บทความทั้งหมด

Volnewmer คืออะไร ? ช่วยอะไร ? เหมาะกับใคร ? ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

Categories
knowledge
Volnewmer

Volnewmer คืออะไร ?

Volnewmer (โวลนิวเมอร์) เป็นเครื่องยกกระชับใหม่ล่าสุดจากเกาหลีที่กำลังได้รับความสนใจ เพราะเทรนด์ความงามในปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องผิวสุขภาพดีเป็นหลัก และ Volnewmer ก็มีจุดเด่นในการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวเฟิร์มกระชับ อิ่มฟู เรียบเนียน

มาทำความรู้จัก Volnewmer ให้มากขึ้น Volnewmer คืออะไร ? เหมาะกับใคร ? ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ? แตกต่างจากเครื่องยกกระชับอื่นอย่างไร ? ทำ Volnewmer ดีไหม ? ราคาเท่าไหร่ ? ก่อนตัดสินใจได้ในบทความนี้

สารบัญ Volnewmer คืออะไร


Volnewmer คืออะไร ?

Volnewmer เป็นเครื่องอะไร ?

Volnewmer เป็นเครื่องยกกระชับจากประเทศเกาหลี ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ ทำให้ผิวหย่อนคล้อยกลับมาแน่นกระชับ ผิวเฟิร์ม อิ่มฟู เรียบเนียน เต่งตึง โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

เครื่อง Volnewmer
เครื่อง Volnewmer

จุดเด่นที่แตกต่างจากเครื่องทั่วไป

  • Real Time Impedance Detection : มีระบบวัดความต้านทานผิวอัตโนมัติ หากหัวทิปไม่แนบสนิทกับผิว การส่งพลังงานจะหยุดทันที ทุก Shot ที่ยิงจึงมีความแม่นยำ
  • Continuous Water-Cooling : มีระบบน้ำหล่อเย็นอย่างต่อเนื่อง ปกป้องผิวชั้นบนจากความร้อนทั้งก่อน ระหว่าง และหลังยิงพลังงาน ทำให้สบายผิวขณะทำ
  • Curved & Tilted Tip Head : หัวทิปโค้งมน ยืดหยุ่น ปรับเอียงได้ให้เข้ากับสรีระใบหน้าของแต่ละคน เข้าถึงได้ทุกซอกทุกมุม แนบสนิทกับผิวได้ดี
  • 4 Different Tips : มี 4 หัวทิปให้เลือกใช้งานตามปัญหาผิว เช่น ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือต้องการปรับสภาพผิว
  • Hidden Edge Technology : หัวทิปแบบยกขอบ ออกแบบมาพิเศษ ป้องกันความร้อนสะสมที่ขอบหัวทิป ลดความเสี่ยงผิวเบิร์น

Volnewmer ผลิตจากประเทศอะไร ?

บริษัทผู้ผลิต และนำเข้า Volnewmer

Volnewmer ผลิตโดยบริษัท Classy Inc จากประเทศเกาหลีใต้ ผู้ผลิตเดียวกับเครื่อง Ultraformer III และ Ultraformer MPT นำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยบริษัท ควอนตั้ม เฮลท์แคร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

เทคโนโลยีของ Volnewmer

Volnewmer ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monpolar RF) ที่ความถี่ 6.78 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ส่งความร้อนลงใต้ชั้นผิว

กระบวนการทำงาน Volnewmer
Volnewmer ส่งพลังงานลงใต้ชั้นผิว

Volnewmer มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?

กระบวนการทำงานของ Volnewmer แบ่งออกเป็น 4 สเต็ป ดังนี้

  1. วางหัวทิปลงบนผิวหนังในตำแหน่งที่ต้องการทำ Volnewmer
  2. หัวทิปจะทำการตรวจสอบค่าความต้านทานผิว (Impedance Check) โดยอัตโนมัติ และเปิดใช้งานระบบ Cooling System จากนั้นจึงส่งพลังงานความร้อนที่แม่นยำลงชั้นผิว
  3. พลังงานความร้อน RF ลงลึกถึงชั้นหนังแท้ ขณะเดียวกันก็จะปล่อย Continuous Water-Cooling ช่วยปกป้องชั้นบนไม่ให้เกิดการเบิร์น
  4. Volnewmer ช่วยกระตุ้นการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว และทำให้ผิวกระชับ เต่งตึงขึ้น

ความปลอดภัยและมาตรฐานการรับรอง

  • องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA)
  • กระทรวงความปลอดภัยอาหารและยา สาธารณรัฐเกาหลี (MFDS)
  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย

Volnewmer vs Thermage

ทั้ง 2 เครื่อง ใช้พลังงาน Monopolar RF เหมือนกัน พลังงานลงลึกถึงผิวชั้นหนังแท้เหมือนกัน โดย Thermage เป็นเครื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกา พลังงานที่ส่งลงใต้ผิวจะเป็นก้อนพลังงาน ลงลึกถึงชั้นไขมัน จึงยกกระชับ และสลายไขมันได้ในคราวเดียว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และมีราคาสูงกว่า

