ่มจึงซื้อเมโสแฟตจากอินเทอร์ เน็ตมาฉีดเอง เพราะหาซื้อง่ายและมีราคาถูก วิธีนี้หมอไม่แนะนำเด็ดขาดครับ เพราะมีความเสี่ยงหลายด้านมาก ทั้งเสี่ยงโดนหลอกขายเมโสแฟตปลอม เสี่ยงเจอหมอกระเป๋า ที่สำคัญเลยคือเสี่ยงติดเชื้อระหว่างฉีดเนื่องจากห้องหัตถการไม่สะอาด เมื่อฉีดเข้าไปทำให้มีการอักเสบติดเชื้อหรือเกิดผลข้างเคียงได้
ทางที่ดีควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และขอดูยี่ห้อเมโสแฟตก่อนฉีดทุกครั้ง เพื่อจะได้มั่นใจว่าเป็นยาแท้ สามารถตรวจสอบแหล่งผลิต และบริษัทผู้นำเข้าได้อย่างชัดเจนครับ
เมโสแฟต ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ?
การฉีดเมโสแฟต คนไข้สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกครับ ไขมันจะเริ่มสลายตัวประมาณ 10-15% และเริ่มเห็นผลว่า แก้ม เหนียง ยุบลงใน 5-7 วัน เห็นผลเต็มที่ 2-3 สัปดาห์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละบุคคลด้วย รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน หากฉีดแล้วยังไม่ควบคุมพฤติกรรมการกิน อาจทำให้ไม่เห็นผลได้อย่างเต็มที่
ฉีดเมโสแฟต ราคาเท่าไร ?
การฉีดเมโสแฟตราคาไม่แพงครับ เริ่มต้นที่หลักพันต้น ๆ ขึ้นอยู่กับปริมาณและยี่ห้อที่เลือกใช้ สำหรับโปรโมชั่นเมโสแฟต เมโสแฟต พรีเมียม ราคาพิเศษ ที่ V Square Clinic จะมีราคาดังนี้ครับ
ส่วนคนไข้จะเหมาะกับสูตรไหน ใช้กี่ CC นั้น หมอจะประเมินสภาพใบหน้าก่อนฉีดทุกครั้ง รวมทั้งสอบถามปัญหาที่คนไข้กังวล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสูตรเมโสตัวที่เหมาะกับคนไข้มากที่สุด เพื่อความคุ้มค่าและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
ฉีดเมโสแฟตที่ไหนดี ?
สำหรับคนที่กำลังมองหาว่าควรเลือกฉีดเมโสแฟตที่ไหนดี หมอมีคำแนะนำวิธีเลือกคลินิกดังนี้ครับ
- คลินิกเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีชื่อคลินิกชัดเจนและเลขที่ใบอนุญาตของผู้ประกอบการ มาตรฐานตามกระทรวงสาธารณสุขติดไว้ในที่เห็นได้ รวมถึงคลินิกนั้นต้องมีป้ายรายชื่อผู้ประกอบวิชาชีพในคลินิกติดไว้ในที่เปิดเผย
- ปลอดภัย ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวยาเมโสแฟตที่ได้มาตรฐาน สามารถขอดูยี่ห้อเมโสแฟตก่อนฉีดได้ครับ เพื่อจะได้มั่นใจว่าส่วนผสมไม่มีอันตราย และสามารถตรวจสอบแหล่งผลิต บริษัทผู้นำเข้าได้ชัดเจน ไม่เสี่ยงต่อยาหิ้วยาปลอมที่อันตรายครับ
- ควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น แนะนำว่าควรเป็นแพทย์ FullTime ประจำคลินิก เพราะหมอประจำคลินิกย่อมต้องพยายามรักษาชื่อเสียงคลินิก และมักมีรีวิวเก่า ๆ ของคลินิกนั้น ๆ
ฉีดเมโสแฟตแล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไร แก้อย่างไร ?
มีคนไข้หลายคนที่ฉีดเมโสแฟตไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลง ในกรณีนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยครับ เช่น
- หมอเลือกยี่ห้อและคำนวณปริมาณตัวยาฉีดที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาและปริมาณไขมัน
- ใช้ตัวยาเมโสแฟตที่ไม่ได้มาตรฐาน ฉีดเมโสแฟตปลอม ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลข้างเคียงตามมา เพราะตัวยาอาจมีสารประกอบอันตรายต่อผิวหนัง
- การปฏิบัติหลังฉีดของคนไข้ หากไม่ลดเลี่ยงอาหารไขมันสูง ดื่มน้ำน้อย ก็ยังทำให้มีปริมาณไขมันสะสมอยู่อย่างต่อเนื่อง โอกาสที่ไขมันจะลดลงก็มีน้อยครับ
ดังนั้นหากต้องการฉีดเมโสแฟตแล้วเห็นผล ก่อนฉีดควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อจะได้เลือกยี่ห้อและคำนวณตัวยาได้ถูกต้อง ทำกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสแฟตร่วมด้วย ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
รีวิว ฉีดเมโสแฟต
สรุป
สำหรับใครพยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่ยังมีไขมันส่วนเกินบางจุดที่ลดไม่ลง ลดไขมันได้ยาก การฉีดเมโสแฟตเป็นตัวช่วยที่ดีครับ มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะกับคนที่อยากสลายไขมันเฉพาะจุด ลดแก้ม ลดเหนียง ปรับหน้าเรียว แต่ไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากดูดไขมัน และไม่ได้มีไขมันสะสมเยอะมากจนเกินไป
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดเมโสแฟต ควรศึกษาตัวยาเมโสแฟตแต่ละยี่ห้อ วิธีตรวจสอบเมโสแฟตของแท้ และควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง เพื่อตรวจประเมินเลือกยี่ห้อและปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละเคสครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