บทความทั้งหมด

โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม

โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ทางเลือกดี ๆ ในการแก้อาการตึงคอ บ่า ไหล่

Categories
botox
โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม

โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม

หากมีอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดเมื่อย ตึงคอ บ่า ไหล่ หลัง จากโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ที่เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ๆ จนทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งและมีอาการปวด ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทำการรักษาอย่างตรงจุด เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในระยะยาวครับ 

ปัจจุบันมีวิธีบรรเทาหรือรักษาอาการปวดจากโรคออฟฟิศซินโดรมอยู่หลายวิธี โดยวิธีที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย และเห็นผลเร็วเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ คือ การฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม   

อาการปวดไหล่
botox ออฟฟิศซินโดรม

สารบัญ โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม

  1. โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร ?
  2. โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม มีหลักการทำงานอย่างไร ?
  3. ออฟฟิศซินโดรม เกิดจากสาเหตุอะไร ?
  4. ออฟฟิศซินโดรม อาการเป็นอย่างไร ?
  5. ออฟฟิศซินโดรม แก้ไขด้วยวิธีใดได้บ้าง ?
  6. โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม เหมาะกับใคร ?
  7. ใครที่ไม่สามารถฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรมได้
  8. โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ใช้ยี่ห้อไหนดี ? ใช้กี่ยูนิต ?
  9. โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ราคาเท่าไร ?
  10. โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม อยู่ได้นานไหม ? กี่ครั้งเห็นผล ?
  11. โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ที่ไหนดี ?
  12. ก่อนฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ควรเตรียมตัวอย่างไร ?
  13. ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม
  14. รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม

โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร ? 

โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม คือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด เอ (Botulinum Toxin ชนิด A) เป็นตัวยาแบบเดียวกับที่ใช้ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย และปรับรูปหน้าครับ 

ประโยชน์ของโบท็อกซ์ยังมีอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือสามารถใช้รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อจากออฟฟิศซินโดรมได้ โดยเฉพาะในคนไข้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรมเรื้อรัง ต้องทรมานจากอาการปวดที่รุนแรงขึ้น รวมถึงคนไข้ที่ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง และมีความกังวลกับผลข้างเคียงจากการรับประทานยา 


โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม มีหลักการทำงานอย่างไร ? 

หลังฉีดโบท็อกจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว โดย Botox จะเข้าไปบล็อกกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานหนักมาเป็นเวลานาน จนกล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็ง ตึง แน่น ขมวดเป็นก้อนแข็ง ให้ผ่อนคลายลงชั่วคราว จึงช่วยบรรเทาอาการปวดออฟฟิศซินโดรม ตึงคอ บ่า ไหล่ หลังได้อย่างตรงจุด

นอกจากนี้ยังช่วยการลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อ (Trigger Point) ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดการปวดเรื้อรังได้ด้วยครับ   

ฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม
โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ

ออฟฟิศซินโดรม เกิดจากสาเหตุอะไร ? 

  • ใช้กล้ามเนื้ออย่างหนัก อยู่ในอิริยาบถเดิมเป็นเวลานาน ๆ    
  • นั่งทำงานในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งไขว่ห้าง ตัวงอ หลังโก่ง คอยื่น 
  • อุปกรณ์ในการทำงาน เช่น โต๊ะ เก้าอี้ จอคอม ไม่พอดีกับสรีระ สูงหรือต่ำเกินไป 
  • สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น มีเสียงดังรบกวน แสงสว่างไม่เพียงพอ 
  • ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ  
  • ยกของผิดท่า แบก ลาก เข็นของน้ำหนักมากเกินไป
  • บาดเจ็บจากการเล่นกีฬาเป็นประจำ 
  • สภาพร่างกายที่อาจส่งผลต่อความเจ็บป่วย เช่น เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ

สาเหตุหลักของการเกิดออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) จะเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ๆ มากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน จนกล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็ง บาดเจ็บอย่างเฉียบพลันหรือเรื้อรัง มักเกิดกับคนทำงานออฟฟิศ ฟรีแลนซ์ คนที่ต้องใช้แรงงาน และนักกีฬา   


ออฟฟิศซินโดรม อาการเป็นอย่างไร ?

อาการของออฟฟิศซินโดรม คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial Pain Syndrome) มีอาการแสดงหลายอย่าง คนไข้สามารถสังเกตอาการของตนเองในเบื้องต้นได้ครับว่ามีอาการที่เข้าข่ายเป็นออฟฟิศซินโดรมหรือไม่ เช่น 

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บริเวณคอ บ่า ไหล่ หลัง  
  • ปวดศีรษะเรื้อรัง (ไมเกรน)   
  • ปวดตึงที่ขา เหน็บชา แขนขาอ่อนแรง  
  • ปวดตา ตาพร่า  
  • นิ้วล็อก ปวดข้อมือ
  • นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท 

กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย จะเป็นเส้นใยโยงต่อเนื่องกันหลายส่วนครับ เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณใดบริเวณหนึ่งเริ่มมีการหดเกร็งหรือขมวดกันเป็นปม กล้ามเนื้อบริเวณอื่นก็จะเกิดการดึงรั้งกันไปมา จนทำให้อาการปวดกระจายเป็นวงกว้าง หรือมีอาการปวดเรื้อรัง อาจรุนแรงขึ้นถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้

อาการออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรม แก้ไขด้วยวิธีใดได้บ้าง ?  

ก่อนรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม หมอจะต้องประเมินปัญหาของคนไข้ก่อนครับ เพื่อจะได้รู้สาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากการรักษามีหลายวิธี และความรุนแรงของออฟฟิศซินโดรมก็มีหลายระดับ บางรายเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็ช่วยให้อาการปวดดีขึ้นได้ เช่น

  • ปรับเปลี่ยนท่านั่ง ไม่นั่งหลังค่อมหรือนั่งเอนหลัง ควรนั่งหลังตรง เพื่อช่วยลดอาการปวดหลัง สุขภาพหมอนรองกระดูกดีขึ้น 
  • บริหารกล้ามเนื้อ หากรู้สึกปวดเมื่อย ควรพักผ่อนคลายร่างกาย ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย หรือออกไปสูดอากาศด้านนอก ไม่ควรนั่งทำงานติดกันนานเกินไป 
  • พักสายตา ไม่ควรเพ่งจอคอมนานหรือนั่งใกล้จอคอมจนเกินไป เพราะจะทำให้ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อตาและปวดศีรษะ ควรพักสายตาทุก ๆ 1 ชั่วโมง 
  • ปรับสภาพแวดล้อม ให้มีอากาศถ่ายเท แสงสว่างเหมาะสม ไม่จ้าหรือสว่างเกินไป เพื่อช่วยถนอมสายตา 
  • ออกกำลังกาย โดยเลือกชนิดกีฬาที่ช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ช่วยผ่อนคลายความเครียด และสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย 

บางรายที่มีอาการรุนแรงและส่งผลต่อการใช้ชีวิต อาจต้องใช้วิธีทางการแพทย์ ซึ่งมีให้เลือกหลายวิธี โดยแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม 

ข้อดี สามารถรักษาได้ตรงจุด เห็นผลไว เป็นวิธีที่ปลอดภัย ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์ครับ หมอจะฉีดตรงตำแหน่งที่มีอาการปวด ซึ่งมีสาเหตุจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ (Muscle Spasm) หลังฉีดไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์ทันทีและดีขึ้นเรื่อย ๆ คงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน 

ข้อเสีย ผลลัพธ์จะอยู่ไม่ถาวร โบท็อกสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่สามารถฉีดซ้ำได้เพื่อคงผลลัพธ์ 

botox ออฟฟิศซินโดรม
  • นวดบรรเทาอาการปวดออฟฟิศซินโดรม  

ข้อดี เป็นการรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือก โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดสำหรับกดจุดหรือนวดเฉพาะจุด เช่น การนวดแผนไทย เพื่อคลายความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายชั่วคราว ช่วยบรรเทาอาการปวดออฟฟิศซินโดรมได้ 

ข้อเสีย ช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้าหากอาการออฟฟิศซินโดรมเกิดจากส่วนอื่น เช่น เส้นเอ็น เส้นประสาท อาจจะไม่หายหรือทำให้อาการเป็นมากขึ้นได้ จึงควรนวดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ

  • ฝังเข็ม รักษาออฟฟิศซินโดรม 

ข้อดี ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดีขึ้น กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลม และปรับสมดุลของร่างกาย เป็นวิธีรักษาด้วยการแพทย์แผนจีนครับ โดยหมอจะจิ้มเข็มลงไปบนจุดต่าง ๆ ในร่างกายที่มีอาการปวด เช่น คอ บ่า ไหล่ และส่วนต่าง ๆ ที่มีอาการปวดเรื้อรังจากการหดเกร็ง  

ข้อเสีย เป็นวิธีการเสริมการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ใช่การเอามาแทนที่การรักษาแบบแพทย์ปัจจุบัน ควรปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบันควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันการผิดพลาด และให้ได้ประสิทธิภาพในการรักษามากที่สุด

ฝังเข็ม
  • รักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยยา

ข้อดี ช่วยบรรเทาอาการ เมื่อมีอาการปวด หรืออักเสบมาก หรือในกรณีที่อาการที่เกิดขึ้นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิต โดยยารับประทานที่ใช้บ่อย เช่น ยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ (NSAIDs) ยาคลายกล้ามเนื้อ (muscle relaxants) และยาแก้ปวดที่ไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) 

ข้อเสีย ยาบางตัวมีผลข้างเคียง เช่น ทำให้ท้องผูก ปากแห้ง คอแห้ง ง่วงซึม อ่อนเพลีย ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ส่งผลต่อตับ ไตและหลอดเลือดหัวใจ  ผู้มีอาการควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยา เพื่อเลือกยาที่เหมาะสมกับสาเหตุและอาการครับ 

  • ทำกายภาพบำบัด เพื่อยืดกล้ามเนื้อ 

ข้อดี ช่วยลดอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ และเอ็นกล้ามเนื้อด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ใช้มือดัดดึง/นวด, กดจุด trigger point ร่วมกับการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่น Shockwave, Laser, Ultrasound  ฯลฯ

ข้อเสีย วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีเวลา เพราะต้องทำอย่างสม่ำเสมอจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนครับ การเลือกใช้วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับตามความเหมาะสม และดุลยพินิจของนักกายภาพบำบัด 

shock wave

ก่อนรักษาโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ควรรู้ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธีก่อนครับ หากต้องการวิธีรักษาที่ตรงจุด เห็นผลไว และปลอดภัย การฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรมถือเป็นทางเลือกที่ดีครับ ขั้นตอนการฉีดไม่นาน (ประมาณ 1 ชั่วโมง) ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ เพราะไม่ต้องทนปวดเมื่อยคอ บ่าแข็ง ไหล่แข็ง  

Vsquare tips

ข้อควรรู้ : โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ยังมีข้อดีที่เป็นผลพลอยได้ด้านความงามร่วมด้วย เช่น ในกรณีฉีดบริเวณสะบัก ก็จะทำให้ก้อนนูนบริเวณสะบักเล็กลง หรือหากฉีดบริเวณคอ จะช่วยปรับสัดส่วนคอให้เหมาะสม จากช่วงคอที่ดูสั้นให้เรียวระหงขึ้นรับกับกรอบหน้าได้อีกด้วยครับ


โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม เหมาะกับใคร ? 

  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องอาการปวดเมื่อย ออฟฟิศซินโดรมเรื้อรัง กระทบต่อการใช้ชีวิต
  • ผู้ที่ไม่อยากรับประทานยาต่อเนื่อง มีความกังวลกับผลข้างเคียงจากการรับประทานยา
  • ผู้ที่ต้องการวิธีการรักษาที่ตรงจุด สามารถรักษาได้ถึงต้นตอของปัญหา 
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน บรรเทาอาการปวดเมื่อยในระยะยาว  
  • ผู้ที่ต้องการวิธีการรักษาที่สะดวก เห็นผลลัพธ์เร็ว 

ใครที่ไม่สามารถฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรมได้

หากต้องการฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนครับ เช่นเดียวกับการฉีดโบท็อกในจุดอื่น ๆ ซึ่งมีข้อห้ามในคนบางกลุ่ม ไม่สามารถฉีดได้ เช่น  

  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง อาจจะอันตรายถึงชีวิต
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อในการกลืน
  • ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่าง ๆ เช่น amyotrophic lateral sclerosis (ALS), Lou Gehrig’s disease, myasthenia gravis, Lambert-Eaton syndrome
  • ผู้ที่มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังในจุดที่จะฉีดโบท็อก
  • ผู้ที่มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือมีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

รวมถึงผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ส่วนผสมของโบท็อก (Botulinum toxin type A, Human albumin, Sodium chloride) มีภาวะเลือดหยุดยาก เขียวช้ำง่าย อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ และให้นมบุตร ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง 


โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ใช้ยี่ห้อไหนดี ? ใช้กี่ยูนิต ? 

สำหรับการฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ที่ V Square Clinic มีโบท็อกซ์แบรนด์ระดับโลกให้แพทย์เลือกใช้หลายยี่ห้อครับ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติเด่นแตกต่างกัน   

  • Allergan (โบท็อกอเมริกา) 
  • Nabota (โบท็อกเกาหลี) 
  • Aestox (โบท็อกเกาหลี) 
  • Dysport (โบท็อกอังกฤษ) 
  • Xeomin (โบท็อกเยอรมัน)  

หมอจะประเมินปัญหาของคนไข้ และแนะนำยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เหมาะสม ตรงกับงบประมาณ ถ้าต้องการความคุ้มค่าคุ้มราคา แนะนำโบท็อกเกาหลีครับ โดยปริมาณเริ่มต้นจะใช้อยู่ที่ 100 ยูนิต 

botox office syndrome 100 u

โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ราคาเท่าไร ? 

โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ราคาไม่แพงครับ เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ ระยะเวลาเห็นผล และระยะเวลาคงผลลัพธ์ 

  • โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม 100 ยูนิต ราคา 9,000.-
  • โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม 150 ยูนิต ราคา 12,000.-
  • โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม 200 ยูนิต ราคา 16,000.-

ทั้งนี้ หมอจะต้องประเมินจากขนาดกล้ามเนื้ออีกครั้ง


โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม อยู่ได้นานไหม ? กี่ครั้งเห็นผล ?

โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้และการดูแลตัวเอง ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมด้วยครับ 

ถ้าต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ แต่ควรเว้นระยะในการฉีดแต่ละครั้งประมาณ 3-4 เดือน ไม่ควรฉีดติดต่อกันบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการดื้อโบท็อกครับ


โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ที่ไหนดี ? 

ฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรมที่ V Square Clinic เป็นคลินิกที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้องและมีมาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อกซ์ ใช้โบท็อกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน ผ่าน อย. มีการนัดติดตามผลหลังทำทุกเคส 

สามารถปรึกษาหมอก่อนได้ครับ คลินิกมีหลายสาขาให้เลือกใช้บริการ ส่วนใหญ่อยู่ในห้าง ใกล้ห้าง เดินทางสะดวก และยังมีช่องทางการติดต่อหลายช่องทางครับ ทั้ง Line@, Facebook, IG ให้ปรึกษาหมอทางออนไลน์ได้ฟรี  

ฉีด botox ที่ v square clinic โดยหมอเพลิน

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ควรเตรียมตัวอย่างไร ?

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก วิธีการสังเกตโบท็อกแท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัย
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินถึงปัญหาได้ตรงจุด และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
  • ฉีดโบท็อกแท้ ผ่านการรับรองจาก อย.เท่านั้น เพื่อลดโอกาสการดื้อยาและผลข้างเคียง
  • ควรให้แพทย์เปิดขวดใหม่ ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป ขอกล่องและขวดกลับบ้านไว้ตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นโบท็อกแท้
  • งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, Ponstan
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรปรึกษาหรือแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม

  • หลังทำสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ
  • งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 
  • งดอาหารรสจัด และอาหารหมักดอง 
  • ปรับท่านั่งให้ถูกต้อง เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ ไม่ควรนั่งนาน ๆ ลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสาย บริหารกล้ามเนื้อเป็นระยะ ๆ และพักสายตาจากหน้าจอ
  • ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์

รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม

ปัจจุบันมีหลายคลินิกให้บริการฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม จะเลือกฉีดกับคลินิกไหนดี การดูรีวิวเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญครับ 

  • ต้องเป็นรีวิวที่อัปเดตเป็นปัจจุบัน
  • มีรีวิวทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวหรือคลิปวิดีโอ จะได้เห็นขั้นตอนในการฉีด ตำแหน่งที่ฉีด เทคนิคและความชำนาญแพทย์ 
  • เลือกดูรีวิวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น รีวิวติดดาวบน Facebook, Google Map หรือรีวิวตามเว็บไซต์ เช่น Wongnai, Pantip  

สรุป

หลาย ๆ คนเวลามีอาการปวดเมื่อยก็มักจะไปนวดผ่อนคลาย ซี่งช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเทียบกับฉีดโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม โดยจะฉีดไปที่กล้ามเนื้อที่เกิดปัญหา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยคอ บ่า ไหล่ หลัง ซึ่งมีสาเหตุจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อได้อย่างตรงจุด ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ว่ามีความปลอดภัย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวิธีที่สะดวก และเห็นผลเร็วครับ 

ทั้งนี้  ควรฉีด Botox ออฟฟิศซินโดรม กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ รู้เทคนิคและตำแหน่งกล้ามเนื้อ ใช้โบท็อกแท้ ที่ผ่าน อย. เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจครับ


อ้างอิง : 


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ29คน
ฉีดโบท็อกซ์ตีนกาช่วยอะไรบ้างมีอันตรายต่อตาไหม370x277

ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง มีความเสี่ยงต่อตาไหม ?