Volnewmer vs Hifu

Volnewmer กับ Hifu เป็นเครื่องที่ผลิตจากบริษัทเดียวกัน แต่ทำงานต่างกัน เพราะคนละพลังงาน Hifu จะใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง (High Intensity Focused Ultrasound) พลังงานลงลึกได้ถึงชั้น SMAS ซึ่งอยู่ใต้ชั้นไขมันลงไป จึงเด่นในเรื่องยกกระชับ และปรับรูปหน้าเรียว

Volnewmer vs Ulthera

พลังงานของ Ulthera เป็นแบบเดียวกับ Hifu จึงลงลึกได้มากกว่า Volnewmer เด่นเรื่องยกกระชับ เพราะลงลึกถึงชั้น SMAS ตัวเครื่องมีหน้าจอแสดงชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวและยิงได้แม่นยำ ทำ 1 ครั้ง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน

เครื่องยกกระชับ Ulthera Prime ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

Volnewmer vs Oligio

Volnewmer และ Oligio เป็นเครื่องสัญชาติเกาหลีเหมือนกัน ใช้พลังงาน Monopolar RF เหมือนกัน และให้ผลลัพธ์เรื่องงานผิวเรียบเนียน และสลายไขมันได้เช่นเดียวกัน มีหัวทิป Oligio ให้เลือก 2 หัว คือ หัว Face กับหัว Eye และดีไซน์หัวทิปที่มีความแตกต่างกัน

Volnewmer vs Morpheus

เครื่อง Morpheus8 รวมเอาเทคโนโลยีไมโครนีดลิ่ง (Microneedling) กับคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ไว้ด้วยกัน เด่นเรื่องกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวยกกระชับและเรียบเนียน ตอนทำจะรู้สึกเจ็บกว่าทำ Volnewmer เพราะหัวทิปเป็นเข็มขนาดเล็ก หลังทำผิวอาจแดงและเกิดสะเก็ดได้ ไม่เหมาะกับคนที่กลัวเข็มหรือผิวบอบบาง

Volnewmer vs Emface

Emface ใช้พลังงาน HIFES (High-Intensity Focused Electromagnetic Stimulation) กับคลื่นวิทยุ Sync RF (Synchronized Radiofrequency) ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้แข็งแรง และกระตุ้นคอลลาเจน ต้องทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 4 ครั้ง ห่างกัน 1 สัปดาห์ ถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของเครื่องยกกระชับแต่ละตัว

รวมเครื่องยกกระชับ
ตารางเปรียบเทียบเครื่องยกกระชับผิว

จุดเด่นของ Volnewmer

4 หัวทิป ให้เลือกใช้ตามตำแหน่งและปัญหา

  • หัวทิป I Tip (Eyes) ขนาด 0.25 cm2 ลดริ้วรอย ฟื้นฟูผิวบริเวณรอบดวงตา
  • หัวทิป F Tip (Face Contouring) ขนาด 3.0 cm2 ยกกระชับ เก็บกรอบหน้าคมชัด
  • หัวทิป V Tip (Face) ขนาด 4.0 cm2 ยกกระชับผิวหน้าหย่อนคล้อย ลดริ้วรอยร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
  • หัวทิป S Tip (Body) ขนาด 16.0 cm2 ยกกระชับบริเวณลำตัว เช่น หน้าท้อง แขน ต้นขา

วัสดุหัวทิปทองคำ (Gold RF Technology)

Volnewmer ใช้หัวทิปทองคำ ทองคำเป็นวัสดุที่นำความร้อนและความเย็นได้ดี ส่งพลังงานได้ดีกว่าหัวทิปทั่วไปถึง 4 เท่า และปล่อยพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

การใช้งานหัวทิปไม่มี Time Limit

หัวทิป ไม่มี Time Limit ช่วยลดต้นทุนการเปลี่ยนหัวทิป และทำให้ Volnewmer ราคาต่อครั้งถูกกว่าเครื่องยกกระชับที่หัวทิปที่มี Time Limit

Continuous Water-Cooling ป้องกันผิวเบิร์น

น้ำเย็นจะถูกปล่อยออกมาบนผิวชั้นบนในระหว่างการทำการรักษา ช่วยลดความร้อนและป้องกันการไหม้ ซึ่งจะแตกต่างจากเครื่อง Monopolar RF ที่ส่วนใหญ่ใช้ Cryogen หรือ Cooling Spray ซึ่งเป็นการเป่าลมเย็นก่อนและหลังยิงพลังงานเท่านั้น แต่ระหว่างยิงจะไม่มีลมเย็นออกมา

เจ็บน้อย สบายผิวด้วยระบบสั่น

Volmewmer มีระบบสั่นที่ออกแบบมาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะทำ ทำให้คนไข้รู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น

เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ต่อเนื่อง ดูเป็นธรรมชาติ

หลังทำ Volnewmer สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที และมีการฟื้นฟูผิวที่ต่อเนื่องจากคอลลาเจนใหม่ที่สร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ


Volnewmer ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? ช่วยอะไร ?

Volnewmer รอบดวงตา

ลดริ้วรอยตื้น ๆ ใต้ตาและหางตา ยกคิ้วตกและหางตาตก

Volnewmer แก้ม

ยกกระชับแก้มที่ห้อย ลดกระเปาะแก้ม ริ้วรอยร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก

Volnewmer ทั่วหน้า

กระตุ้นคอลลาเจน ปรับผิวกระชับ เรียบเนียน เติม Volume ให้ผิวอิ่มฟู

Volnewmer ตัว

ยกกระชับหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขาที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น


Volnewmer เหมาะกับใคร ?

กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะกับทำ Volnewmer

  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ขาดวอลลุ่ม
  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าตอบ หน้าห้อย
  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้า
  • ผู้ที่ต้องการมีคุณภาพผิวที่ดี เพิ่ม Skin Quality
ทำ Volnewmer_คุณหมิว Influencer

Volnewmer อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ระยะเวลาอยู่ได้นานโดยเฉลี่ย

Volnewmer อยู่ได้นาน 6-8 เดือน แนะนำทำซ้ำปีละ 1-2 ครั้ง หรือเร็วสุดทุก 3 เดือน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาอยู่ได้นาน

  • อายุ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล เช่น ผู้ที่มีอายุมากหรือผิวเสื่อมสภาพมาก อาจต้องทำซ้ำบ่อยขึ้นเพื่อคงผลลัพธ์
  • การดูแลตัวเองหลังทำ
    • หลีกเลี่ยงการนวด ถู เกาบริเวณที่ทำ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ ทำเลเซอร์ ประมาณ 2 สัปดาห์
    • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอย เช่น โดนแดดนาน ๆ สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
    • หมั่นทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง เพื่อปกป้องผิว
    • หมั่นทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทำให้ผิวชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวได้เต็มประสิทธิภาพ
  • การกลับมาทำซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปควรทำซ้ำทุก 6-12 เดือน
  • การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีประสบการณ์ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษา

ข้อดีและข้อควรระวังของ Volnewmer

ข้อดีของ Volnewmer

จุดเด่น ข้อดี volnewmer
จุดเด่นและข้อดีของ volnewmer
  • ยกกระชับ กระตุ้นคอลลาเจนปรับคุณภาพผิว (Skin Quality) ให้ผิวอิ่มฟู แน่นกระชับ ยืดหยุ่น และเรียบเนียน
  • พลังงานลงลึกได้ถึง 4 mm ครอบคลุมผิวชั้นหนังแท้ทั้งส่วนบน (Papillary Dermis) และส่วนล่าง (Reticular Dermis)
  • เจ็บน้อย ด้วยระบบหล่อเย็นแบบต่อเนื่อง (Hydro Continuous Cooling) ซึ่งช่วยปกป้องผิวชั้นบนจากความร้อนทั้งก่อน ระหว่าง และหลังยิงพลังงาน จึงบรรเทาความรู้สึกเจ็บได้ดียิ่งขึ้น
  • หัวทิปพื้นผิวทองคำ (Gold RF Technology) ส่งพลังงานได้ดีกว่าหัวทิปทั่วไปถึง 4 เท่า และปล่อยพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ อ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง
  • หัวทิปซ่อนขอบ ออกแบบมาพิเศษ สามารถบิดเอียงได้ตามสรีระใบหน้า มีให้เลือกหลายหัวยิงตามปัญหาและตำแหน่งที่ต้องการทำ

ข้อควรระวังของ Volnewmer

  • ใช้ Volnewmer เครื่องปลอม ปล่อยพลังงานไม่คงที่ เสี่ยงต่อผิวไหม้หรือผลลัพธ์ไม่ชัดเจน
  • คลินิกที่ทำไม่ได้มาตรฐาน คลินิกที่น่าเชื่อถือควรแสดงใบรับรองการเทรนนิ่งของแพทย์ หรือ Certificate จากบริษัทผู้นำเข้าเครื่องอย่างเป็นทางการ
  • แพทย์ที่ทำ Volnewmer ให้ขาดประสบการณ์ ประเมินปัญหาไม่ตรงจุด ตั้งค่าพลังงานและระดับความลึกในการยิงไม่เหมาะสม
  • ราคา Volnewmer ถูกผิดปกติ อาจใช้เครื่องปลอมหรือคลินิกไม่ได้มาตรฐาน ควรสอบถามราคาและเงื่อนไขให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ
  • คลินิกไม่มีการติดตามผลหลังทำ หรือไม่มีช่องทางให้ติดต่อพูดคุยกับหมอโดยตรง ในกรณีที่มีข้อสงสัย เกิดผลข้างเคียงหลังทำ

เลือกคลินิกทำ Volnewmer อย่างไรให้ปลอดภัย

เช็กใบอนุญาตคลินิกและประสบการณ์แพทย์

  • คลินิกที่ได้มาตรฐาน เปิดให้บริการถูกต้องตามกฎหมาย จะมีเลขที่ใบอนุญาต จำนวน 11 หลัก ซึ่งออกโดยกระทรวงสาธารณสุขติดไว้หน้าคลินิก
  • Volnewmer ต้องทำโดยแพทย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา มีเลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้สามารถตรวจสอบได้ คลิกที่นี่

ใช้เครื่องแท้ตรวจสอบแหล่งที่มาได้

วิธีตรวจสอบว่าคลินิกไหนใช้ Volnewmer เครื่องแท้ จากบริษัท Classy Inc สามารถเช็กได้ที่เว็บไซต์ของ Quantum Healthcare ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทย คลิกที่นี่


Volnewmer ราคาเท่าไหร่ ?