Categories
botox

ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา

ฉีดโบท็อกซ์ตีนกาช่วยอะไรบ้างมีอันตรายต่อตาไหม1000x860

ถ้าพูดถึงริ้วรอย ไม่ว่าเกิดขึ้นตำแหน่งไหน ก็สร้างความกังวลใจทั้งนั้นครับ เพราะการมีริ้วรอยบ่งบอกถึงผิวที่เสื่อมสภาพ และอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะริ้วรอยตีนกาที่อยู่บริเวณหางตา ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นซ้ำ ๆ เวลาแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ  

การแก้ปัญหาริ้วรอยตีนกาที่ตรงจุดที่สุด คือ การฉีดโบท็อกซ์ตีนกา เพราะหลังฉีดโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อโดยตรงครับ ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา ดีอย่างไร ? กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ? โบท็อกตีนกา ยี่ห้อไหนดี ? ใช้กี่ยูนิต ? ติดตามได้ในบทความนี้   

รวมวิธีจัดการปัญหาริ้วรอยตีนกากวนใจ

สารบัญ ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา 

  1. ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา ดีอย่างไร ? 
  2. รอยตีนกา มีสาเหตุมาจากอะไร ?
  3. ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา อันตรายไหม ?
  4. โบท็อกซ์ตีนกา ควรใช้ยี่ห้อไหนดี ใช้กี่ยูนิต ?
  5. โบท็อกซ์ตีนกา ราคาเท่าไร ?
  6. ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ตีนกา เมื่อเทียบกับวิธีอื่น ? 
  7. ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา อยู่ได้นานไหม กี่วันเห็นผล ?
  8. ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา ที่ไหนดี ? 
  9. วิธีปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์ตีนกา
  10. รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา

ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา ดีอย่างไร ? 

การฉีดโบท็อกซ์ตีนกา ช่วยลดริ้วรอยตีนกาได้อย่างเห็นผล ตรงจุด เพราะโบท็อกออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาท ทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว หลังฉีดลดริ้วรอยตีนกา จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นไม่หดตัวเกิดเป็นรอยพับเวลาที่แสดงสีหน้า และยังสามารถป้องกันริ้วรอยในอนาคตได้ด้วยครับ 

การฉีดโบท็อกซ์ตีนกา หมอเป้

ในคนที่อายุน้อย ๆ ผิวยังมีคอลลาเจนและอีลาสตินอยู่เยอะ เวลาผิวเกิดรอยพับจะคงอยู่ไม่ถาวร เพราะผิวมีความยืดหยุ่น แต่ถ้าอายุมากขึ้น ผิวเสื่อมสภาพ ก็จะทำให้เห็นริ้วรอยตีนกาชัดขึ้น แม้ไม่แสดงสีหน้า หรือที่เรียกว่า Static line  

นอกจากโบท็อกจะสามารถแก้ปัญหาริ้วรอย ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะริ้วรอยเล็ก ๆ อย่างริ้วรอยตีนกา รอยย่นหางตาแล้ว ในเคสที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก (ไม่มาก) ร่วมด้วย ก็สามารถฉีดโบท็อกแก้ไขไปพร้อมกันได้ครับ   


รอยตีนกา มีสาเหตุมาจากอะไร ? 

  • การแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หยีตา หัวเราะ ร้องไห้ ทำให้ผิวเกิดการพับ เมื่อเกิดการพับในจุดเดิมซ้ำ ๆ ก็จะกลายเป็นริ้วรอย 
รอยตีนกา
รอยตีนกาเวลาแสดงสีหน้า
  • อายุที่มากขึ้น ทำให้คอลลาเจน อีลาสติน ความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของผิวลดลง ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ ผิวอ่อนแอ ผิวขาดความชุ่มชื้น เกิดเป็นรอยพับ ริ้วรอยตีนกาได้ง่าย
  • แสงแดด มลภาวะ ในแสงแดดมีรังสี UV ทำลายเซลล์ผิวและทำให้ผิวแห้ง คล้ำเสีย ส่วนมลภาวะต่าง ๆ เป็นตัวเร่งให้ผิวอ่อนแอ เสื่อมสภาพลงเร็วขึ้น และเกิดริ้วรอย
  • ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด การพักผ่อน การเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตา หรือแม้แต่การสูบบุหรี่ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยตีนกาได้เช่นกัน 

ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา อันตรายไหม ? 

ใครที่อยากแก้ไขปัญหารอยตีนกา แต่กังวลว่าจะเป็นอันตราย มีความเสี่ยงกับตา เพราะฉีดใกล้บริเวณดวงตาซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ 

จริง ๆ แล้วการฉีดลดตีนกาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ หากฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินกล้ามเนื้อที่มีปัญหา รู้ตำแหน่งการฉีด เพราะบริเวณหางตาเป็นจุดที่มีเส้นเลือดขนาดใหญ่หลายเส้น ต้องใช้ความระมัดระวัง ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง และใช้ปริมาณโบท็อกที่เหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะออกมาสวยงามและปลอดภัย  

ตำแหน่งกล้ามเนื้อรอบดวงตา
ตำแหน่งกล้ามเนื้อรอบดวงตา

โบท็อกซ์ตีนกา ควรใช้ยี่ห้อไหนดี ใช้กี่ยูนิต ? 

ใช้โบท็อกซ์ตีนกายี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติต่างกันครับ หมอจะประเมินจากปัญหา สภาพผิว และงบประมาณของคนไข้เป็นหลักครับ 

ประเมินปัญหาก่อนฉีดโบท็อกตีนกา
แพทย์ประเมินปัญหาก่อนฉีดโบท็อกตีนกา

ที่ V Square Clinic มีโบท็อกให้แพทย์เลือกใช้หลายยี่ห้อ เพื่อแก้ปัญหาของคนไข้ได้เหมาะสม ตรงจุด ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ 

  • โบท็อก Allergan (อเมริกา)
  • โบท็อก Nabota (เกาหลี) 
  • โบท็อก Xeomin (เกาหลี) 
  • โบท็อก Dysport (อังกฤษ)
  • โบท็อก Xeomin (เยอรมัน)
วิธีดู โบท็อกซ์ปลอม โบท็อกหิ้ว? โบท็อกแต่ละยี่ห้อ มีข้อควรระวังอะไร? l หมอ V Square แชร์หมดเปลือก
โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด แต่ละยี่ห้อ ต่างกันอย่างไร ?

โบท็อกสำหรับใช้ฉีดเพื่อลดริ้วรอยหางตา ตีนกา ใต้ตา โดยทั่วไปจะใช้ 25 U สำหรับหางตาทั้ง 2 ข้าง เพราะหากฉีดมากเกินไปอาจทำให้ตาแข็งและดูไม่เป็นธรรมชาติได้ บริเวณหางตาเป็นตำแหน่งที่ใช้โบท็อกปริมาณไม่เยอะครับ แนะนำโบท็อก Nabota/Aestox ของประเทศเกาหลี ให้ผลลัพธ์คุ้มค่าครับเมื่อเทียบกับราคา

ฉีดตีนกาใช้โบท็อกกี่ยู
จำนวน U ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา
Vsquare tips

ข้อควรรู้ : โบท็อก 1 ขวด ส่วนมากจะเป็นขวด 100 ยูนิต คนไข้สามารถชวนเพื่อนมาหารกันได้ครับ หมอจะได้แกะกล่อง เปิดขวดใหม่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าฉีดโบท็อกแท้


โบท็อกซ์ตีนกา ราคาเท่าไร ? 

  • โบท็อกซ์ตีนกา ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท 
โบท็อกซ์หางตาราคา
ราคาโบท็อกซ์หางตา ลดริ้วรอยตีนกา

การแก้ปัญหาริ้วรอยตีนกา ด้วยการฉีด botox มีความคุ้มค่า ราคาไม่แพงครับเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ ถ้าเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน ราคาจะไม่ต่างกันมาก เพราะมีราคาต้นทุนใกล้เคียงกัน จึงไม่ควรเลือกฉีดโบท็อกโปรโมชันราคาถูกมาก ๆ เพราะอาจเสี่ยงเจอโบท็อกปลอม  


ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ตีนกา เมื่อเทียบกับวิธีอื่น ? 

ข้อดี ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา 

  • มีความปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย  
  • ลดริ้วรอยตีนกา รอยย่นหางตา 
  • เห็นผลเร็ว หลังฉีดไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้หน้า ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ 
  • ราคาไม่แพง มีโบท็อกหลายยี่ห้อให้เลือกได้ตามงบประมาณ  

ข้อเสีย ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา 

  • ผลลัพธ์อยู่ไม่ถาวร สามารถฉีดเพิ่มได้ตามระยะเวลาที่กำหนด 
  • หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดผลข้างเคียง เลือกยี่ห้อโบท็อกไม่เหมาะสม ใช้ปริมาณโบท็อกมากเกินไป ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ  

นอกจากการฉีด botox หางตา ช่วยลดริ้วรอยตีนกาแล้ว การแก้ไขริ้วรอยรอบดวงตา โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลลัพธ์เร็ว ยังสามารถใช้หัตถการอื่น ๆ ร่วมกันได้ หมอจะประเมินเป็นรายเคส   

  • การฉีดโบท็อก เหมาะกับริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น หางตา หน้าผาก ระหว่างคิ้ว  
  • การฉีดฟิลเลอร์ ช่วยลดริ้วรอยใต้ตา ลดถุงใต้ตา เติมเต็มใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ 
  • Hifu Ultraformer lll และ Ulthera ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา และถุงใต้ตา สำหรับใครที่กลัวเข็มสามารถยกกระชับผิวรอบดวงตาด้วยเครื่องมือในกลุ่มเครื่องยกกระชับได้ครับ  
วิธีลดริ้วรอยรอบดวงตา
รวมวิธีลดริ้วรอยรอบดวงตา

ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา อยู่ได้นานไหม กี่วันเห็นผล ?

ฉีดโบตีนกา คงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือนครับ botox จะเริ่มออกฤทธิ์หลังฉีดประมาณ 3-4 วัน จะรู้สึกตึง ๆ ผิวบริเวณที่ฉีด ตึงเต็มที่ เห็นผลชัดเจนใน 2 สัปดาห์   

ฉีดโบลดตีนกากี่วันเห็นผล

ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา ที่ไหนดี ? 

ฉีดโบลดตีนกา ไม่ใช่ฉีดที่ไหนหรือใครฉีดก็ได้ครับ เพราะในการฉีดต้องอาศัยทักษะ ความชำนาญ ประสบการณ์ของแพทย์ และใช้ตัวยาที่ผ่าน อย.เท่านั้น 

ที่ V Square Clinic แพทย์มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อกซ์ รู้เทคนิคและตำแหน่งการฉีดโบท็อกที่ถูกต้อง ใช้โบท็อกแท้ ผ่าน อย. มีให้เลือกหลายยี่ห้อที่เหมาะกับงบประมาณ หลังฉีดมีความเป็นธรรมชาติ คนไข้สามารถแสดงสีหน้าได้ปกติ ไม่แข็ง ไม่ตึงเกินไป มีการติดตามผลหลังฉีดทุกเคสครับ   


วิธีปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์ตีนกา

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ตีนกา คนไข้ควรรู้วิธีปฏิบัติตัวทั้งก่อนและหลังฉีด หมอจะมีการแนะนำวิธีการเตรียมตัวและวิธีการดูแลตัวเอง ซึ่งควรปฏิบัติตามครับ เพราะจะส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก ช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นาน  

ก่อนฉีด botox ตีนกา
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบตีนกา
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก วิธีการสังเกตโบท็อกแท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัย
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินถึงปัญหาได้ตรงจุด และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
  • ฉีดโบท็อกแท้ ผ่านการรับรองจาก อย.เท่านั้น เพื่อลดโอกาสการดื้อยาและผลข้างเคียง
  • ควรให้แพทย์เปิดขวดใหม่ ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป ขอกล่องและขวดกลับบ้านไว้ตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นโบท็อกแท้
  • งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, Ponstan
  • งดสครับใบหน้า คอร์สเลเซอร์ แว็กผิวหรือนวดหน้าบริเวณที่ฉีด 2-3 วัน เพื่อลดอาการเขียวช้ำ 
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรปรึกษาหรือแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดตีนกา
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีด botox ตีนกา
  • หลังฉีดตีนกา ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
  • รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี จะช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นาน (ควรรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์) 
  • งดนอนราบ นอนคว่ำและก้มหัวต่ำกว่าอก 3 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 48 ชั่วโมง 
  • งดอาหารรสจัด และอาหารหมักดอง 
  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา

รีวิวฉีดโบท็อกซ์ตีนกา(1)
รีวิว ฉีดลดรอยตีนกา
รีวิวฉีดโบท็อกซ์ตีนกา
รีวิว ฉีดลดรอยตีนกา

สรุป

ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา เป็นวิธีช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่นหางตา ลดรอยตีนกาได้อย่างเห็นผล ตรงจุดครับ ในเคสที่ฉีดโบท็อกซ์ครั้งแรก มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะตำแหน่งหางตาอยู่ใกล้ดวงตาซึ่งมีเส้นเลือดสำคัญ ถ้าฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อก มั่นใจได้ครับ เพราะแพทย์จะรู้ตำแหน่งเส้นเลือด ตำแหน่งกล้ามเนื้อ มีเทคนิคในการฉีดที่ให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติและปลอดภัย    


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ29คน
โบท็อกถุงใต้ตา370X277

โบท็อกซ์ถุงใต้ตา ดีหรือไม่ แก้ปัญหาถุงใต้ตาได้ไหม อยากลดถุงใต้ตาทำวิธีไหนดี ?

Categories
botox

โบท็อกซ์ถุงใต้ตา 

โบท็อกถุงใต้ตา1000X860

การมีถุงใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า มีอายุ ในปัจจุบันมีวิธีแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาหลายแบบครับ ทั้งการผ่าตัด ฉีดสารเติมเต็ม และอีกวิธีที่คนไข้สอบถามกันบ่อย ๆ นั่นคือการฉีดโบท็อกซ์ถุงใต้ตา 

ปรึกษาวิธีแก้ปัญหาถุงใต้ตา หมอชิน
ปัญหาถุงใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ดูเหนื่อยล้า 
คนไข้มักเข้ามาปรึกษาเรื่องวิธีลดถุงใต้ตา

จริง ๆ แล้วการฉีดโบท็อกซ์ถุงใต้ตา แตกต่างจากโบท็อกซ์หางตา หรือโบท็อกลดริ้วรอยนะครับ หลายคนเข้าใจว่าโบท็อกช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้เหมือนกัน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ในบทความนี้หมอจะอธิบายให้ฟังครับ ว่าโบท็อกซ์ถุงใต้ตาคืออะไร ทำไมหมอถึงไม่แนะนำให้ฉีด และถ้าอยากลดถุงใต้ตา ใช้วิธีไหนดี ?

สารบัญ โบท็อกถุงใต้ตา

  1. ฉีดโบท็อกซ์ถุงใต้ตา ควรทำไหม ?
  2. ฉีดโบท็อกซ์ถุงใต้ตา อันตรายไหม ?
  3. ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร ?
  4. ปัญหาถุงใต้ตา แก้ไขอย่างไร ?
  5. วิธีดูแลตัวเองไม่ให้เกิดปัญหาถุงใต้ตา

ฉีดโบท็อกซ์ถุงใต้ตา ควรทำไหม ?

การฉีดโบท็อกถุงใต้ตา หมอไม่แนะนำครับ

เนื่องจากปัญหาถุงใต้ตา เกิดจากการความหย่อนคล้อยของผิวใต้ตา ถุงไขมัน และการเสื่อมของโครงสร้างผิวหนังเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งการออกฤทธิ์ของโบท็อกจะเป็นการคลายกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดโบท็อกถุงใต้ตา จะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อหย่อนลง เห็นถุงใต้ตาชัดกว่าเดิม

โบท็อกช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา หางตา ตีนกา
แม้การฉีดโบท็อกถุงใต้ตาจะไม่แนะนำ 
แต่สามารถฉีดลดริ้วรอยรอบ ๆ ดวงตาได้ครับ

การฉีดโบท็อกจะได้ผลดีในเรื่องการลดริ้วรอยรอบดวงตา หางตา ตีนกา หน้าผาก ส่วนการลดถุงใต้ตา หมอจะแนะนำให้ทำวิธีอื่นที่เหมาะสมกับแต่ละเคส


ฉีดโบท็อกซ์ถุงใต้ตา อันตรายไหม ?