Volnewmer ราคาแพงไหม ?

Volnewmer เป็นตัวเลือกที่ดีและมีราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ ถ้าเทียบราคาในกลุ่มเครื่องยกกระชับด้วยกัน ถือว่า Volnewmer ราคาอยู่ในระดับกลาง ๆ คลินิกมักมีโปรโมชันในช่วงเปิดตัว ทำให้ราคาถูกลง

โปรโมชัน ราคา Volnewmer ที่ V Square Clinic

Volnewmer ราคา
ราคา Volnewmer

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Volnewmer

Volnewmer เจ็บไหม ?

เจ็บน้อย และรู้สึกสบายขณะทำ เพราะมีระบบน้ำหล่อเย็นอย่างต่อเนื่อง ช่วยควบคุมอุณหภูมิผิว ทำให้รู้สึกอุ่น ๆ เท่านั้น ไม่ร้อนจี๋หรือแสบผิว

Volnewmer ต้องแปะยาชาไหม ?

คลินิกจะแปะยาชาให้ เพื่อให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายและสบายมากที่สุดระหว่างทำ คนที่กลัวเจ็บจึงไม่ต้องกังวล

Volnewmer ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ?

Volnewmer ทำร่วมกับ Ultraformer MPT เริ่มจาก Ultraformer MPT ก่อน (แนะนำ Ultraformer MPT 300 Line + Volnewmer 300 Shot จะได้ทั้งเรื่องการยกกระชับและงานผิว)

Volnewmer ต้องทำซ้ำบ่อยแค่ไหน ?

แนะนำทำปีละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับอายุ ถ้าต้องการคงผลลัพธ์ต่อเนื่อง สามารถทำเร็วสุดทุก 3 เดือน

หลังทำ Volnewmer บวมไหม ?

อาจมีอาการบวมได้เป็นปกติ ยุบบวมได้เองใน 3-7 วัน

สรุป Volnewmer กระชับผิวเฟิร์ม อิ่มฟู

รู้จัก Volnewmer คืออะไร ? เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ด้วยคลื่น Monopolar RF ใช้หัวทิปทองคำ ส่งพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อม Continuous Water-Cooling ช่วยลดความร้อนบนผิว ทำให้รู้สึกสบายขณะทำ และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ลดริ้วรอยตื้น ๆ เพิ่มคุณภาพผิวให้ผิวอิ่มฟู แน่น เนียนเด้ง


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ร่องแก้มลึก 370x277

มัดรวมวิธีแก้ปัญหาร่องแก้มลึก วิธีไหนเห็นผลดี แก้ ปัญหาได้ถูกจุด

Categories
knowledge
ร่องแก้มลึก

ร่องแก้มลึก

การมีร่องแก้มลึกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่อเราอายุมากขึ้นครับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ หลายคนมักกังวลเมื่อเริ่มสังเกตเห็นร่องแก้มที่ลึกขึ้นเรื่อย ๆ จึงพยายามมองหาวิธีแก้ร่องแก้มลึก วิธีลดริ้วรอยข้างแก้ม ร่องน้ำหมาก รวมถึงปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เพื่อให้ตัวเองยังคงความอ่อนเยาว์ ดูสดใส และมีความมั่นใจอยู่เสมอ

ปัจจุบันวิธีแก้ร่องแก้มลึก และปัญหาใบหน้าที่หย่อนคล้าย มีหลายวิธีที่ช่วยได้ครับ โดยเฉพาะวิธีทางการแพทย์ ที่สามารถเห็นผลได้เร็ว และมีความปลอดภัย ส่วนจะมีวิธีไหนบ้าง หมอได้รวบรวมมาตอบให้ในบทความนี้ พร้อมแนวทางป้องกัน รู้สาเหตุที่มา ร่องแก้มเกิดจากอะไร ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ทำให้ใบหน้าของเราดูแก่กว่าวัยครับ

สารบัญ ร่องแก้มลึก


ร่องแก้ม คือบริเวณใด ?

ร่องแก้ม หรือ ร่องลึกข้างแก้ม มีชื่อเรียกในทางการแพทย์ว่า Nasolabial fold เป็นร่องที่พาดผ่านจากข้างจมูกลงมาถึงมุมปาก เป็นโครงสร้างทางกายวิทยาที่มีความสำคัญต่อการแสดงออกทางสีหน้าและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า

ร่องแก้มประกอบด้วยโครงสร้างสำคัญหลายส่วน ได้แก่

  • ชั้นผิวหนัง (Skin layer)
  • ชั้นไขมัน (Fat layer)
  • กล้ามเนื้อใบหน้า (Facial muscles)
  • เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective tissue)

ร่องแก้มเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อการแสดงออกทางอารมณ์ เช่น การยิ้ม การหัวเราะ และการแสดงสีหน้าต่าง ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ร่องแก้มอาจมีการเปลี่ยนแปลงและลึกมากขึ้น ร่วมกับการมีร่องน้ำหมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณของความชรา

ลักษณะร่องแก้มลึก
(จากภาพจะเห็นว่าร่องแก้มมักเห็นชัดเจนมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งต่างจากช่วงวัยรุ่นที่ผิวยังเต่งตึง)

ร่องน้ำหมาก (Marionette lines) คือ ร่องที่พาดจากมุมปากลงมาถึงคาง มีลักษณะเป็นเส้นตรงลงด้านล่างทำให้ใบหน้าดูเศร้า หรือบึ้งตึง เกิดจากการหย่อนคล้อยของผิวและการสูญเสียไขมันบริเวณแก้มส่วนล่าง หากมีทั้งร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ก็จะยิ่งทำให้ดูแก่มากขึ้นครับ

ร่องแก้ม-ร่องน้ำหมาก

ร่องแก้มลึก เกิดจากอะไร ?

ปัญหาร่องแก้มลึก รวมถึงรอยย่นต่าง ๆ เกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งผลร่วมกัน โดยหลัก ๆ มาจากความหย่อนคล้อยของผิว ที่มีต้นเหตุจากคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวเกิดเสื่อมประสิทธิภาพลงจากอายุที่มากขึ้นครับ

สาเหตุร่องแก้มลึก

หากแยกสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาร่องแก้มลึก เป็นข้อ ๆ สามารถแบ่งได้ดังนี้

  1. ปัจจัยทางธรรมชาติ
    • อายุที่เพิ่มขึ้น : เมื่ออายุมากขึ้น เป็นตัวการหลักที่ทำให้หน้าหย่อนคล้อยร่องแก้มลึกเนื่องจากเกิดการเสื่อมของคอลลาเจนและอีลาสตินที่เป็นไปตามวัยครับ ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและหย่อนคล้อยลงเรื่อย ๆ
    • การสูญเสียปริมาณไขมันใต้ผิวหนัง : เมื่อไขมันลดลง ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อย เพราะขาดแรงพยุง จึงเกิดการยุบตัวลงของผิวบริเวณร่องแก้ม ทำให้ร่องที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติดูลึกชัดขึ้น แม้ไม่แสดงสีหน้า
    • การยุบตัวของกระดูก : เมื่อกระดูกบริเวณใต้ตาและบริเวณร่องแก้มเกิดการยุบตัวลง จะทำให้แก้มตอบแบน ร่องแก้มลึก
    • กรรมพันธุ์ : บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดร่องแก้มลึกมากกว่าคนอื่น ๆ เนื่องจากกรรมพันธุ์
  2. ปัจจัยภายนอก
    • การสัมผัสแสงแดดมากเกินไป : รังสียูวีในแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ชั้นผิวบางลง เกิดรอยพับได้ง่าย
    • การใช้ชีวิตประจำวัน : พฤติกรรมความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ สามารถทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ทำให้ผิวหย่อนคล้อย และร่องแก้มลึกได้เร็วขึ้นครับ
  3. ปัจจัยจากพฤติกรรม
    • การนอนตะแคง : การนอนตะแคงเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดแรงกดทับบนใบหน้า ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดร่องแก้มลึกได้
    • การแสดงสีหน้า ยิ้มบ่อย ๆ : การยิ้มบ่อย ๆ สามารถทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป เห็นเป็นริ้วรอยข้างแก้ม และร่องมุมปากได้
    • การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว : การลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน หรือการออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป อาจทำให้ไขมันที่แก้มหายไป ผิวจึงหย่อนคล้อยได้เร็วครับ

ริ้วรอยร่องแก้มลึก พบมากช่วงวัยไหน ?

ปัญหาริ้วรอยร่องลึก ร่องแก้มลึก มักมาตามอายุที่มากขึ้น โดยคนที่มีอายุ 20-30 ปี จะเริ่มเห็นริ้วรอยตื้น ๆ และเห็นชัดขึ้นเมื่อแสดงสีหน้า

ร่องแก้มลึกแก้มหย่อนคล้อยตามวัย

ส่วนคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป จะเห็นร่องแก้มลึกมากขึ้น แม้ไม่แสดงสีหน้าก็สามารถเห็นริ้วรอยได้ชัด ตัวอย่างเช่น

ร่องแก้มลึกใน วัย 30-40 ปี

  • เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของผิวที่สังเกตได้
  • ร่องแก้มเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อแสดงสีหน้า
  • ความยืดหยุ่นของผิวเริ่มลดลง

ร่องแก้มลึกใน วัย 40-50 ปี

  • ร่องแก้มชัดเจนขึ้นแม้ไม่แสดงสีหน้า
  • การสูญเสียปริมาณไขมันใต้ผิวหนังมากขึ้น
  • ริ้วรอยเริ่มลึกและถาวรมากขึ้น

ร่องแก้มลึกใน วัย 50 ปีขึ้นไป

  • ร่องแก้มลึกชัดเจน
  • ผิวหย่อนคล้อยมากขึ้น
  • การฟื้นฟูของผิวช้าลง

ลักษณะของโหงวเฮ้งร่องแก้มที่ดี เป็นอย่างไร ?