สำหรับใครที่มีปัญหาถุงใต้ตา แล้วฝืนจะฉีดโบท็อกถุงใต้ตา นอกจากจะส่งผลต่อการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ไม่มีแรงดึง และถุงใต้ตาหย่อนมากกว่าเดิม ยังอาจส่งผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่น ตาปรือตลอดเวลา กระพริบตายากขึ้น ตาดูบวม หนังตาผิดรูป 

ฉีดโบท็อกซ์ถุงใต้ตา อาจมีผลข้างเคียงที่อันตราย
หมอที่ประเมินให้ฉีดโบท็อกถุงใต้ตาได้ อาจเป็นหมอที่ไม่มีประสบการณ์หรือเจอหมอเถื่อน หมอกระเป๋า ก่อนฉีดคนไข้ต้องตรวจสอบให้มั่นใจก่อนครับว่าหมอที่ไปปรึกษาเป็นหมอที่มีเลขว. ถูกต้อง และมีประสบการณ์ฉีดโบท็อก

ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร ?

การจะแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้อย่างเห็นผล ต้องประเมินสาเหตุให้ถูกต้องครับ โดยถุงใต้ตาจะมีลักษณะเป็นถุงนูน ๆ บริเวณใต้ตา เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวหนังรอบดวงตาและถุงไขมัน โดยสาเหตุมาจากปัจจัย ดังนี้

  • อายุมากขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อที่รองรับถุงไขมันใต้ตาอ่อนแรงและหย่อนตัวลงมา
  • พันธุกรรมหรือระบบต่อมไร้ท่อที่ทำงานผิดปกติ ทำให้ไขมันมารวมกันบริเวณใต้ตามากเกินไป
  • สูญเสียคอลลาเจน อีลาสติน ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น
  • ระบบการไหลเวียนเลือดไม่ดี เกิดการบวมน้ำบริเวณใต้ตา เป็นถุงใต้ตาบวม
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต การขยี้ตา การร้องไห้หนัก ๆ พักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้สายตามากเกินไป
  • มีอาการแพ้สารต่าง ๆ ทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ หรือบวมบริเวณใต้ตา
ลักษณะถุงใต้ตา
ลักษณะถุงใต้ตา

จากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่าไม่มีส่วนไหนที่การฉีดโบท็อกถุงใต้ตาช่วยได้เลยครับ ต้องแก้ไขโครงสร้างผิวและเสริมในส่วนที่มีการยุบตัวลงของคอลลาเจน อีลาสติน จึงจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

Vsquare tips

ถุงใต้ตาแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ‘ถุงใต้ตาแท้’ ที่เกิดจากเกิดจากกรรมพันธุ์ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เกิดเป็นถุงใต้ตาหย่อนคล้อย และ ‘ถุงใต้ตาเทียม’ เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่กระตุ้นให้ถุงใต้ตาบวมขึ้นมา


ปัญหาถุงใต้ตา แก้ไขอย่างไร ?

สำหรับวิธีช่วยลดปัญหาถุงใต้ตาได้อย่างเห็นผล หมอรวบรวมวิธีที่นิยมมาดังนี้

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

เป็นวิธีแรก ๆ ที่หมอแนะนำครับ เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ที่เป็นเนื้อเจลจะเข้าไปเติมเต็มในผิวส่วนที่สูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน โดยสามารถฉีดหนุนขึ้นมาได้จากชั้นกระดูก ช่วยยกผิวขึ้น ทำให้ส่วนที่เคยหย่อนกลับกระชับ ถุงใต้ตาก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

ตัวอย่างเคสรีวิว ลดถุงใต้ตาด้วยการฉีดฟิลเลอร์

ตัวอย่างเคสรีวิว ลดถุงใต้ตาด้วยการฉีดฟิลเลอร์
  • ผ่าตัดถุงใต้ตา

การผ่าตัดถุงใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาแท้ และตัดผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนคล้อยออก เหมาะกับคนที่มีถุงไขมันใต้ตาเยอะมาก ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีอายุ โดยสามารถทำได้ทั้งแบบใช้มีดผ่าตัด และใช้เลเซอร์ หลังทำจะมีแผลเล็ก ๆ และต้องพักฟื้น แต่ก็ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้ถาวร ผิวกลับมาเรียบเนียน หน้าดูเด็กลง

การผ่าตัดเป็นการเอาถุงไขมันใต้ตาออกถาวร

การผ่าตัดเอาถุงไขมันใต้ตาออกถาวร
  • Hifu Ultraformer / Ulthera / Thermage

การใช้คลื่น (Ultrasound,RF) ยิงเข้าไปในชั้นผิวเพื่อลดถุงใต้ตา จะช่วยลดไขมันและทำให้ผิวกระชับขึ้น เป็นวิธีที่หมอจะแนะนำให้ทำตั้งแต่ยังมีถุงใต้ตาไม่เยอะเพื่อช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ชะลอการเสื่อมของโครงสร้างผิว แต่ถ้ามีปัญหาถุงใต้ตามาเยอะ ๆ แล้ว จะเห็นผลไม่ชัดเท่าการฉีดฟิลเลอร์หรือผ่าตัดครับ

การทำ Ulthera ลดถุงใต้ตา

ทำ Ulthera ลดถุงใต้ตา

วิธีดูแลตัวเองไม่ให้เกิดปัญหาถุงใต้ตา

หมอแนะนำให้ลดพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดถุงใต้ตา ดังนี้

  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรง ๆ
  • ไม่ใช้สายตาหนักเกินไป
  • ประคบเย็น ด้วยแตงกวา ถุงชา 5-10 นาที
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ หรือทานอาหารรสเค็มจัดบ่อย ๆ
  • ใช้ครีมบำรุงที่มีมอยส์เจอไรเซอร์
  • นวดรอบดวงตาเพื่อให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
การดูแลตัวเองไม่ให้เกิดถุงใต้ตา
การดูแลตัวเอง ช่วยลดสาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาเทียม

ถ้าเป็นถุงใต้ตาเทียม จะมีอาการชั่วคราวสามารถดูแลและรักษาได้ด้วยตนเอง โดยการลดพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดถุงใต้ตา แต่ถ้าเป็นปัญหาถุงใต้ตาแท้ ก็ต้องใช้วิธีทางการแพทย์ช่วยแก้ไขครับ และควรแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะหากปล่อยให้มีถุงใต้ตา หรือใต้ตาหย่อนคล้อยมาก ๆ จะแก้ไขได้ยากขึ้นครับ


สรุป

โบท็อกถุงใต้ตา ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้จริง ๆ ครับ ถ้าจะฉีดโบท็อกแนะนำเป็นการฉีดลดริ้วรอยหางตา ตีนกา ส่วนถุงใต้ตาถ้าต้องการความรวดเร็ว หมอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ลดถุงใต้ตา จะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนกว่าครับ 


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ29คน
โบท็อกยกคิ้ว370X277

ข้อควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?

Categories
botox
โบท็อกยกคิ้ว1000X860

โบท็อกยกคิ้ว 

ปัญหาคิ้วตก หางตาตก เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อย ทั้งสาเหตุจากกรรมพันธุ์และอายุที่มากขึ้น ทำให้รู้สึกว่าใบหน้าดูเศร้า ไม่สดใส ดูเหนื่อยตลอดเวลา และคนที่เชื่อในเรื่องโหงวเฮ้ง มีความเชื่อว่าถ้าคิ้วตก หนังตาตกหรือหางตาตก จะส่งผลเสียในด้านธุรกิจและคู่ครอง แต่เนื่องจากเป็นจุดเล็ก ๆ บนใบหน้า หลายคนไม่อยากที่จะเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น จึงมองหาวิธีปรับแก้ทรงคิ้ว ยกคิ้ว ยกหางตาโดยไม่ต้องผ่าตัด โบท็อกซ์ยกคิ้ว ยกหางตา เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คนนิยมทำครับ

ในบทความนี้ หมอจะอธิบายถึง โบท็อกช่วยยกคิ้ว ยกหางตาได้อย่างไร อันตรายไหม กี่วันเห็นผล ? มีข้อควรรู้อะไรบ้าง เหมาะกับใคร ? ต่างจากวิธีอื่นอย่างไร ? ราคาเท่าไหร่ ? รวมถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนและหลังการฉีดโบท็อก ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก ห้ามพลาดบทความนี้ครับ

สารบัญ โบท็อกยกคิ้ว

  1. ปัญหาคิ้วตก เกิดจากอะไร
  2. โบท็อกซ์ยกคิ้ว คืออะไร
  3. ปัญหาที่ต้องแก้ด้วยโบท็อกซ์ยกคิ้วมีอะไรบ้าง
  4. มีวิธีแก้คิ้วตกนอกจากฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้วไหม ต่างกันอย่างไร 
  5. โบท็อกซ์ยกคิ้ว เหมาะกับใคร
  6. โบท็อกซ์ยกคิ้ว ใช้ยี่ห้อไหนดี ใช้กี่ยูนิต
  7. โบท็อกซ์ยกคิ้ว ราคาเท่าไร
  8. โบท็อกซ์ยกคิ้ว อยู่ได้นานไหม กี่ครั้งเห็นผล
  9. ฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว ที่ไหนดี
  10. ก่อนฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว ควรเตรียมตัวอย่างไร
  11. วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว
  12. รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว
  13. สรุป

ปัญหาคิ้วตก เกิดจากอะไร

ก่อนที่จะทราบว่าโบท็อกซ์ยกคิ้วคืออะไร ยกคิ้ววิธีไหนได้บ้าง หมอจะแนะนำให้รู้จักกายวิภาคของคิ้วและสาเหตุที่ทำให้คิ้วตกก่อนครับ ตำแหน่งของคิ้ว จะถูกกำหนดด้วยปัจจัย 4 อย่าง ได้แก่

  1. กล้ามเนื้อหน้าผาก Frontalis muscle

กล้ามเนื้อหน้าผาก Frontalis muscle เป็นกล้ามเนื้อบาง ๆ ที่อยู่ด้านหน้าของศีรษะเหนือคิ้ว ทำหน้าที่ดึงคิ้วขึ้น สังเกตได้จากเวลาเราเลิกคิ้วหรือตกใจ กล้ามเนื้อมัดนี้เองครับที่ดึงคิ้วเราให้ขึ้นไป และเป็นกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่น ริ้วรอยตามแนวขวางบนหน้าผาก (Horizontal Forehead Line) 

  1. กล้ามเนื้อรอบดวงตา Periocular Muscles

กล้ามเนื้อรอบดวงตา Periocular Muscles ประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่ควบคุมด้านหัวคิ้ว ได้แก่ กล้ามเนื้อ Corrugator Supercilii กล้ามเนื้อ Depressor Supercilii กล้ามเนื้อ Orbicularis Oculi (Medial Part)

และ กล้ามเนื้อ Procerus เมื่อกล้ามเนื้อกลุ่มนี้เกิดการหดตัว จะทำให้หัวคิ้วกดต่ำลง เช่นเวลาที่เราโกรธ เครียด สงสัย จะทำให้หน้าดูดุ ดูโกรธ หรือกำลังเครียดครับ

และกล้ามเนื้อที่ควบคุมหางคิ้ว ได้แก่ กล้ามเนื้อ Orbicularis Oculi (Lateral Part) ทำหน้าที่ดึงหางคิ้วให้ตกลงมา เวลาที่เราเพ่งมอง จ้อง หรือยิ้มหัวเราะครับ

facial muscle
  1. กระดูกขอบตาด้านบน Superior Orbital Rim

กระดูกขอบตาด้านบน Superior Orbital Rim เป็นกระดูกที่อยู่ตำแหน่งใต้คิ้ว ทำหน้าที่เสมือนรองรับคิ้ว เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกส่วนนี้จะมีการกร่อนและยุบตัวลง ทำให้ชั้นกระดูกบางลง คิ้วดูตกมากขึ้นครับ

  1. เอ็นยึดผิวหน้า Facial Ligament

เอ็นยึดผิวหน้า Facial Ligament ทำหน้าที่ยึดผิวกับเนื้อเยื่อชั้นลึกและเยื่อหุ้มกระดูก เอ็นยึดที่มีผลต่อตำแหน่งของคิ้วคือ เอ็นที่ยึดคิ้วกับผิวหนังด้านบน เอ็นยึดผิวหนังบริเวณขมับ (Temporal Area) และผิวหนังบริเวณหน้าผาก (Frontal Area) หากเอ็นเหล่านี้เกิดการเสื่อมสลายไปตามอายุที่มากขึ้น จะทำให้คิ้วตกได้ครับ

คิ้วตกจากอายุที่มากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น เกิดการเสื่อมของกระดูกโหนกคิ้วและเส้นเอ็นยึดผิวบริเวณคิ้ว ทำให้คิ้วตก หางตาตกมากขึ้น

โบท็อกซ์ยกคิ้ว คืออะไร

โบท็อกซ์ยกคิ้ว คือการใช้สาร Botulinum toxin ที่มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ในการฉีดโบท็อกเพื่อยกคิ้ว (Eyebrow lifting) จะฉีดตัวยาเข้ากล้ามเนื้อที่มีการหดตัวทำให้คิ้วตก ได้แก่ กล้ามเนื้อ Orbicularis oculi กล้ามเนื้อ Procerus และกล้ามเนื้อ Corrugator supercilii  เมื่อโบท็อกมีการออกฤทธิ์เต็มที่ กล้ามเนื้อเหล่านี้จะเกิดการคลายตัว ส่วนที่ดึงคิ้วลงทำงานได้น้อยลง คิ้วจึงดูยกสูงขึ้นได้ครับ


ปัญหาที่ต้องแก้ด้วยโบท็อกซ์ยกคิ้วมีอะไรบ้าง

  • ปัญหาคิ้วตกจากกล้ามเนื้อบริเวณหัวคิ้วตกลง เกิดจากการแสดงอารมณ์ เครียด สงสัย ขมวดคิ้ว โกรธ กล้ามเนื้อที่อยู่ตำแหน่งหัวคิ้วจะเกิดการหดเกร็งตัวมากขึ้น ทำให้ดูคิ้วตกได้
  • ปัญหาคิ้วตกจากกล้ามเนื้อบริเวณหางคิ้ว เกิดจากการแสดงอารมณ์ เพ่งมอง จ้อง ยิ้ม หรือหัวเราะ กล้ามเนื้อหางหิ้วจะดึงคิ้วให้ตกลงมา หากแสดงสีหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ดูเหมือนหางคิ้วตกแม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงแสดงอารมณ์ได้
  • ปัญหาริ้วรอยหน้าผาก หางตา หรือขมวดคิ้ว ปัญหาริ้วรอยเมื่อมีอายุมากขึ้น สามารถใช้โบท็อกซ์ฉีดเพื่อควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น การยิ้มตาหยี เลิกคิ้วบ่อย ๆ การขมวดคิ้ว ทำให้แสดงสีหน้าได้น้อยลง กล้ามเนื้อรอบดวงตาจึงทำงานน้อยลงด้วย ป้องกันการเกิดคิ้วตกในอนาคตได้ครับ

มีวิธีแก้คิ้วตกนอกจากฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้วไหม ต่างกันอย่างไร 

การแก้ไขปัญหาคิ้วตก หางตาตกทำได้หลายวิธี การประเมินการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของคิ้วหรือหางตาที่ตกลง รูปทรงคิ้ว และโครงสร้างใบหน้าแต่ละเคส แต่ละวิธีจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน และมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันด้วยครับ โดยวิธีแก้คิ้วตก หางตาตก มีดังนี้

  1. โบท็อกซ์ยกคิ้ว โบท็อกซ์ยกหางตา เป็นการฉีดสาร Botulinum toxin เข้าไปคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่ดึงคิ้วตกลง โดยวิธีนี้จะช่วยยกคิ้วได้เล็กน้อย ไม่เกิน 2 mm เหมาะกับคนที่มีปัญหาคิ้วตกไม่รุนแรง (Mild Brow Ptosis) คนที่มีปัญหาคิ้วตกจากการแสดงสีหน้า คนที่คิ้วตกจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ โดยการฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้วอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือนครับ
การฉีดโบท็อกยกคิ้ว
  1. ร้อยไหมยกคิ้ว ร้อยไหมยกหางตา เป็นการใช้เส้นไหมที่มีเงี่ยงสอดเข้าไปในชั้นผิวบริเวณหางตา ไหมจะทำหน้าที่เกี่ยวหางตาหรือหางคิ้วให้ยกขึ้น นิยมใช้ทำ Foxy eyes ให้หางตาดูยกขึ้นคล้ายตาจิ้งจอก เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงตาตามเทรนด์ มีปัญหาคิ้วตกไม่มาก โดยไหมที่ใช้เป็นไหมละลายคงผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-5 เดือนครับ
  2. Hifu Ultraformer III ยกคิ้ว เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงส่งพลังงานลงไปในชั้นผิว ช่วยยกกระชับและกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ได้ถึงผิวชั้นลึก เหมาะกับผู้ที่มีคิ้วตกจากเอ็นยึดผิวเสื่อมสภาพ Hifu Ultraformer III ช่วยยกคิ้วได้เล็กน้อยเท่านั้น ต้องทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6 เดือนครับ
  3. การผ่าตัดยกคิ้ว เป็นวิธีการผ่าตัดดึงหน้า ที่จะช่วยให้คิ้วดูยกขึ้นได้อย่างชัดเจนและเห็นผลลัพธ์ได้ถาวร เหมาะกับผู้ที่มีอายุมาก คิ้วตกมาก โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ถาวร แต่ต้องใช้เวลาการพักฟื้นนาน 1-2 เดือน และมีโอกาสติดเชื้อผ่านแผลผ่าตัดหากดูแลแผลไม่ดีได้ครับ