ตามหลักโหงวเฮ้ง ร่องแก้มมีความสำคัญต่อโชคชะตาและความเจริญรุ่งเรือง โดยลักษณะที่ดีมีดังนี้

  • ลักษณะที่เป็นมงคล หรือ ลักษณะเด่น คือ ร่องแก้มไม่ลึกจนเกินไป แก้มควรเอิบอิ่ม แก้มไม่ตอบ รับกับแนวกราม ไม่หย่อนคล้อย ซึ่งความเชื่อทางโหงวเฮ้ง เชื่อว่าจะมีบริวารซื่อสัตย์รับใช้ เรียกว่า บริวารดี พึ่งได้ มีความมั่งคั่ง ชีวิตยามชราสุขสบาย
  • ลักษณะที่ไม่เป็นมงคล หรือ ลักษณะด้อย : แก้มตอบ ยุบลง ร่องแก้มลึกแก้มหย่อนคล้อย มีร่องแก้ม-ร่องมุมปากลึก จะพบกับปัญหาบริวารที่ไม่ซื่อตรง ไม่เชื่อฟัง เข้าตำรา “ทำคุณบูชาโทษ” คือให้บุญเขาแต่โดนตอบรับด้วยแค้นด้วยโทษ ทั้งนี้ยังบ่งว่า ชีวิตยามชราเงียบเหงาเก็บตัวด้วย
เสริมโหงวเฮ้งร่องแก้มด้วยวิธีไหนได้บ้าง

8 วิธีแก้ร่องแก้มลึก ลดริ้วรอย แบบเห็นผลจริง ทางการแพทย์

1.ฉีดฟิลเลอร์ (Dermal Fillers) ช่วยแก้ไขร่องแก้มลึก เห็นผลเร็ว

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือไฮยาลูรอน เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม โดยฟิลเลอร์จะทำหน้าที่กักเก็บน้ำไว้ในชั้นใต้ผิวหนัง และเติมเต็มในส่วนที่ยุบตัวลง เป็นวิธีลดร่องแก้มลึกที่หมอแนะนำ เป็นอันดับต้น ๆ ครับ เพราะฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มร่องน้ำหมาก ได้อย่างตรงจุด เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที

ฟิลเลอร์ร่องแก้มแก้ปัญหาใดบ้าง

นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยังช่วยปรับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ สดใสไม่โทรม ร่องแก้มอิ่มเต็มขึ้น สามารถทำควบคู่กับการฉีดฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก และฟิลเลอร์ยกมุมปากได้ เห็นผลทันทีหลังทำ ไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น

ตัวอย่างรีวิว ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

รีวิวฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

2.ฉีดโบท็อกซ์ ลดริ้วรอยร่องแก้ม ผิวเรียบเนียน

การฉีดโบท็อกลดริ้วรอยร่องแก้ม เหมาะกับริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหว เนื่องจากคุณสมบัติของโบท็อกจะทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ จึงช่วยยกกระชับแก้มและลดความชัดเจนของร่องริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อได้

ฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร ดีไหม? ฉีดจุดไหนได้บ้าง ก่อนฉีดควรรู้อะไรบ้าง

ข้อดีคือหลังฉีดแก้มทั้งสองข้างจะดูเรียบเนียนเต่งตึงขึ้น แต่วิธีนี้จะได้ผลดีกับผู้ที่มีร่องแก้มตื้น ๆ เท่านั้นครับ หากร่องแก้มลึกมาก ๆ หมอแนะนำให้ทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องแก้ม จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติพักฟื้น

3 เครื่องยกกระชับ! Ulthera Thermage Hifu ต่างกันอย่างไร เลือกทำอะไรดี ?

3.Hifu ยกกระชับร่องแก้มลึกให้ตื้นขึ้น

การทำ Hifu (ไฮฟู่) หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้เทคโนโลยียกกระชับด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่ปลอดภัยเข้าช่วย โดยคุณสมบัติของเครื่อง Hifu จะสามารถส่งพลังงานลงไปในชั้นผิว ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า พลังงานความร้อนจากเครื่อง Hifu จะสามารถยกกระชับผิว รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น

Hifu ยกแก้มลดร่องแก้มลึก

ข้อดีของการทำ Hifu คือสามารถลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้า และยังช่วยป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้ ถือเป็นอีกวิธีแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้ครับ เหมาะกับผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง

4. Ulthera ลดริ้วรอย ลดร่องแก้มลึก กระชับผิวชั้นลึก

Ulthera เป็นเครื่องมือยกกระชับผิว ที่ช่วยยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ ถือเป็นนวัตกรรมเสริมความงามตัว Top ที่พัฒนามาเพื่อยกกระชับผิวโดยเฉพาะ

Ulthera ใช้หลักการทำงานของคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเจาะจง ยิงส่งพลังงานลงไปใต้ชั้นผิว เหมาะกับคนที่ต้องการลดปัญหาความหย่อนคล้อย เริ่มมีร่องแก้มลึก และลดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า

ข้อดีของการทำ Ulthera คือ สามารถกระชับผิวชั้นลึกได้อย่างแม่นยำ ลงลึกครอบคลุมทุกชั้นผิว ทำให้หลังทำจะเห็นว่าร่องแก้มลึกดูตื้นขึ้น ผิวเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์

รู้ก่อนทำ! Ulthera คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง เหมาะกับใคร ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง

5 ทำThermage ยกกระชับผิว ยกร่องแก้ม

Thermage (เทอมาร์จ) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยในการยกกระชับผิวครับ สามารถสลายไขมันบนใบหน้า และกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ได้

เทอมาร์จ ทำงานด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) เมื่อแพทย์ยิงส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวหนัง จะช่วยกระชับผิว แก้ปัญหาริ้วรอยร่องแก้มลึก ในเคสที่มีแก้มห้อย หรือมีไขมันบริเวณใบหน้าเยอะได้

รีวิว Thermage FLX แก้แก้มหย่อน หน้าย้อย ให้หน้าตึง ยกกระชับ

6. ร้อยไหม (Thread Lift) ยกแก้ม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

การร้อยไหม เป็นหนึ่งในหัตถการที่ช่วยกระชับหน้า ยกผิวให้ตึง ลดความหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ โดยใช้ไหมละลายสอดเข้าไปใต้ผิวเพื่อดึงผิวให้ยกขึ้น จึงสามารถช่วย ลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มได้ เป็นวิธีแก้ปัญหาแก้มย้อย แก้มหย่อนได้

หลังทำจะเห็นว่าร่องแก้มตื้นขึ้น กรอบหน้ายกกระชับขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนในเคสที่ร่องแก้มลึกจากการทรุดตัวของกระดูก การร้อยไหมเพียงอย่างเดียวยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมดครับ แนะนำให้ใช้การร้อยไหม ช่วยดึงเสริมเล็กน้อยในผิวชั้นตื้น ทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องลึกครับ

7. ฉีดไขมัน เติมเต็มร่องแก้ม

การฉีดไขมันร่องแก้ม หลักการจะคล้ายการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มครับ คือ นำไขมันของตัวเราเอง มาฉีดเติมบริเวณร่องแก้ม แต่มีกระบวนการก่อนฉีดที่ยุ่งยากกว่า โดยแพทย์ต้องนำไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง หรือสะโพก มาผ่านกระบวนการปั่นคัดแยกเซลล์ไขมัน จากนั้นจะถูกฉีดเข้าไปในบริเวณร่องแก้มลึก เพื่อช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวดูเต็มอิ่มขึ้นครับ

เนื่องจากเป็นไขมันของคนไข้เอง วิธีนี้จึงมีความเสี่ยงต่อการแพ้น้อยครับ แต่หลังฉีดอาจมีอาการบวม มีรอยแผล ต้องดูแลตัวเองอย่าเคร่งครัด เพื่อป้องกันการอักเสบ ติดเชื้อ

8 ผ่าตัดยกกระชับ ดึงหน้า ลดร่องแก้มลึก

การผ่าตัดยกกระชับหน้า หรือการดึงหน้า (Face lift) เป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยลดร่องแก้มลึกและปรับรูปหน้าให้ดูเต่งตึง อ่อนเยาว์ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการหย่อนคล้อยของผิวหนังครับ โดยหมอจะตัดเอาส่วนของผิวหนังส่วนเกินออก และทำให้ผิวหนังที่เหลืออยู่ตึงขึ้น

ข้อควรระวังคือหลังทำอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น รอยแผลเป็น อาการปวดบวมบริเวณที่ผ่าตัด ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน และมีค่าใช้จ่ายที่สูงครับ

ทั้ง 8 ข้อนี้ ล้วนมีข้อดี ที่ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้ แต่เพื่อให้ผลลัพธ์หลังทำมีประสิทธิภาพ เราปัญหาร่องแก้มลึก แบบผสมผสานใช้หลายวิธีร่วมกันได้ครับ คนไข้สามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ได้


วิธีแก้ร่องแก้มลึกแบบธรรมชาติด้วยการดูแลตัวเอง

ผลิตภัณฑ์ครีม/ เซรั่มลดริ้วรอยร่องแก้มลึก

การลดริ้วรอยร่องลึกด้วยครีมบำรุง หรือ เซรั่ม ถือเป็นตัวช่วยที่หลาย ๆสามารถทำได้เอง เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดริ้วรอยร่องแก้มได้ เหมาะสำหรับริ้วรอย ร่องตื้น ๆ

เบื้องต้นแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถต่อต้านริ้วรอยที่แก้ยาก ในกลุ่มแอนไทเอจจิ้งที่ช่วยลดริ้วรอย เร่งการสร้างคอลลาเจน และซ่อมแซมผิวให้กักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้นได้และยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ได้ด้วย แต่ไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์แบบเร่งด่วนได้ครับ

บำรุงผิว มาสก์หน้าด้วย สมุนไพร เพื่อลดริ้วรอยร่องแก้ม

ปัจจุบันมีพืชสมุนไพรจากธรรมชาติหลายชนิดที่มีสรรพคุณในการกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสียแล้ว และช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยลดริ้วรอยร่องแก้มได้ ถือเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้านครับ

วิธีที่นิยมคือการนำมาพอกหรือ มาสก์ผิว เช่น ขมิ้น มะเขือเทศ แตงกว่า ว่านหางจระเข้ เป็นต้น ข้อดี ของการใช้สมุนไพร เป็นวิธีที่ง่าย สามารถหยิบจับวัตถุดิบได้จากในครัว ค่าใช้จ่ายไม่แพง แต่จะไม่เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยลึกเพราะเห็นผลได้น้อยครับ

นวดหน้าลดร่องแก้ม

หลายคนสงสัยว่าเราสามารถออกกำลังกายลดร่องแก้มได้ไหม ? การนวดคลึง บริเวณร่างกาย ถือเป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม อย่างหนึ่งครับ โดยสามารถกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี ผิวหน้าจึงเปล่งปลั่งและกระชับ อัตราการเกิดริ้วรอยก็ลดน้อยลง แนะนำให้ใช้มือนวดคลึงบนใบหน้าเบา ๆ เป็นประจำ ประมาณ 10-15 นาที เพื่อลดรอยร่องแก้มครับ อย่างไรก็ตามวิธีนี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาริ้วรอยร่องแก้ม ที่ตรงจุดและเห็นผลชัดเจนครับ


แก้ร่องแก้มลึกถาวรได้ไหม ?