โบท็อกซ์ยกคิ้ว เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก จากการแสดงสีหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก ในระดับไม่มาก
  • เหมาะกับผู้ที่กลัวการผ่าตัดและไม่มีเวลาพักฟื้น
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับแก้คิ้ว มีปัญหาคิ้วไม่เท่ากัน
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งคิ้ว ปรับรูปหน้าตามหลักโหราศาสตร์

โบท็อกซ์ยกคิ้ว ใช้ยี่ห้อไหนดี ใช้กี่ยูนิต

โบท็อกซ์ยกคิ้ว เป็นจุดที่ใช้จำนวนยูนิตไม่มาก โดยทั่วไปใช้ 30 ยูนิตครับ และสามารถใช้โบท็อกได้หลากหลายยี่ห้อ แต่หมอแนะนำว่าต้องเป็นโบท็อกซ์ของแท้ ยี่ห้อมาตรฐานเท่านั้นครับ เพราะถ้าใช้โบท็อกปลอม อาจเกิดอาการตาตก หนังตาตก จากประสิทธิภาพการกระจายตัวยาที่ไม่แน่นอนของโบท็อกปลอมได้ครับ

โบท็อกซ์ยกคิ้ว ยี่ห้อแนะนำ มีดังนี้

  1. โบท็อกอเมริกา Allergan

โบท็อก Allergan เป็นโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดโอกาสดื้อโบท็อกได้ ตัวยามีการกระจายตัวแคบ ออกฤทธิ์ตรงจุด จึงให้ผลการรักษาที่แม่นยำครับ

Allergan
  1. โบท็อกเกาหลี Nabota / Aestox

โบท็อกเกาหลี ทั้ง Nabota และ Aestox เป็นโบท็อกที่ราคาไม่แพง จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยตัวยาได้ถูกพัฒนามาให้ใกล้เคียงกับโบท็อกจากอเมริกา มีความบริสุทธิ์สูงและกระจายตัวแคบ แต่อยู่ได้สั้นกว่าโบท็อกอเมริกาเล็กน้อยครับ

Nabota Aestox
  1. โบท็อกเยอรมัน Xeomin

โบท็อก Xeomin เป็นโบท็อกที่มีจุดเด่นในเรื่องของความบริสุทธิ์ โอกาสดื้อยาน้อย เหมาะกับการใช้ในผู้ที่มีอาการดื้อโบท็อก โดยเคสนั้นจะต้องหยุดการฉีดโบท็อกมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปีครับ

xeomin
  1. โบท็อกอังกฤษ Dysport

โบท็อก Dysport เป็นโบท็อกที่มีการกระจายตัวกว้างที่สุด แพทย์ต้องมีเทคนิคการฉีดและคำนวณตัวยาให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการฉีดโบท็อกแล้วตัวยากระจายไปโดนจุดอื่นที่ไม่ต้องการครับ

Dysport
วิธีดู โบท็อกซ์ปลอม โบท็อกหิ้ว? โบท็อกแต่ละยี่ห้อ มีข้อควรระวังอะไร? l หมอ V Square แชร์หมดเปลือก

โบท็อกซ์ยกคิ้ว ราคาเท่าไร

โบท็อกซ์ยกคิ้ว เป็นจุดที่ใช้จำนวนยูนิตไม่มากครับ ราคาจะขึ้นกับยี่ห้อของโบท็อกที่ใช้ 

โปรโมชั่นที่ V Square Clinic

  • โบท็อกเกาหลี Nabota ฉีดโบท็อกยกคิ้ว 30 ยูนิต ราคา 3,500 บาท
  • โบท็อกเกาหลี Aestox ฉีดโบท็อกยกคิ้ว 30 ยูนิต ราคา 3,500 บาท
  • โบท็อกเกาหลี Allergan ฉีดโบท็อกยกคิ้วและริ้วรอยทั่วใบหน้า 50 ยูนิต ราคา 11,000 บาท

โบท็อกซ์ยกคิ้ว อยู่ได้นานไหม กี่ครั้งเห็นผล

การฉีดโบท็อกยกคิ้ว 1 ครั้ง จะคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือนครับ หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังฉีด จะช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นได้ครับ


ฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว ที่ไหนดี

  • คลินิกที่ได้มาตรฐานต้องเป็นคลินิกที่มีใบอนุญาตรับรองและเปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย สถานที่กว้างขวาง ไม่อับทึบ อุปกรณ์และเครื่องมือมีความทันสมัยพร้อมให้บริการ สะอาด
  • เป็นคลินิกที่แพทย์มีใบประกอบโรคศิลป์เป็นผู้ตรวจประเมินและทำหัตถการเท่านั้น
หมอฉีดโบท็อกยกคิ้ว หมอซี
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ ทั้งจากคนไข้ที่เคยใช้บริการจริงในคลินิกแห่งนั้น โดยเป็นการเปรียบเทียบผลการฉีดโบท็อกทั้ง ก่อน-หลังทำ จากแหล่งข้อมูลที่เป็นกลาง เช่น เว็บไซต์ pantip, wongnai และดีที่สุดควรเป็นรีวิวที่เป็นวิดีโอ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีจริง ๆ ไม่ได้มีการปรับภาพเพิ่มเติม
  • ราคาฉีดโบท็อกและค่าบริการไม่ถูกไม่แพงเกินไป สมเหตุสมผล
  • ทางคลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกของแท้ ที่ผ่าน อย.เท่านั้น เปิดเผยและสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้ หรือมีการแกะกล่องและเปิดขวดใหม่ให้ดูต่อหน้า และควรอนุญาตให้คนไข้สามารถนำกล่องกลับบ้านไปเช็กกับบริษัทที่นำเข้าได้ภายหลัง เพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นโบท็อกของแท้จริง ๆ 
  • คลินิกมีการให้ข้อมูลรายละเอียดอย่างครบถ้วน ชัดเจน ตรงไปตรงมา คุณหมอช่วยให้คำแนะนำต่าง ๆ แก่คนไข้โดยตรง เช่น การดูแลตัวเองก่อน–หลังฉีดโบท็อก รวมทั้งมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลภายหลังจากฉีดเสร็จแล้ว
  • คลินิกควรมีช่องทางติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ และช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Line@ หรือ Facebook สำหรับให้คนไข้สามารถสอบถามได้อย่างสะดวก
ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดโดยแพทย์เท่านั้น และพิจารณาจากรีวิวที่มีความน่าเชื่อถือ

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว ควรเตรียมตัวอย่างไร

  • ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการฉีดโบท็อก เช่น วิธีการดูโบท็อกแท้ วิธีการดูแลตนเองก่อนและหลังฉีด
  • ศึกษาข้อมูลคลินิก เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ รู้ตำแหน่งที่ฉีดถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
  • หากมียาที่กินประจำหรือโรคประจำตัวควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีดโบท็อกยกคิ้ว
  • ก่อนฉีดโบยกคิ้ว ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
  • งดทานอาหารเสริม ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ยาแก้อักเสบ ยาแอสไพริน ประมาณ 1 สัปดาห์ และควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนทำการหยุดยา
  • งดสครับหน้าและขัดหน้า ก่อนทำเป็นเวลา 2-3 วัน
  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน
การเตรียมตัวก่อนทำโบท็อกยกคิ้ว

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว

  • 30 นาทีแรกหลังฉีดโบท็อก แนะนำให้บริหารกล้ามเนื้อตรงจุดที่ฉีด เช่น ยักคิ้ว เพื่อให้โบท็อกดูดซึมได้ดี และออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น
  • ไม่ควรนวดหน้า เพราะการนวด จะทำให้โบท็อกไหลไปในจุดที่ไม่ต้องการ เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น รู้สึกแข็งไปทั้งใบหน้า และบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้ หางคิ้วกระดก มีความรู้สึกชา ผิวช้ำ
  • ไม่ควรนอนราบ ภายใน 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด รวมทั้งงดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจ และไม่ควรประคบเย็น เพราะจะขัดขวางการดูดซึมของโบท็อก
หลังฉีดโบท็อกยกคิ้ว

รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว

โบท็อกยกคิ้ว มักเป็นหัตถการที่หมอแนะนำให้ทำร่วมกับการฉีดโบท็อกริ้วรอยจุดอื่น ๆ เช่น โบท็อกหน้าผาก โบท็อกขมวดคิ้ว และโบท็อกหางตา เพื่อให้คิ้วได้รูปทรงสวยอย่างเป็นธรรมชาติ

รีวิวโบท็อกยกคิ้ว

สรุป

การฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว เป็นวิธีช่วยปรับรูปทรงคิ้วที่ทำได้รวดเร็ว ราคาไม่แพง ไม่ต้องพักฟื้น และมีความปลอดภัย เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตกไม่มาก แนะนำทำร่วมกับการฉีดโบท็อกริ้วรอยในจุดอื่น ๆ เช่น โบท็อกหน้าผาก โบท็อกหางตา โบท็อกขมวดคิ้ว เพื่อให้คิ้วดูยกเข้ารูปและชะลอการเกิดปัญหาคิ้วตกในอนาคต การฉีดโบท็อกยกคิ้วทุกครั้งควรใช้ตัวยาโบท็อกของแท้ ตรวจสอบได้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือคิ้วดูตกไปกว่าเดิมได้ครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ29คน
โบท็อกไมเกรน370X277

โบท็อกซ์ไมเกรน ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้จริงไหม ? มีวิธีการอย่างไร ?

Categories
botox
โบท็อกไมเกรน1000X860

โบท็อกซ์ไมเกรน

โบท็อกซ์ คนส่วนใหญ่มักจะคุ้นชินกับการฉีดเพื่อเสริมความงาม แต่ในช่วงแรกโบท็อกถูกนำมาฉีดเพื่อรักษาโรคกล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติมาก่อนครับ อย่างการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน ที่มีหลายงานวิจัยยืนยันว่าเป็นวิธีแก้ปวดหัว บรรเทาอาการปวดหัวท้ายทอย ปวดหัวข้างเดียวได้จริง และในอีกทางหนึ่งยังช่วยลดโอกาสการสะสมของสารพิษตกค้างในตับจากการรับประทานยาแก้ปวดมากเกินความจำเป็นได้

สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง ไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงจากการใช้ยา สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนได้ครับ โบท็อกซ์ ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้อย่างไร ? โบท็อกซ์ไมเกรน ฉีดจุดไหน ? อันตรายไหม ? อยู่ได้นานไหม กี่ครั้งเห็นผล ? วิธีแก้ปวดหัวไมเกรนโดยไม่ใช้ยา มีวิธีไหนบ้าง ?

โบท็อกซ์ไมเกรน

สารบัญ โบท็อกซ์ไมเกรน

  1. โบท็อกซ์ไมเกรน คืออะไร ?
  2. โบท็อกซ์ไมเกรน อันตรายไหม ?
  3. โบท็อกซ์ ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้อย่างไร ?
  4. ปวดหัวไมเกรน มีสาเหตุมาจากอะไร อาการเป็นอย่างไร ?
  5. โบท็อกซ์ไมเกรน เหมาะกับใคร ?
  6. โบท็อกซ์ไมเกรน ฉีดจุดไหน ?
  7. โบท็อกซ์ไมเกรน ใช้ยี่ห้อไหนดี ใช้กี่ยูนิต ?
  8. โบท็อกซ์ไมเกรน ราคาเท่าไร ?
  9. โบท็อกซ์ไมเกรน อยู่ได้นานไหม กี่ครั้งเห็นผล ?
  10. วิธีรักษาไมเกรนโดยไม่ใช้ยา
  11. ฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน ที่ไหนดี ?
  12. วิธีดูแลตัวเองก่อน- หลังฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

โบท็อกซ์ไมเกรน คืออะไร ?

โบท็อกซ์ไมเกรน คือ การนำสารสกัดจากโปรตีนที่ชื่อว่า โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) มาฉีดเข้าบริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก ท้ายทอย ต้นคอ และบ่า โดยจะประเมินตามอาการในแต่ละราย เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน (Migraine)  ปวดหัวท้ายทอย ปวดศีรษะจากความเครียด (Tension headache) หรือใช้ในคนไข้ที่ปวดศีรษะอย่างน้อย 14 วันต่อเดือนขึ้นไปครับ

ในงานวิจัยจะระบุว่าโบท็อกช่วยลดอาการปวดลงได้ แม้จะไม่ใช่วิธีรักษาให้หายขาด แต่ก็สามารถบรรเทาและลดความถี่ของจำนวนวันของอาการไมเกรนลงได้ครับ 


โบท็อกซ์ไมเกรน อันตรายไหม ?

โบท็อกซ์ไมเกรน ไม่อันตรายครับ เป็นหัตถการที่ได้รับการรับรอง US.FDA องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2010 ว่าสามารถช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้จริง ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ Botox ในผู้ป่วยไมเกรน จึงเป็นวิธีรักษาไมเกรนที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

ทั้งนี้กระบวนการฉีดโบท็อกไมเกรนจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ ไม่ใช่แพทย์ทุกคนที่สามารถฉีดโบท็อกไมเกรนได้ เพราะแพทย์จำเป็นต้องผ่านการอบรม หรือศึกษาเรื่องการฉีดไมเกรนโดยเฉพาะ เพื่อให้ฉีดได้ถูกตำแหน่ง และต้องใช้โบท็อกแท้เท่านั้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัย


โบท็อกซ์ ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้อย่างไร ?

เมื่อมีอาการไมเกรน ร่างกายจะปล่อยสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ความเจ็บปวดออกมา เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไป โบท็อกจะไปยับยั้งการทำงานของปลายประสาท Acetyl Choline ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมอง หลังฉีดคนไข้จึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อาการปวดหัวไมเกรนลดน้อยลงครับ

จากงานวิจัยของ New York Times กล่าวถึงผลการศึกษาเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกไมเกรนว่า สามารถลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ถึง 60-70% โดยจะเป็นการลดจำนวนวันที่จะเป็นไมเกรนต่อเดือนให้น้อยลง แต่ไม่ได้ช่วยลดความถี่ในการเกิดอาการครับ และข้อดีที่เป็นผลพลอยได้อีกหนึ่งข้อคือ ช่วยลดริ้วรอย และชะลอวัยผิว


ปวดหัวไมเกรน มีสาเหตุมาจากอะไร อาการเป็นอย่างไร ?

ปวดหัวไมเกรน มีสาเหตุมาจากอะไร

ปวดหัวไมเกรน (Migraine headache) เป็นอาการปวดศีรษะเรื้อรังชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะปวดหัวข้างเดียว ในบางรายอาจปวดทั้งสองข้างต่างกันไปตามความรุนแรง โดยจะปวดหัวอย่างน้อย 14 วัน/เดือน ขึ้นไป ตามสถิติจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะหญิงในวัยเจริญพันธุ์

สาเหตุของการเกิดไมเกรน

ปัจจุบันยังไม่ได้มีการระบุที่แน่ชัดครับว่าอาการปวดหัวไมเกรนเกิดจากสาเหตุใดเป็นหลัก เนื่องจากมีปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการปวดหัวไมเกรนจากหลายสาเหตุ เช่น

  • การเปลี่ยนของฮอร์โมน โดยเฉพาะในเพศหญิง ทั้งในวัยมีประจำเดือนและวัยทอง
  • ความผิดปกติชั่วคราวของระดับสารเคมีในสมอง หลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองเกิดการบีบ และคลายตัวมากกว่าปกติ
  • ออฟฟิศซินโดรม ไหล่ตึง จากพังผืดเกาะกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อคอ ที่สามารถกระตุ้นให้ปวดหัวไมเกรนได้
  • ความเครียดสะสมทางจิตใจและร่างกาย มีภาวะวิตกกังวลใจเป็นประจำ
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอหรือนอนหลับมากเกินไป  มีอาการเหนื่อยล้า เพลียจากการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงเยอะ
  • การใช้ยาบางชนิดที่ไปกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมอง
  • การรับประทานอาหารที่มีสาร Tyramine (ไทรามีน) หรือ Sodium Nitrite (โซเดียมไนไตรท์) มากเกินไป เช่น อาหารแปรรูป ไส้กรอก อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง เนย ถั่วเปลือกแข็ง อาหารหมักดอง
  • การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป
  • สภาพแวดล้อม อากาศอบอ้าว ฝุ่น และมลภาวะ รวมถึงที่ ๆ มีแสงสว่างจ้า 
  • ภาวะหลังการคลอดบุตร หรืออาการซึมเศร้าหลังคลอดบุตร เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายลดลงฉับพลัน

ปวดหัวไมเกรน

อาการปวดหัวไมเกรนที่พบได้ทั่วไปจะมีอาการปวดหัวตุบ ๆ ปวดหัวข้างเดียวหรือทั้งสองข้างสลับกัน ในบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดกระบอกตา ปวดท้ายทอย หรือรู้สึกตาไวต่อแสงมากขึ้น ตาสู้แสงไม่ได้ 

ตามหลักการแพทย์จะแบ่งอาการปวดหัวไมเกรนออกเป็น 4 ระยะครับ ได้แก่

  • ระยะอาการบอกเหตุ (Prodrome) : เป็นอาการที่จะเกิดในช่วง 1-2 วัน ก่อนปวดหัวไมเกรน ลักษณะอาการที่บ่งบอก เช่น ปวดตึงต้นคอ, ปวดหัวท้ายทอย, กระหายน้ำหรือปัสสาวะบ่อยขึ้น, ท้องผูก, ง่วงนอน หาวบ่อยผิดปกติ, อารมณ์แปรปรวน มีอาการซึมเศร้า
  • ระยะอาการเตือนนำ (Aura) : เป็นระยะอาการก่อนนำไปสู่การปวดหัวไมเกรน ลักษณะอาการที่บ่งบอก เช่น ชาที่มือที่เท้า, สายตาพร่ามัว มองเห็นรูปทรงต่าง ๆ ผิดขนาด, กล้ามเนื้อเริ่มอ่อนแรง ร่างกายเคลื่อนไหวช้าลง 
  • ระยะปวดศีรษะ (Headache) : คนไข้จะรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ โดยจะปวดหัวข้างเดียว หรือปวดสองข้างพร้อมกัน บางรายอาจปวดกระบอกตาจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หากมีอาการที่รุนแรงขึ้น อาจพบว่าตาไวต่อแสง ตาสู้แสงไม่ได้  มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
  • ระยะอาการเข้าสู่ภาวะปกติ (Postdrome) : อาการปวดหัวเริ่มทุเลาลง เข้าสู่ภาวะร่างกายอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ในบางรายอาจยังรู้สึกไวต่อสิ่งเร้าภายนอก เช่น แสง สี เสียง กลิ่น

โบท็อกซ์ไมเกรน เหมาะกับใคร ?

  • คนที่มีอาการปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง ปวดหัวข้างเดียว หรือปวดหัวทั้งสองข้างที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
  • คนที่ไม่อยากรับประทานยาแก้ปวดมากเกินความจำเป็น กังวลความผิดปกติของค่าตับและไต
  • คนที่มีภาวะเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะอาหารจากการใช้ยาแก้ปวด 
  • คนที่รับประทานยาแก้ปวดแล้วอาการไม่ทุเลาลง

โบท็อกซ์ไมเกรน ฉีดจุดไหน ?

Source_โบท็อกซ์ไมเกรน-ฉีดจุดไหน

ตำแหน่งฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน หมอจะฉีดโบท็อกตามตำแหน่งดังนี้ครับ

ตำแหน่งฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน เป็นตำแหน่งที่ฉีดเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวจากไมเกรนโดยเฉพาะ ดังนั้นควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ รู้กายวิภาคของร่างกายเป็นอย่างดีเท่านั้นครับ 


โบท็อกซ์ไมเกรน ใช้ยี่ห้อไหนดี ใช้กี่ยูนิต ?

โบท็อกซ์ไมเกรน ใช้ยี่ห้อไหนดี

โบท็อกซ์ไมเกรน สามารถใช้ได้หลายยี่ห้อครับ หมอแนะนำให้ฉีดโบท็อกยี่ห้อที่ผ่าน อย.ไทยแล้วเท่านั้น ซึ่งได้แก่ โบท็อก Allergan (อเมริกา), โบท็อก Dysport (อังกฤษ), โบท็อก Xeomin (เยอรมัน), โบท็อก Nabota/Aestox (เกาหลี)

ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมในไทย คือ โบท็อกเกาหลีครับ โดยจะใช้โบท็อกประมาณ 100 ยูนิต ทั้งนี้หมอจะแนะนำยี่ห้อที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของแต่ละเคส

วิธีดู โบท็อกซ์ปลอม โบท็อกหิ้ว? โบท็อกแต่ละยี่ห้อ มีข้อควรระวังอะไร? l หมอ V Square แชร์หมดเปลือก

โบท็อกซ์ไมเกรน ราคาเท่าไร ?

โบท็อกซ์ไมเกรน ราคาเท่าไร

โบท็อกซ์ไมเกรน  ราคาเริ่มต้น 9,000.-/100 U หมอแนะนำโบท็อกเกาหลี ยี่ห้อ Nabota/Aestox โดยฉีดทุก ๆ 3 เดือนครับ


โบท็อกซ์ไมเกรน อยู่ได้นานไหม กี่ครั้งเห็นผล ?

โบท็อกซ์ไมเกรน อยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นโบท็อกจะค่อย ๆ หมดฤทธิ์ลงครับ หากใครที่ต้องการบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนอย่างต่อเนื่อง สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ 

การฉีดโบท็อกซ์ไมเกรนสามารถเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกครับ จะเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์หลังฉีด ความถี่ในการฉีดอย่างต่ำควรเว้นระยะห่าง 3 เดือน ไม่ควรฉีดโบท็อกถี่เกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อกได้ ซึ่งในปัจจุบันอาการดังกล่าวยังไม่มีวิธีรักษาครับ


วิธีรักษาไมเกรนโดยไม่ใช้ยา

นอกจากการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนแล้วยังมีวิธีแก้ปวดหัวไมเกรนโดยไม่ต้องใช้ยาอีกหลายวิธีครับ ได้แก่

Source_6-วิธีบรรเทาอาการไมเกรน-โดยไม่ใช้ยา

1. การฝังเข็ม

การฝังเข็มรักษาไมเกรน เป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์แผนจีนโดยจะฝังเข็มตามตำแหน่งบนเส้นลมปราณทั่วร่างกาย เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหัวจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น และช่วยปรับระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายให้สมดุลครับ แต่จะไม่สามารถระงับหรือบรรเทาอาการปวดได้ทันที จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดขั้นรุนแรง

ข้อควรระวังของการฝังเข็มรักษาไมเกรน คือต้องทำกับแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์เท่านั้น และที่สำคัญควรเลือกทำในสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ มีห้องปลอดเชื้อ เข็มที่ใช้จะต้องเป็นแบบใช้แล้วทิ้งเท่านั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อครับ

2. การนวดกดจุด

การนวดกดจุด เป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์แผนไทย โดยจะนวดบริเวณขมับ ศีรษะ ท้ายทอย คอ บ่า ไหล่ เพื่อช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและทำการหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมาเพื่อระงับอาการปวดหัวไมเกรน และช่วยระบบการหมุนเวียนของเลือด ต่อมน้ำเหลืองในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น 

ข้อควรระวังของนวดกดจุด คือหลังทำร่างกายอาจมีอาการปวด แดง บวม หรือเส้นอักเสบได้ และไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดันสูง ผู้ป่วยเบาหวาน อัมพาต เพราะอาจทำให้หลอดเลือดดำอักเสบ หรือความดันสูงขึ้น รวมถึงคนที่มีปัญหากระดูกเปราะ กระดูกบาง ข้อต่อหลวม 

3. การทำกายภาพบำบัด

การทำกายภาพบำบัดรักษาไมเกรน  (Biofeedback)  จะเป็นการให้คนไข้เรียนรู้และควบคุมการทำงานของร่างกายตัวเอง เช่น การฝึกหายใจ การกำหนดจิต เพื่อให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลาย หายใจถูกจังหวะ นอกจากนี้การทำกายภาพบำบัดรักษาไมเกรน ยังรวมถึงการนวดคอ บ่า ไหล่ เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย คลายกล้ามเนื้อคอ ลดอาการปวดหัวท้ายทอยได้ครับ 

4. ชา สมุนไพร

มีงานวิจัยระบุว่าการดื่มชา สามารถบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนลงได้ครับ เช่น ชาขิง, ชาเปปเปอร์มินต์, ชาคาโมมายล์, ชากานพลู เป็นต้น การดื่มชาจะทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดีขึ้น และชาหรือสมุนไพรบางชนิดจะมีฤทธิ์ช่วยลดอาการปวดต่าง ๆ ได้ 

ทั้งนี้ชาหรือสมุนไพรบางชนิดไม่ควรดื่มต่อกันหลายวันหรือเป็นระยะเวลานานครับ โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากสารประกอบบางอย่างในชาอาจเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ได้

5. การใช้วิตามินหรือเกลือแร่

การใช้วิตามินหรือเกลือแร่ เป็นวิธีรักษาไมเกรนด้วยตัวเอง วิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวและลดความถี่ของการเกิดอาการได้ครับ สำหรับวิตามินที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนที่แนะนำ เช่น แมกนีเซียม (Magnesium), วิตามินบี 2 (Riboflavin),  โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10)

วิตามินที่หมอส่วนใหญ่แนะนำจะเป็นการเสริมแมกนีเซียมครับ เพราะถ้าขาดแมกนีเซียม ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Aura (ระยะอาการเตือนนำ) โดยจะมีอาการวูบแสง สายตาพร่ามัวซึ่งจะเป็นสัญญาณเตือนก่อนเริ่มปวดหัวไมเกรน โดยรับประทานประมาณ 400-600 mg/วัน

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาไมเกรนให้หายขาดครับ มีแต่ช่วยให้อาการทุเลาลง คนไข้สามารถนำวิธีรักษาไมเกรนโดยไม่ใช้ยาที่หมอได้แนะนำไปปรับใช้ตามความสะดวก แต่หากใครที่ต้องการลดอาการปวดหัวไมเกรนแบบเห็นผลเร็ว หมอแนะนำฉีดโบท็อกซ์ไมเกรนครับ เห็นผลใน 3-4 วัน และจะออกฤทธิ์สูงสุดในสัปดาห์ที่ 2 ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน


ฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน ที่ไหนดี ?

ฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน ที่ไหนดี
  • เลือกคลินิกฉีดโบท็อกซ์ไมเกรนที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง มีอุปกรณ์ และเครื่องมือในการช่วยเหลือยามฉุกเฉิน มีพื้นที่และห้องการทำหัตถการที่กว้างขวาง มีความสะอาด ไม่ทึบหรือแออัด 
  • ใช้โบท็อกแท้ที่ผ่าน อย.ไทย มีตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้อง ซึ่งบริษัทยาจะต้องขายให้กับคุณหมอที่มีใบอนุญาตเท่านั้น
  • แพทย์ต้องมีประสบการณ์ สามารถเอาชื่อ-นามสกุลเข้าไปตรวจในเว็บไซต์ของแพทยสภาได้ที่ http://www.tmc.or.th/check_md/ เพื่อดูว่าเป็นหมอจริงหรือไม่
  • มีช่องทางการติดต่อที่สะดวกหรือควรมีการ follow up  ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ก่อนทำ-หลังทำอย่างใกล้ชิด และมีช่องทางติดต่อสอบถามเกี่ยวกับปัญหากับหมอโดยตรง
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ เช่น จาก Feedback ที่คนไข้มารีวิว เพราะถ้าหากคนไข้มารีวิวแล้วทางคลินิกจะไม่สามารถลบออกได้

วิธีดูแลตัวเองก่อน- หลังฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

วิธีดูแลตัวเองก่อนฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน รวมถึงวิธีการสังเกตโบท็อกแท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัย
  • ก่อนฉีดควรให้แพทย์เปิดขวดใหม่ ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป และควรขอกล่องและขวดกลับบ้านไว้ตรวจสอบ เพื่อมั่นใจว่าเป็นของแท้
  • งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, Ponstan
  • งดสครับผิว คอร์สเลเซอร์ แว็กผิวบริเวณที่ฉีด 2-3 วัน เพื่อลดอาการเขียวช้ำ 
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรปรึกษาหรือแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

  • หลังฉีดโบท็อก 48 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด เลเซอร์ผิว
  • งดอาหารที่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก เช่น อาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาเป็นเวลานาน
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด  เนื่องจากจะส่งผลต่อการอักเสบ ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
Vsquare tips

มีงานวิจัยระบุว่าการกิน Zinc 50 mg/วัน ก่อนและหลังฉีดโบท็อก จะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวและอยู่ได้นานขึ้น  วัยผู้ใหญ่ควรได้รับแร่ธาตุสังกะสี 12-15 มิลลิกรัม/วัน โดยพบได้มากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ตับ อาหารทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอยนางรม และธัญพืช


สรุป

การฉีดโบท็อกไมเกรน แม้ไม่ได้เป็นวิธีการรักษาไมเกรนแบบถาวร แต่ช่วยบรรเทาอาการปวดได้มากครับ หลังฉีดจะช่วยให้คนไข้ปวดศีรษะไมเกรน ปวดหัวท้ายทอยน้อยลง เป็นวิธีที่มีความปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่ดี และยังมีผลพลอยได้ในการช่วยลดรอยหน้าผากลดน้อยลง 

แต่หากคนไข้ปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง จัดอยู่ในระดับรุนแรง  ควรไปพบหมอเฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุ และรักษาอย่างถูกวิธีจะเหมาะสมกว่าครับ


อ้างอิง

1.Critical analysis of the use of onabotulinumtoxinA (botulinum toxin type A) in migraine
https://pdfs.semanticscholar.org/68b1/131fec0dfc227ddf5a291384059b7e517502.pdf?_ga=2.221469912.1910126796.1615368643-1089673905.1608626583
2.Botulinum Toxin Injectables for Migraines | Sashank Reddy, M.D., Ph.D.
https://www.hopkinsmedicine.org/health/treatment-tests-and-therapies/botulinum-toxin-injectables-for-migraines
3.Caffeine and Migraine
https://americanmigrainefoundation.org/resource-library/caffeine-and-migraine
4.Foods High in Tyramine | Mahammad Juber, MD on November 29, 2022 
https://www.webmd.com/diet/foods-high-in-tyramine
5.Sodium Nitrite Toxicity | Melinda Ratini, MS, DO
https://www.webmd.com/first-aid/sodium-nitrite-toxicity


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ29คน
โบท็อกซ์ลดกล้ามแขน

ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ช่วยอะไรได้บ้าง เห็นผลแค่ไหน ใช้โบท็อกยี่ห้ออะไรดี ?

Categories
botox
โบท็อกซ์ลดกล้ามแขน

ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน

นอกจากปัญหาต้นแขนใหญ่ แขนย้วย มีไขมันสะสม อีกปัญหาที่เจอบ่อย ๆ และผู้หญิงหลายคนกังวล คือการมีกล้ามแขน ทำให้ดูไม่อ่อนหวาน และไม่มั่นใจเวลาใส่เสื้อแขนกุด

แขนใหญ่ที่เกิดจากกล้ามแขน สาเหตุมาจากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หรือมีปัญหากล้ามเนื้อโตผิดปกติ (Calf Hypertrophy) การลดน้ำหนักหรือสลายไขมันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกจุดครับ ต้องแก้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน จะช่วยให้กล้ามแขนเล็กลง แขนเรียวขึ้นได้ 

สำหรับใครที่กำลังสนใจการฉีดโบท็อกซ์กล้ามแขน ในบทความนี้หมอสรุปข้อมูลต่าง ๆ ที่ควรรู้ไว้ให้ครับ ฉีดโบท็อกซ์กล้ามแขนราคาเท่าไหร่ ใช้โบท็อกยี่ห้อไหนดี กี่วันเห็นผล มีผลข้างเคียงไหม ?

สารบัญ โบท็อกซ์ลดกล้ามแขน

  1. ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ช่วยลดแขนได้อย่างไร ?
  2. แขนใหญ่มีกี่ประเภท แต่ละประเภทลดได้ด้วยวิธีใด ?
  3. ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ใช้กี่ยูนิต ?
  4. โบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ควรใช้ยี่ห้อไหนดี ?
  5. โบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ราคาเท่าไร ?
  6. ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ต้องทำกี่ครั้ง กี่วันเห็นผล ?
  7. ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน อยู่ได้นานไหม ?
  8. ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ที่ไหนดี ?
  9. วิธีปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน
  10. รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน

ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ช่วยลดแขนได้อย่างไร ?

ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน คือ การใช้ตัวยา Botulinum Toxin Type A (Botox) ฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามแขน เพื่อให้กล้ามเนื้อหดเล็กลงครับ จุดที่ฉีดจะเป็นกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า Biceps เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ระหว่างข้อศอกและหัวไหล่ 

ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขนบริเวณกล้ามเนื้อ Biceps
กล้ามเนื้อ Biceps สังเกตได้จากเวลาเราเบ่งกล้าม ก็จะเห็นเป็นก้อนกล้ามเนื้อขึ้นมาครับ

โดยตัวยาโบท็อกจะเป็นโปรตีนน้ำใส ๆ (ในขวดที่ยังไม่ได้แกะโบท็อกจะมาเป็นผลึกขาว ๆ ต้องผสมน้ำเกลือก่อนจึงนำมาฉีดได้) เมื่อโบท็อกถูกฉีดเข้าไปจะแยกเป็น 2 ส่วน 

  1. ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปในเซลล์ประสาท ส่วนนี้จะออกฤทธิ์กับระบบประสาท (Neurotoxin) ที่ควบคุมกล้ามเนื้อ เพื่อให้หยุดทำงานชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่ขยับ ไม่ถูกใช้ ก็จะหดเล็กลง จึงช่วยลดกล้ามแขนใหญ่ได้
  2. ส่วนที่ไม่ถูกดูดซึม จะถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติใน 1 ชั่วโมง โดยไม่มีผลข้างเคียงครับ
การออกฤทธิ์ของโบท็อกภายในเซลล์
การออกฤทธิ์ของโบท็อกภายในเซลล์ หลังจากฉีดเข้าไปในส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ

แขนใหญ่มีกี่ประเภท แต่ละประเภทลดได้ด้วยวิธีใด ?

ปัญหาแขนใหญ่ แยกออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ ครับ 

  1. ปัญหาแขนใหญ่จากไขมันสะสม ความอ้วน แขนเป็นอีกจุดที่เกิดไขมันสะสมได้ง่าย และลดยาก การลดไขมันต้นแขนแบบเร่งด่วน จะต้องใช้การฉีดเมโสแฟต หรือ CoolSculpting เพื่อช่วยสลายไขมัน พร้อมกับควบคุมการรับประทานอาหารให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ไขมันกลับมาสะสมอีก
  2. ปัญหาแขนใหญ่จากกล้ามแขนใหญ่ เกิดจากกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง หรือกล้ามเนื้อบางส่วนของร่างกายโตขึ้นผิดปกติ (ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณกล้ามแขน/น่อง) เพื่อลดกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนต้องใช้การฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน หลังฉีดกล้ามเนื้อจะหดเล็กลง กล้ามแขนหายไป
Vsquare tips

วิธีสังเกตว่าแขนใหญ่จากกล้ามเนื้อหรือไขมัน ให้ดูจากลักษณะแขน เมื่อลองจับดูแล้ว ถ้าเป็นเนื้อนิ่ม ๆ เหลว ๆ แสดงว่าเป็นไขมัน แต่ถ้าจับแล้วแข็ง ๆ เห็นเป็นก้อนขึ้นมาแสดงว่าเป็นกล้ามเนื้อครับ


ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ใช้กี่ยูนิต ?

การฉีดโบท็อกจะใช้ยูนิตมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดกล้ามเนื้อที่จะฉีดครับ ยิ่งกล้ามเนื้อมัดใหญ่มากก็ต้องใช้ปริมาณยูนิตมากตาม เนื่องจากมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมาก การฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน ปกติจะใช้ประมาณ 200 ยูนิต แล้วแต่ว่าคนไข้แต่ละคนมีขนาดกล้ามเนื้อใหญ่และแข็งแรงมากแค่ไหนครับ


Header Tag 2 : โบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ควรใช้ยี่ห้อไหนดี ?

โบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ควรใช้ยี่ห้อไหนดี

จริง ๆ แล้ว เราไม่ได้มีกำหนดตายตัวครับว่าโบท็อกรุ่นนี้ ยี่ห้อนี้ ต้องใช้ฉีดโบท็อกลดกล้ามแขนเท่านั้น หรือโบท็อกยี่ห้อนี้ต้องใช้ลดริ้วรอยเท่านั้น หมอจะประเมินจุดที่ฉีดและแนะนำให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน ตามปัญหาและงบประมาณครับ

โบท็อกแต่ละยี่ห้อ ต่างกันอย่างไร ?

โบท็อกที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย ผ่าน อย. มีหลายยี่ห้อครับ ที่นิยมได้แก่ Allergan (อเมริกา), Xeomin (เยอรมัน), Dysport (อังกฤษ), Nabota และ Aestox (เกาหลี) มีคุณสมบัติและจุดเด่นต่างกันไป ดังนี้

โบท็อกอเมริกา

  • Allergan เป็น Original ของโบท็อกทั้งหมด มีงานวิจัยรับรองยาวนานที่สุด ให้ผลการรักษาที่แม่นยำ มีความบริสุทธิ์สูง เห็นผลเร็ว อยู่ได้นาน ลดโอกาสในการดื้อโบท็อกในกรณีที่ต้องฉีดปริมาณมาก ราคาค่อนข้างสูงกว่ายี่ห้ออื่น 

โบท็อกเกาหลี

  • Nabota หลังฉีดแล้วออกฤทธิ์ไว เห็นผลเร็ว เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลเร่งด่วน เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย. อเมริกา (U.S.FDA)
  • Aestox ตัวยาจะออกฤทธิ์คล้าย ๆ กับโบท็อก Nabota ครับ และราคาถูกกว่าโบท็อกอเมริกาเท่าตัว

โบท็อกอังกฤษ

  • Dysport จุดเด่นคือตัวยากระจายกว้าง ทั่วถึง ไม่กระจุกเป็นจุดแคบ ๆ เหมาะฉีดจุดที่เป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่อง

โบท็อกเยอรมัน

  • Xeomin พัฒนาโดยเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน และมีงานวิจัยยืนยันว่า Xeomin ได้ผลดีในเคสที่ดื้อโบท็อก (ต้องหยุดการฉีดโบท็อกมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี)
วิธีดู โบท็อกซ์ปลอม โบท็อกหิ้ว? โบท็อกแต่ละยี่ห้อ มีข้อควรระวังอะไร? l หมอ V Square แชร์หมดเปลือก

โบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ราคาเท่าไร ?

โบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณและยี่ห้อโบท็อกที่ใช้ครับ ราคาเริ่มตั้งแต่ 12,000.-/150 U

Landingpage-botox_เฉพาะจุด_2024

ราคาโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน 

โบท็อก Nabota / Aestox

  • 150 U ราคา 12,000.-
  • 200 U ราคา 16,000.-

โบท็อก Allergan

  • 200 U ราคา 34,000.-

โบท็อก  Xeomin 

  • 200 U ราคา 28,000.-

โบท็อก Dysport

  • 600 U ราคา 34,000.-

ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ต้องทำกี่ครั้ง กี่วันเห็นผล ?

หลังฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน เห็นผลตั้งแต่การฉีดครั้งแรกครับ ช่วยให้กล้ามเนื้อเล็กลงประมาณ 10-20% ใช้เวลาเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน จะเห็นผลดีในคนไข้ที่ไม่ได้มีปัญหากล้ามแขนใหญ่มาก 


ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน อยู่ได้นานไหม ?

การฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน ส่วนใหญ่คนไข้จะกลับมาฉีดซ้ำเรื่อย ๆ ทุก ๆ 3 เดือน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น จนกว่าจะได้แขนที่เล็กลงจนพอใจครับ ก็จะเป็นการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่นานถึง 1 ปีได้ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคนไข้ร่วมด้วย 


ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน ที่ไหนดี ?

เนื่องจากการฉีดโบท็อกลดกล้ามแขนเป็นจุดที่ต้องใช้โบท็อกปริมาณมาก จึงต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ควรพิถีพิถันในการเลือกคลินิก โดยพิจารณาจากปัจจัยดังนี้

  1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ตั้งอยู่ในทำเลที่ปลอดภัย เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์ ไม่อยู่ในมุมอับทึบ และมีพื้นที่กว้างขวาง
  2. ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถนำชื่อ-นามสกุลเข้าไปตรวจสอบ เพื่อดูว่าเป็นแพทย์จริง มีใบรับรอง ในเว็บไซต์ของแพทยสภา (http://www.tmc.or.th/check_md/)
  3. ใช้โบท็อกแท้เท่านั้น คนไข้ควรศึกษาวิธีดูโบท็อกแท้เบื้องต้น ก่อนฉีดหมอต้องแกะกล่อง เปิดขวด ผสมยาให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง
  4. ดูรีวิวฉีดโบท็อกจากเคสที่เคยใช้บริการจริง ในแหล่งที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ คลินิกไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้ เช่น Facebook Review, Pantip

วิธีปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน

วิธีปฏิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน วิธีเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ ดูรีวิวจากผู้มาใช้บริการจริง
  • งดยาและวิตามินบางชนิดก่อนฉีด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. John’s Wort, ginkgo biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
  • งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดโบท็อก
  • หากกลัวเจ็บ สามารถแจ้งขอแปะยาชาก่อนฉีดโบท็อกได้
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีดโบท็อกทุกครั้ง
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน

วิธีปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน

  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง อย่างน้อย 48 ชั่วโมง 
  • หลังฉีด 2 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ต้องใช้แรงแขนเยอะ เพราะจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้มากขึ้น ผลการฉีดโบท็อกอยู่ได้สั้นลง
  • ควรรับประทานอาหารที่มี zinc (แร่ธาตุสังกะสีจะช่วยเพิ่มฤทธิ์ของโบท็อก)
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ใช้แขน

ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน มีผลข้างเคียงไหม ?

หลังฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน ในช่วงแรก ๆ อาจมีความรู้สึกเมื่อย ๆ แขน หรือออกแรงแขนได้ไม่ดีบ้างเป็นเรื่องปกติครับ เพราะตัวยาจะทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงาน ถ้าเราฝืนออกกำลังกายหนัก ๆ หรือยกเวท จะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาแข็งแรงเร็วขึ้น แขนจะกลับมาใหญ่เร็วขึ้น 


รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามแขน

รีวิว ฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน จะเห็นว่าขนาดกล้ามเนื้อที่เป็นก้อน ๆ บริเวณแขนเล็กลงอย่างชัดเจน

รีวิว โบท็อกลดกล้ามแขน

สรุป

การฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน เห็นผลได้ดีในคนที่กล้ามแขนใหญ่เล็กน้อย ไม่เหมาะกับคนที่ออกกำลังกายหรือใช้แรงแขนหนัก ๆ เพราะฉีดแล้วจะไม่เห็นผลเท่าที่คาดหวัง กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ง่าย ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นครับ สำหรับคนที่ต้นแขนใหญ่ มีทั้งไขมันและกล้ามเนื้อ ไม่รู้ว่าจะเลือกวิธีลดต้นแขนแบบไหนดี สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อให้ประเมินและแนะนำวิธีที่เหมาะสมให้ได้ครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ29คน
ฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม

โบท็อกซ์โหนกแก้ม หน้าเข้ารูปได้ โดยไม่ต้องศัลยกรรม

Categories
botox
ฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม

ฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม

คนที่มีโหนกแก้มเด่น โหนกแก้มสูง เห็นโหนกแก้มชัด จะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่สมส่วน ดูเป็นเหลี่ยมชัดเจน หน้าตอบ ดูโทรม และดูแก่กว่าวัยครับ  

สำหรับใครที่ต้องการลดโหนกแก้มให้เด่นน้อยลง ในบทความนี้หมอจะมาแนะนำการฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม ที่เป็นการฉีดตัวยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อเพื่อให้ดูเล็กลง หน้าได้สัดส่วนมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบเห็นผลรวดเร็วครับ

ฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม

สารบัญ ฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม

  1. โบท็อกซ์โหนกแก้ม คืออะไร ?
  2. โหนกแก้ม เกิดจากอะไร ?
  3. วิธีลดโหนกแก้ม อื่น ๆ 
  4. โบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ?
  5. ฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้มใช้กี่ยูนิต ยี่ห้อไหนดี ?
  6. โบท็อกซ์โหนกแก้ม ราคาเท่าไร ?
  7. ฉีดโบลดโหนกแก้ม กี่วันเห็นผล ?
  8. ฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม มีผลข้างเคียงไหม ?
  9. โบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม อยู่ได้นานไหม ?
  10. ฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้มที่ไหนดี ?
  11. การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม
  12. วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม

โบท็อกซ์โหนกแก้ม คืออะไร ?

โบท็อกซ์โหนกแก้ม คืออะไร
ภาพแสดงกล้ามเนื้อบนใบหน้า กล้ามเนื้อ Zygomaticus

โบท็อกซ์โหนกแก้ม คือการลดขนาดกล้ามเนื้อโหนกแก้มให้มีขนาดเล็กลงด้วยการฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum Toxin A) เข้าไปที่กล้ามเนื้อไซโกมาติคัส (Zygomaticus) เพื่อไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อไม่ทำงาน กล้ามเนื้อจึงมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้โหนกแก้มดูเด่นน้อยลง ใบหน้าเข้ารูป ดูสมส่วน มีมิติมากขึ้นครับ 

โบท็อกซ์ลดโหนกแก้มได้ไหม ? ได้ครับ แต่จะช่วยลดโหนกแก้มใหญ่ที่มีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อเท่านั้น หากคนไข้มีโหนกแก้มใหญ่จากกระดูก ในกรณีนี้จำเป็นต้องผ่าตัดทุบโหนกแก้ม ดังนั้นก่อนฉีดโบท็อกจะต้องให้หมอประเมินปัญหารูปหน้าในเบื้องต้นก่อนว่าเกิดจากสาเหตุใด จากกล้ามเนื้อ จากกระดูก หรือไขมัน เพื่อวางแผนการแก้ไขที่เหมาะสม ตรงจุด เห็นผลลัพธ์ที่ดีครับ 


โหนกแก้ม เกิดจากอะไร ?

โหนกแก้ม เกิดจากอะไร
  • อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นไขมันบริเวณขมับและหน้าแก้มจะฝ่อตัวลง กระดูกเกิดการยุบตัว ทำให้มองดูเป็นแอ่ง ส่งผลให้โหนกแก้มดูเด่นขึ้น
  • โครงสร้างกระดูก กระดูกโหนกแก้มนูนออกมามากเกินไป เวลามองหน้าตรงแล้วทำให้หน้าดูใหญ่ หน้าไม่สมส่วน หน้าเหลี่ยม
  • พันธุกรรม คนไข้บางรายมีกระดูกส่วนกลางบริเวณแก้มไม่สมดุลกับผิวหนังด้านนอก ทำให้เนื้อยุบตามลงไปด้วยจนทำให้มีโหนกแก้มสูง
  • การลดน้ำหนัก จะทำไขมันที่หน้ายุบหายไปด้วย คนไข้บางรายที่น้ำหนักลดเร็วเกินไป หน้าจะดูตอบ ขมับยุบจนทำให้โหนกแก้มเด่น หน้าดูโทรม ไม่มีน้ำมีนวล

วิธีลดโหนกแก้ม อื่น ๆ 

วิธีลดโหนกแก้มเด่น สามารถแก้ไขได้หลายวิธีครับ ทั้งการทำหัตถการและการใช้เครื่องมือยกกระชับ เช่น 

วิธีลดโหนกแก้ม

1. ฉีดฟิลเลอร์ลดโหนกแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ลดโหนกแก้ม เป็นการฉีดสารไฮยาลูโรนิค แอซิด เพื่อเข้าไปเติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนังให้ตื้นขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ลดโหนกแก้ม หมอจะแนะนำฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์ขมับ และฟิลเลอร์ใต้ตาครับ เพราะการเติมฟิลเลอร์ในตำแหน่งเหล่านี้ หลังฉีดจะส่งผลให้โหนกแก้มเด่นน้อยลง แก้มดูเต็มขึ้นใบหน้าเข้ารูปมากขึ้น

หลังฉีดฟิลเลอร์ลดโหนกแก้มจะเห็นผลทันที เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดโหนกแก้มแบบเร่งด่วน ไม่มีเวลาพักฟื้น สามารถเติมและปรับแต่งได้เรื่อย ๆ เนื่องจากฟิลเลอร์สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย

2. ฉีดไขมันลดโหนกแก้ม

การฉีดไขมันลดโหนกแก้ม เป็นการใช้ไขมันของตัวคนไข้เองมาฉีดในบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม หลังฉีดไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง เพราะไม่ใช่การฉีดเติมเต็มสารสังเคราะห์ เหมาะกับคนที่ต้องการเติมหลาย ๆ จุดพร้อมกัน ต้องการเติมครั้งละเยอะ ๆ เพื่อเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน

ทั้งนี้ข้อเสียของการฉีดไขมันลดโหนกแก้ม ไม่สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก ต้องทำหลายครั้งถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน ใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ จากอาการบวม คนไข้บางรายอาจมีอาการบวมนานถึง 2 เดือน มีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก ต้องนำไขมันที่ได้มาปั่นแยกเป็นของเหลวก่อนนำมาใช้ และหลังฉีดไขมัน อาจเกิดผิวไม่เรียบ เพราะไขมันที่ฉีดถูกร่างกายนำไปใช้

3. ฉีดเมโสแฟต สลายไขมันลดโหนกแก้ม

การฉีดเมโสแฟต สลายไขมันลดโหนกแก้ม เหมาะสำหรับคนที่มีโหนกแก้มใหญ่จากการสะสมของไขมันใต้ผิวเท่านั้น เป็นการสลายไขมันเฉพาะจุดด้วยตัวยาที่สกัดมาจากธรรมชาติ ฉีดเพื่อกระตุ้นระบบการทำงานของ metabolism และ L-carnitine ทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น จึงช่วยสลายไขมันเฉพาะจุดได้ โหนกแก้มลดลง หน้ากระชับมากขึ้น

หลังฉีดเมโสแฟต สลายไขมันลดโหนกแก้ม จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกประมาณ 10-15% และเห็นผลเต็มที่ประมาณ 1-3 อาทิตย์ ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่ปัจจัยอื่นร่วมด้วย ด้วย เช่น ปริมาณไขมัน การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร  หากคนไข้ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น สามารถกลับมาฉีดแฟตซ้ำได้ โดยไม่ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายครับ

4. ร้อยไหมยกกระชับ ลดโหนกแก้ม

การร้อยไหมยกกระชับ ลดโหนกแก้ม เป็นการใช้ไหมละลาย (Polydioxanone ไหมที่ใช้ในการเย็บแผล) ร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนัง เพื่อยกกระชับหน้า ลดความหย่อนคล้อยของผิวให้ตึงกระชับ ใบหน้าได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้การร้อยไหมลดโหนกแก้ม ไม่ได้เป็นการลดขนาดของโหนกแก้มโดยตรง แต่จะเป็นการเพิ่มความกระชับผิวหนังบริเวณโหนกแก้มที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึง หน้าดูยกขึ้น หากคนไข้ต้องการเห็นผลที่ชัดเจนขึ้น สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ครับ

หมอจะยกตัวอย่างเช่น ในกรณีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก ๆ การร้อยไหมเพียงอย่างเดียวอาจไม่ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งหมด สามารถร้อยไหมร่วมกับทำหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น ใช้โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ Hifu ร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นครับ

5. ผ่าตัดกระดูกลดโหนกแก้ม/ ผ่าตัดกรอกระดูก

การผ่าตัดกระดูกลดโหนกแก้ม หรือผ่าตัดกรอกระดูก จะเหมาะกับคนที่มีโหนกแก้มเด่น โหนกแก้มนูนจากโครงสร้างกระดูก หมอจะอธิบายความแตกต่างของทั้ง 2 วิธี ดังนี้ครับ

  • การผ่าตัดกระดูกลดโหนกแก้ม 

จะเป็นการตัดกระดูกโหนกแก้มด้านข้างออกบางส่วน แล้วเลื่อนกระดูกส่วนที่เหลือมาด้านหน้า หลังจากนั้นจะใช้สกรูมาเชื่อมกระดูกทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน สามารถใช้ได้ทั้งสกรูวัสดุไททาเนียม สกรูแบบละลาย หรือใช้เทคนิคการเชื่อมพิเศษที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เชื่อม ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานพยาบาลครับ

วิธีนี้จะช่วยลดโหนกแก้มที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน เพราะเป็นการตัดกระดูกบางส่วนออก แต่หลังผ่าตัดจะต้องดูแลเรื่องความสะอาดของแผลเป็นพิเศษ รวมถึงห้ามเคี้ยวอาหารแข็ง อาหารเหนียว จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น และต้องทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ครับ เพราะถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ อาจกระทบต่อเส้นประสาทหรือทำให้แก้มห้อยมากกว่าเดิมได้

  • การผ่าตัดกรอกระดูก 

จะเป็นการเหลากระดูกโหนกแก้มด้วยการเปิดแผลในช่องปากบริเวณกระพุ้งแก้ม หลังจากนั้นหมอจะสอดเครื่องมือกรอกระดูกแล้วทำการตกแต่งกระดูกโหนกแก้มให้เข้ากับโครงสร้างใบหน้า 

วิธีนี้จะคล้ายกับการผ่าตัดกระดูกครับ แต่จะเห็นผลน้อยกว่า เหมาะกับคนที่มีโหนกแก้มไม่เยอะมาก ข้อดีคือแผลผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่ข้อเสียคือไม่เห็นผลเท่าที่ควร และหากคนไข้มีกระดูกโหนกแก้มบาง จะยิ่งทำให้กระดูกบางลงกว่าเดิม ในอนาคตอาจทำให้แก้มห้อยผิวหย่อนคล้อยได้ง่าย

6.  Hifu / Ulthera /  Thermage ลดโหนกแก้ม

การทำ Hifu/Ulthera/Thermage ลดโหนกแก้ม เป็นวิธีลดโหนกแก้มที่เหมาะสำหรับคนที่กลัวการผ่าตัด กลัวเข็ม เห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรก หลังทำไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้หน้าได้เลย และยังช่วยป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้ครับ

  • การทำ Hifu/Ulthera ลดโหนกแก้ม

 Hifu และ Ulthera เป็นเครื่องมือยกกระชับที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงยิงลงไปใต้ชั้นผิวหนัง  โดย Hifu จะมีขนาดพลังงาน 0.5-1 mm และ Ulthera มีขนาดพลังงาน 1 mm.

Hifu/Ulthera เป็นเครื่องยกกระชับที่สามารถยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ที่เป็นผิวหนังชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า จึงเด่นในเรื่องการยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อยของผิว ช่วยลดโหนกแก้มเด่นได้เห็นผล หน้าตึงกระชับขึ้น ยิ่งทำซ้ำ ยิ่งเห็นผลต่อเนื่องครับ

  • การทำ Thermage ลดโหนกแก้ม 

จะเป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) มีขนาดจุดโฟกัส 3-4 cm2 ยิงลงไปใต้ชั้นผิวจากผิวชั้นบนจนถึงชั้นไขมัน เหมาะสำหรับคนที่มีโหนกแก้มเด่นจากไขมัน เพราะเทอมาร์จจะช่วยลดการสะสมของไขมันเฉพาะจุดได้ครับ และยังช่วยกระชับผิว ลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่น ฟู เพิ่ม skin quality (ผิวเด็ก) ผิวตึงกระชับขึ้น รูขุมขนเล็กลงได้

ปัญหาโหนกแก้มเด่น โหนกแก้มนูน เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกลดโหนกแก้มวิธีไหนดี  จะต้องให้แพทย์ทำการประเมินปัญหาใบหน้าของแต่ละบุคคลก่อนครับ เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุด เห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด


โบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ?

โบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ครับ เพราะการฉีดโบท็อกไม่สามารถแก้ปัญหาโหนกแก้มใหญ่ โหนกแก้มสูงได้ทั้งหมด จำเป็นต้องอาศัยทำหัตถการอื่น ๆ ร่วมด้วย หากใครต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หมอจะแนะนำการฉีดฟิลเลอร์ครับ จะไปช่วยเติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาโหนกแก้มสูงได้

ตัวอย่างเช่น การเติมฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์ใต้ตา และฟิลเลอร์แก้มตอบ จะช่วยเติมเต็มชั้นผิวส่วนที่ลึกให้ตื้นขึ้น หน้าเต็ม มีน้ำมีนวล ความสูงของโหนกแก้มดูลดลง กลมกลืนรับกับกรอบหน้าและปรับรูปหน้าเรียวสวย ดูเป็นธรรมชาติครับ

รีวิวโบท็อกโหนกแก้ม ร่วมกับฟิลเลอร์แก้มตอบและฟิลเลอร์ขมับ
รีวิวโบท็อกโหนกแก้ม ร่วมกับฟิลเลอร์แก้มตอบและฟิลเลอร์ขมับ

เคสรีวิวฉีดปรับรูปหน้า ลดโหนกแก้มด้วยการฉีดโบท็อกโหนกแก้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ และฟิลเลอร์ขมับ


ฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้มใช้กี่ยูนิต ยี่ห้อไหนดี ?

ฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้มใช้กี่ยูนิต ยี่ห้อไหนดี

ฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม โดยทั่วไปจะใช้โบท็อกประมาณ 25 U เพราะเป็นการฉีดในบริเวณที่ไม่กว้างมาก ส่วนยี่ห้อโบท็อกหมอแนะนำโบท็อกเกาหลียี่ห้อ Nabota และ Aestox ครับ หลังฉีดแล้วหน้าไม่แข็งตึง เห็นผลไว ดูเป็นธรรมชาติ


โบท็อกซ์โหนกแก้ม ราคาเท่าไร ?

โบท็อกซ์โหนกแก้ม ราคาเท่าไร คุณนิโคล

โบท็อกซ์โหนกแก้ม ราคาเริ่มต้น 3,000.-/25U หมอแนะนำโบท็อกเกาหลี ยี่ห้อ Nabota/Aestox โดยฉีดทุกๆ 3 เดือนครับ


ฉีดโบลดโหนกแก้ม กี่วันเห็นผล ?

ฉีดโบลดโหนกแก้ม จะเริ่มเห็นผลประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด กล้ามเนื้อโหนกแก้มจะค่อย ๆ นิ่มและเล็กลง  หลังจากนั้นจะเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือนครับ 


ฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม มีผลข้างเคียงไหม ?

หลังโบท็อกซ์ลดโหนกแก้มในช่วงแรก คนไข้อาจรู้สึกตึง ๆ ผิว เวลายิ้มแล้วรู้สึกโหนกแก้มตึง แต่อาการนี้จะเป็นแค่ชั่วคราวครับ สามารถหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน


โบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม อยู่ได้นานไหม ?

ฉีดโบโหนกแก้ม จะเริ่มเห็นผลประมาณ 1-2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อโหนกแก้มจะค่อย ๆ นิ่มลง เล็กลง แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้แค่ชั่วคราวครับ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกด้วย


ฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้มที่ไหนดี ?

ฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้มที่ไหนดี
  • ฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้มที่ไหนดี อันดับแรกควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ได้มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข มีใบอนุญาตถูกต้อง และดำเนินงานโดยแพทย์เท่านั้น
  • ใช้โบท็อกแท้และได้มาตรฐาน มีตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้องครับ บริษัทยาจะต้องขายให้กับคุณหมอที่มีใบอนุญาตเท่านั้น
  • เดินทางสะดวก มีบริการขนส่งมวลชนที่หลากหลาย เข้าถึงง่าย มีบริการที่จอดรถและหากมีหลายสาขาก็จะยิ่งดี เพราะสะดวกต่อการไปพบหมอ  
  • มีช่องทางการติดต่อสอบถามเกี่ยวกับปัญหากับหมอโดยตรง มีการ follow up  ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ก่อนทำ-หลังทำอย่างใกล้ชิด 
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ เช่น จาก Feedback ที่คนไข้มารีวิว เพราะถ้าหากคนไข้มารีวิวแล้วทางคลินิกจะไม่สามารถลบออกได้

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกลดโหนกแก้ม รวมถึงวิธีการสังเกตโบท็อกแท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัย
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินปัญหาใบหน้า และวางแผนการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม
  • ฉีดโบท็อกแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น เพื่อลดโอกาสการดื้อยาและเกิดผลข้างเคียง
  • ควรให้แพทย์เปิดขวดใหม่ ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป และควรขอกล่องและขวดกลับบ้านไว้ตรวจสอบ เพื่อมั่นใจว่าเป็นของแท้
  • งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, Ponstan
  • งดสครับใบหน้า คอร์สเลเซอร์ แว็กผิวหรือนวดหน้าบริเวณที่ฉีด 2-3 วัน เพื่อลดอาการเขียวช้ำ 
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรปรึกษาหรือแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม
  • หลังฉีดโบท็อกลดโหนกแก้มทันที ควรขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด
  • งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มหัวต่ำกว่าอก 3 ชม.  เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ส่งผลให้โบท็อกที่ฉีดปลิวไปบริเวณที่ไม่ต้องการได้
  •  หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 48 ชม. เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด ทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF thermage 
  • งดอาหารที่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก เช่น อาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาเป็นเวลานาน
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด  เนื่องจากจะส่งผลต่อการอักเสบ ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
Vsquare tips

มีงานวิจัยระบุว่าการกิน Zinc 50 mg/วัน ก่อนและหลังฉีดโบท็อก จะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวและอยู่ได้นานขึ้น  วัยผู้ใหญ่ควรได้รับแร่ธาตุสังกะสี 12-15 มิลลิกรัม/วัน โดยพบได้มากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ตับ อาหารทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอยนางรม และธัญพืช


สรุป

การฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้ม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลดโหนกแก้มโดยไม่ต้องผ่าตัด แม้ไม่ได้เป็นวิธีลดโหนกแก้มโดยตรง แต่ก็สามารถเห็นผลได้ครับ โดยเฉพาะคนที่มีโหนกแก้มเด่นจากกล้ามเนื้อ หลังฉีดโหนกแก้มจะดูเด่นน้อยลง ใบหน้าเข้ารูป ดูสมส่วน มีมิติมากขึ้น


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ29คน
โบท็อกซ์ปีกจมูก

โบท็อกซ์ปีกจมูก แก้ปัญหาจมูกบาน ปรับทรงจมูกสวยได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด

Categories
botox
โบท็อกซ์ปีกจมูก

โบท็อกซ์ปีกจมูก

คนที่มีปัญหาจมูกบาน ปีกจมูกใหญ่ ใบหน้าไม่มีมิติ ไม่ได้สัดส่วน อยากปรับปีกจมูกให้แคบลง มีจมูกเรียวขึ้นแต่ไม่อยากผ่าตัดปีกจมูก ไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่อยากมีแผล การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก เป็นตัวช่วยหนึ่งในการปรับทรงจมูกให้เรียวสวยได้ครับ 

สำหรับใครที่สนใจฉีดโบท็อกลดปีกจมูก ในบทความนี้หมอจะมาให้ข้อมูลเพื่อเป็นข้อตัดสินใจเลือกฉีด Botox ปีกจมูก โบท็อกซ์ปีกจมูก ช่วยลดจมูกบานได้อย่างไร ? เหมาะกับใคร ? ต่างจากโบท็อกซ์รัดแกนจมูกอย่างไร ? เปรียบเทียบโบท็อกซ์ปีกจมูก VS ตัดปีกจมูก เลือกแบบไหนดี ? 

สารบัญ โบท็อกซ์ปีกจมูก

  1. โบท็อกซ์ปีกจมูก คืออะไร ?
  2. โบท็อกซ์ปีกจมูก ช่วยลดจมูกบานได้อย่างไร ?
  3. โบท็อกซ์ปีกจมูกเหมาะกับใคร ?
  4. เปรียบเทียบโบท็อกซ์ปีกจมูก VS ตัดปีกจมูก
  5. ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกอันตรายไหม ?
  6. ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกใช้ยี่ห้อไหนดี ?
  7. โบท็อกซ์ปีกจมูก ราคาเท่าไร ?
  8. โบท็อกซ์ปีกจมูก อยู่ได้นานไหม ?
  9. ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก ใช้กี่ยูนิต ?
  10. ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก กับโบท็อกซ์รัดแกนจมูก ต่างกันอย่างไร ? 
  11. ฉีดโบปีกจมูก เจ็บไหม ?
  12. ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก กี่วันเห็นผล ?
  13. ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก ที่ไหนดี ?
  14. ก่อนฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกควรเตรียมตัวอย่างไร
  15. ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกเป็นอย่างไร ?
  16. คำแนะนำหลังฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก
  17. ผลข้างเคียงที่อาจเกิดหลังฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก
  18. รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก

โบท็อกซ์ปีกจมูก คืออะไร ?

โบท็อกซ์ปีกจมูก คืออะไร

การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก คือ การฉีดโบท็อก (Botox) ไปยังบริเวณปีกจมูกทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้ตัวยาไปออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อไดเลเตอร์ นาริส (Dilator naris) ที่ทำหน้าที่ขยายปีกจมูกให้กว้างและบานขึ้นเมื่อเราพูด ยิ้ม หัวเราะ 

โบท็อกจะช่วยให้กล้ามเนื้อปีกจมูกคลายตัวและอ่อนแรงลง เมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะหดเล็กลง ส่งผลให้รูจมูกดูเล็กและจมูกเรียวขึ้น เวลาเราพูดหรือหายใจแรง ๆ ปีกจมูกก็จะไม่กางออก รูจมูกดูแคบและเรียว เมื่อเทียบกับตอนที่ยังไม่ได้ฉีดโบท็อกครับ


โบท็อกซ์ปีกจมูก ช่วยลดจมูกบานได้อย่างไร ?

โบท็อกซ์ปีกจมูก ช่วยลดจมูกบานได้อย่างไร

การฉีดโบท็อกซ์ลดปีกจมูก หมอจะต้องฉีดไปยังตำแหน่งกล้ามเนื้อ Dilator Naris ที่เป็นกล้ามเนื้อมัดเล็ก ทำหน้าที่ให้จมูกหุบและบาน และกล้ามเนื้อ Transverse nasalis ที่ทำให้จมูกบานมากขึ้น ปีกจมูกยกขึ้นเวลายิ้มหรือหัวเราะ หลังฉีดแล้วตัวยาจะไปออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อสองมัดนี้คลายตัวลง ไม่สามารถหดตัวและดึงปีกจมูกขึ้นได้ จึงช่วยให้ปีกจมูกดูแคบ เล็ก และบางลงประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เวลาพูดหรือยิ้มปีกจมูกจะไม่กางออกครับ 

แต่การฉีดโบท็อกปีกจมูกที่เห็นผลนั้น ก่อนฉีดจะต้องให้หมอวินิจฉัยก่อนว่าคนไข้มีปัญหาจมูกบานจากสาเหตุอะไร หากหมอประเมินว่ามีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อ ก็สามารถแก้ไขด้วยการฉีดโบท็อกครับ 


โบท็อกซ์ปีกจมูกเหมาะกับใคร ?

  • คนที่มีจมูกบาน ปีกจมูกใหญ่จากกล้ามเนื้อ จมูกบานขึ้น สังเกตได้ชัดเมื่อแสดงอารมณ์ เช่น โกรธ ตื่นเต้น ตกใจ
  • คนที่อยากลดขนาดปีกจมูกให้เล็กลง แต่กลัวการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น 
  • คนที่ไม่อยากมีแผลผ่าตัด มีภาวะเสี่ยงแผลคีลอยด์
  • คนที่ต้องการลดขนาดปีกจมูกแบบเห็นผลรวดเร็ว 
  • คนที่ขาดความมั่นใจ ไม่กล้ายิ้มหรือหัวเราะ 

เปรียบเทียบโบท็อกซ์ปีกจมูก VS ตัดปีกจมูก

โบท็อกซ์ปีกจมูก

การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก จะเหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่ต้องการมีแผล ไม่มีเวลาพักฟื้น หลังฉีดจมูกจะไม่บานเวลาพูดหรือหัวเราะ แต่จะไม่ได้เห็นผลชัดเจนในคนที่มีปัญหาปีกจมูกบานมาก ๆ นิยมทำร่วมกับการฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก

โบท็อกซ์ปีกจมูก ข้อดีโบท็อกซ์ปีกจมูก ข้อเสีย
ราคาถูกกว่าการตัดปีกจมูกใช้เวลาฉีดไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดใช้หน้าได้เลยเหมาะสำหรับคนที่กลัวการผ่าตัด ไม่อยากมีแผล กลัวแผลติดเชื้อ สามารถฉีดโบท็อกปีกจมูกได้เรื่อยๆ หากผิดพลาดจะแก้ไขได้ รอให้โบท็อกสลายไปเองผลลัพธ์อยู่ได้ชั่วคราว ต้องกลับมาฉีดซ้ำไม่เหมาะกับคนที่มีจมูกบานมาก ๆ มีเนื้อจมูกเยอะ

ตัดปีกจมูก

การตัดปีกจมูก จะเหมาะกับคนที่มีจมูกบานมาก ๆ จมูกชมพู่ มีเนื้อจมูกเยอะ การตัดปีกจมูกจะมี 2 เทคนิค คือแบบแผลนอก – แผลใน หลังทำจะมีรอยแผล ต้องดูแลแผลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด 

ตัดปีกจมูก ข้อดีตัดปีกจมูก ข้อเสีย
ให้ผลลัพธ์ถาวร เหมาะสำหรับคนที่มีปีกจมูกบานมาก ๆ มีเนื้อจมูกเยอะปรับทรงปีกจมูก ลดขนาดของรูจมูกได้ตามต้องการ
ต้องผ่าตัด และมีแผล มีอาการบวมช้ำ หากดูแลแผลไม่ดี เสี่ยงแผลติดเชื้อต้องใช้เวลาในการพักฟื้น ผ่าตัดแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ หากเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน แพทย์ไม่มีประสบการณ์ จะเพิ่มความเสี่ยงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ตัดปีกจมูกไม่เท่ากัน มีอาการอักเสบ

สรุป เปรียบเทียบโบท็อกซ์ปีกจมูก VS ตัดปีกจมูก การฉีดโบท็อกปีกจมูก จะเหมาะสำหรับคนที่จมูกบานจากกล้ามเนื้อ เพราะการผ่าตัดไม่สามารถแก้ปัญหาจมูกบานจากสาเหตุของกล้ามเนื้อได้ แต่หากคนไข้มีปีกจมูกบานจากกระดูกอ่อน หมอแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดตกแต่งปีกจมูก ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า เนื่องจากฤทธิ์ของโบท็อกไม่สามารถทำให้กระดูกอ่อนหดเล็กลงได้ครับ

ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำ ควรให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ทำการประเมินทรงจมูกเดิมในเบื้องต้น เพื่อแพทย์จะได้เลือกวิธีที่เหมาะสมให้ครับ


ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกอันตรายไหม ?

ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก ไม่อันตรายครับ และไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง เพราะโบท็อกเป็นสารสกัดโปรตีนที่ได้จากแบคทีเรีย Clostridium ซึ่งได้มีการศึกษาและมีงานวิจัยรองรับว่าไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย มีความปลอดภัยสูง หลังฉีดสามารถสลายไปได้หมดทั้ง 100% 


ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกใช้ยี่ห้อไหนดี ?

จุดสังเกต โบท็อกซ์แท้ ยี่ห้อต่าง ๆ | V Square Clinic
ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกใช้ยี่ห้อไหน

ฉีดโบท็อกลดปีกจมูก สามารถใช้โบท็อกได้หลายยี่ห้อครับ ตัวอย่างยี่ห้อโบท็อกที่ผ่าน อย. ไทย เช่น โบท็อกเกาหลียี่ห้อ( Nabota/ Aestox), โบท็อกอังกฤษ ยี่ห้อ Dysport ,โบท็อกเยอรมัน ยี่ห้อ Xeomin และโบท็อกอเมริกา ยี่ห้อ Allergan

แต่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้โบท็อกเกาหลี เพราะใช้ปริมาณน้อย จึงมีความคุ้มค่า คุ้มราคา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้ และคำแนะนำจากแพทย์ครับ

ยี่ห้อโบท็อกเกาหลี
ยี่ห้อโบท็อกเกาหลี(1)

โบท็อกยี่ห้อ Aestox 

  •  ตัวยามีความบริสุทธิ์ ทำให้โอกาสดื้อโบท็อกลดน้อยลง
  • ออกฤทธิ์เร็ว และเห็นผลไว
  • มีความอ่อนโยน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง

โบท็อกยี่ห้อ Nabota

  • ออกฤทธิ์ไว เห็นผลเร็ว จากการใช้งานพบว่ามีการออกฤทธิ์ไวกว่าโบท็อกเกาหลียี่ห้ออื่นเล็กน้อย 
  • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลเร่งด่วน
  • เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย. อเมริกา U.S.FDA approved (2018)
วิธีดู โบท็อกซ์ปลอม โบท็อกหิ้ว? โบท็อกแต่ละยี่ห้อ มีข้อควรระวังอะไร? l หมอ V Square แชร์หมดเปลือก

โบท็อกซ์ปีกจมูก ราคาเท่าไร ?

V Square Clinic โบท็อกซ์ปีกจมูก ราคาเริ่มต้นที่ 3,000.-/ 25 U 

Landingpage_Botox_เฉพาะจุด_ใส่รูป_2024

โบท็อกเกาหลี Nabota/Aestox


โบท็อกซ์ปีกจมูก อยู่ได้นานไหม ?

หลังฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก อยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกที่ฉีด ยี่ห้อโบท็อกที่ใช้ ปริมาณกล้ามเนื้อจมูก รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกครับ

หลังโบท็อกสลายแล้ว คนไข้สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ ครับ หากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น แต่ควรเว้นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ฉีดถี่จนเกินไป โดยควรเว้นระยะห่างจากการฉีดครั้งล่าสุด 3 เดือน  เพราะการฉีดโบท็อกถี่เกินไป อาจทำให้ดื้อโบท็อกในการฉีดครั้งต่อ ๆ ไปได้ครับ


ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก ใช้กี่ยูนิต ?

ฉีด Botox ปีกจมูก จะใช้โบท็อกอยู่ที่ประมาณ 25 U (ยูนิต) ครับ ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ในแต่ละเคส ดังนั้นก่อนฉีดควรให้หมอที่มีประสบการณ์ทำการประเมินใบหน้าเบื้องต้น เพื่อคำนวณปริมาณโบท็อกที่เหมาะสม


ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก กับโบท็อกซ์รัดแกนจมูก ต่างกันอย่างไร ? 

ตำแหน่งฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก
ตำแหน่งฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก เพื่อให้จมูกเล็กลง โด่งขึ้น และยังช่วยลดรอยย่นได้ด้วย

ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก กับโบท็อกซ์รัดแกนจมูก ต่างกันที่ตำแหน่งที่ฉีดครับ โบท็อกซ์ปีกจมูกจะฉีดบริเวณปีกจมูกทั้ง 2 ข้าง เพื่อแก้ปัญหาจมูกบาน ส่วนโบท็อกซ์รัดแกนจมูกจะฉีดที่ด้านข้างจมูก (ตามจุดสีเหลืองดังภาพตัวอย่าง) เพื่อแก้ปัญหาจมูกไม่โด่ง

สาเหตุที่ต้องฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูกจุดนี้ เนื่องจากเวลายิ้มสันจมูกของเราจะแบนหรือแฟบลง ทำให้ด้านข้างจมูกดูกว้างขึ้น เกิดจากกล้ามเนื้อสันจมูกหดตัว เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้หดตัว จะกดสันจมูกและปลายของกระดูกอ่อนให้แบนราบลง ทำให้จมูกแบน ไม่โด่ง ไม่มีสันคม เมื่อเราฉีดโบท็อกเข้าไปด้านข้างสันจมูก กล้ามเนื้อมัดนี้จะคลายตัว สันจมูกก็จะดูชัดขึ้นกว่าเดิม จมูกดูโด่งขึ้น มีสันคมชัดขึ้นครับ


ฉีดโบปีกจมูก เจ็บไหม ?

ฉีดโบปีกจมูก เจ็บเล็กน้อยครับ เนื่องจากบริเวณจมูกมีเส้นประสาทเยอะ จึงมีการตอบสนองไวกว่าจุดอื่น ๆ หากคนไข้กลัวเจ็บ สามารถแจ้งทางคลินิกให้แปะยาชาได้ครับ และขณะฉีดจะมีการประคบน้ำแข็ง เพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือดรอบ ๆ บริเวณที่ฉีด ช่วยลดความเจ็บ และป้องกันไม่ให้โบท็อกปลิวไปยังจุดที่ไม่ต้องการ


ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก กี่วันเห็นผล ?

หลังฉีดโบท็อกปีกจมูก จะเห็นผลใน 1-2 อาทิตย์ครับ กล้ามเนื้อที่ใช้ดึงปีกจมูกจะไม่ทำงาน ปีกจมูกดูเล็กและแคบลง ไม่ขยับเวลาพูดหรือหัวเราะ 


ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก ที่ไหนดี ?

ฉีดโบท็อกซ์ ที่ไหนดี โดย หมอชิน
ก่อนฉีดโบท็อก แพทย์จะต้องแกะกล่อง เปิดขวดและดึงยาให้คนไข้ดูต่อหน้า เพื่อตรวจสอบว่าเป็นโบท็อก แท้
  • ก่อนฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกที่ไหนดี อันดับแรกควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ได้มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข มีใบอนุญาตถูกต้อง และดำเนินงานโดยแพทย์เท่านั้น
  • ใช้โบท็อกแท้และได้มาตรฐาน มีตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้อง บริษัทยาจะต้องขายให้กับคุณหมอที่มีใบอนุญาตเท่านั้น 
  • คลินิกต้องมีอุปกรณ์ และเครื่องมือในการช่วยเหลือยามฉุกเฉิน มีพื้นที่และห้องการทำหัตถการที่กว้างขวาง มีความสะอาด ไม่ทึบหรือแออัด 
  • เลือกคลินิกที่เดินทางสะดวก มีบริการขนส่งมวลชนที่หลากหลาย เข้าถึงง่าย มีบริการที่จอดรถและหากมีหลายสาขาก็จะยิ่งดี เพราะสะดวกต่อการไปพบหมอ  
  • มีช่องทางการติดต่อที่สะดวกหรือควรมีการ follow up  ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ก่อนทำ-หลังทำอย่างใกล้ชิด และมีช่องทางติดต่อสอบถามเกี่ยวกับปัญหากับหมอโดยตรง
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ เช่น จาก Feedback ที่คนไข้มารีวิว เพราะถ้าหากคนไข้มารีวิวแล้วทางคลินิกจะไม่สามารถลบออกได้
  • ให้คำแนะนำและประเมินปัญหาใบหน้าอย่างตรงจุดและตรงไปตรงมา ไม่มีเซลส์ขายคอร์สให้กับคนไข้

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกควรเตรียมตัวอย่างไร ?

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกควรเตรียมตัวอย่างไร
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก รวมถึงวิธีการสังเกตโบท็อกแท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัย
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินปัญหาใบหน้า และวางแผนการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม
  • ฉีดโบท็อกแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น เพื่อลดโอกาสการดื้อยาและเกิดผลข้างเคียง
  • ควรให้แพทย์เปิดขวดใหม่ ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป และควรขอกล่องและขวดกลับบ้านไว้ตรวจสอบ เพื่อมั่นใจว่าเป็นของแท้
  • งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, Ponstan
  • งดสครับใบหน้า คอร์สเลเซอร์ แว็กผิวหรือนวดหน้าบริเวณที่ฉีด 2-3 วัน เพื่อลดอาการเขียวช้ำ 
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรปรึกษาหรือแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกเป็นอย่างไร ?

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก โดยหมอซี
  • พบแพทย์เพื่อปรึกษาประเมินปัญหาเกี่ยวกับรูปทรงจมูก 
  • แพทย์แนะนำยี่ห้อของโบท็อก และคำนวณยูนิตที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
  • ทำความสะอาดผิวหน้า หากคนไข้กลัวเจ็บสามารถแปะยาชา หรือประคบน้ำแข็งเพื่อบรรเทาความเจ็บได้
  • แพทย์ฉีด Botox ในตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข 

คำแนะนำหลังฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก

คำแนะนำหลังฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก
  • หลังฉีดโบปีกจมูกทันที ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีด 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด
  • แนะนำให้ทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เพื่อช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น และทำงานดีขึ้น
  • หลังฉีดโบท็อก 3 ชั่วโมง งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มหัวต่ำกว่าอก เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ส่งผลให้โบท็อกที่ฉีดปลิวไปบริเวณที่ไม่ต้องการได้
  • หลังฉีดโบท็อก 48 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด ทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF thermage 
  • งดอาหารที่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก เช่น อาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาเป็นเวลานาน
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด  เนื่องจากจะส่งผลต่อการอักเสบ ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
Vsquare tips

มีงานวิจัยระบุว่าการกิน Zinc 50 mg/วัน ก่อนและหลังฉีดโบท็อก จะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวและอยู่ได้นานขึ้น  วัยผู้ใหญ่ควรได้รับแร่ธาตุสังกะสี 12-15 มิลลิกรัม/วัน โดยพบได้มากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ตับ อาหารทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอยนางรม และธัญพืช


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดหลังฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก

  • ผลข้างเคียงหลังฉีดโบปีกจมูก คนไข้อาจรู้สึกตึง ปวดเมื่อยบริเวณที่ฉีด เป็นอาการปกติที่ไม่อันตรายครับ 
  • หากมีอาการปวด คนไข้สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ ผลข้างเคียงนี้จะเป็นแค่ชั่วคราว จะหายได้เองใน 2-3 วัน 
  • ระหว่างนี้คนไข้ควรงดจับ กด หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้เกิดการช้ำจากรอยลงเข็ม หรือหากมือไม่สะอาดอาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่แผลจากรอยเข็มได้ครับ

รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก

รีวิวโบท็อกซ์ปีกจมูก

รีวิวฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก

ก่อนฉีด รีวิวโบท็อกซ์ปีกจมูกในเคสนี้ คนไข้มีปัญหาปีกจมูกบาน กรามใหญ่ คางสั้น ส่งผลให้ใบหน้าดูกลม 

หลังฉีด  จมูกดูโด่งขึ้น กรามลดลง คางยาวได้รูป ใบหน้าโดยรวมดูเรียว เป็นธรรมชาติ

รีวิวโบท็อกซ์ปีกจมูก

ก่อนฉีด รีวิวโบท็อกซ์ปีกจมูกในเคสนี้ คนไข้มีปัญหาปีกจมูกบาน ทำให้โดยรวมดูกลม ไม่มีมิติ 

หลังฉีด  ปีกจมูกแคบลง จมูกเรียวเป็นทรงมากขึ้น 


สรุป

คนที่มีปัญหาจมูกบาน แต่ไม่อยากผ่าตัดปีกจมูก การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เห็นผล มีราคาไม่แพง เห็นผลไว มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก นอกจากจะช่วยลดปีกจมูกให้เล็กลงได้แล้ว ยังสามารถฉีดรัดแกนจมูก ให้สันจมูกคมชัดขึ้น และช่วยลดริ้วรอยบริเวณสันจมูก ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ลงได้

ก่อนฉีดควรให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ทำการประเมินใบหน้าเบื้องต้น เพื่อคำนวณปริมาณโบท็อก รวมถึงแนะนำยี่ห้อโบท็อกที่เหมาะสม หากคนไข้สนใจสามารถส่งรูปมาให้หมอประเมินก่อนได้ ทีมแพทย์ V Square Clinic ยินดีให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

หมอให้คำปรึกษา_หมอ29คน