การแก้ไขร่องแก้มลึกให้หายไปอย่างถาวรนั้นเป็นไปได้ยากครับ เนื่องจากมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนี้

ข้อจำกัดทางธรรมชาติ

  • การเสื่อมของผิวเป็นกระบวนการตามธรรมชาติ
  • พันธุกรรมมีผลต่อโครงสร้างใบหน้า
  • การแสดงสีหน้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

การดูแลอย่างต่อเนื่อง

  • จำเป็นต้องรักษาอย่างสม่ำเสมอ
  • ต้องดูแลผิวพรรณเป็นประจำ
  • ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลเสีย

แนวทางการรักษาที่ยั่งยืน

  • เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิว
  • ทำการรักษาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำแพทย์
  • ดูแลสุขภาพองค์รวม

สรุปปัญหาร่องแก้มลึก แก้ไขด้วยฟิลเลอร์และเครื่องมือยกกระชับ เห็นผลได้เร็ว

การแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ด้วยวิธีการทางการแพทย์ที่หลากหลาย ตามที่หมออธิบายไว้ข้างต้น

โดยสรุป หากคนไข้ต้องการผลลัพธ์ที่เร่งด่วน เห็นผล ปลอดภัย หมอแนะนำการฉีดฟิลเลอร์และการใช้เครื่องยกกระชับเข้าช่วย จะให้ผลลัพธ์ที่ดี เห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว โดยเบื้องต้นควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในการประเมินความลึกของร่องแก้ม วิเคราะห์ปัญหา และสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
ฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม 370x277

ฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม ? ฉีดแล้วเป็นก้อน แก้ไขได้หรือไม่ ? พร้อมแชร์วิธีเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

Categories
knowledge
ฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม

ไขข้อสงสัยฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม

แม้การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะถูกยอมรับว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง แต่หมอเชื่อว่ายังมีหลายคนที่กังวลเรื่องความปลอดภัยอยู่บ้าง เพราะทุกวันนี้เราเห็นรีวิวในโซเชียลเยอะมาก บางคนฉีดแล้วสวย หน้าดูเด็กลง 10 ปี แต่บางคนฉีดแล้วเป็นก้อน ร่องแก้มดูลึกกว่าเดิม หรือหนักสุดบางคนมีอาการเนื้อตาย ผิวเปลี่ยนสี

สรุปแล้วฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม ? อาการเหล่านี้เกิดจากอะไร ? จะรู้ได้อย่างไรว่าปลอดภัย ? เลือกคลินิกไหนดี ? แล้วถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจะทำยังไง ? ในบทความนี้หมอจะมาให้คำตอบครับ

สารบัญ ฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม


โดยทั่วไปแล้ว ฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม ?

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม

ฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม ? โดยทั่วไปไม่อันตรายครับ หากเลือกทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์

ฉีด Filler ร่องแก้ม อันตรายไหม ถ้าใช้ฟิลเลอร์แท้

ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันผลิตจากกรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ทำหน้าที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้เข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อ หลังจากนั้นจะสลายไปเองตามธรรมชาติภายใน 2 ปี ลดโอกาสการเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงรุนแรง

นอกจากนี้ หากเกิดปัญหาหลังฉีด เช่น ฟิลเลอร์เกินปริมาณหรือเกิดก้อนใต้ผิว ก็สามารถแก้ไขได้ง่ายด้วยการฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งช่วยสลายฟิลเลอร์ออกจากร่างกายได้อย่างปลอดภัยครับ

คนไข้สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม ? ใช้กี่ CC อยู่ได้นานไหม ? ควรรู้อะไรก่อนฉีด ? ได้จากบทความที่หมอแนะนำด้านล่างนี้ได้เลยครับ


การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อาจเป็นอันตรายในกรณีใดบ้าง ?

ฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม ถ้าฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางกรณีครับ เช่น

  • ใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก อย. อาจมีสารปนเปื้อนหรือไม่บริสุทธิ์ ซึ่งเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อ และอาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเสียหายถาวร

  • ฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง

หากฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในตำแหน่งที่ผิด หรือเข้าใกล้เส้นเลือดสำคัญ อาจเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตัน ส่งผลให้บริเวณนั้นขาดเลือด และอาจทำให้เนื้อเยื่อตายได้ หากรุนแรงอาจส่งผลต่อดวงตา ทำให้สูญเสียการมองเห็น

  • ฉีดโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ต้องใช้ความรู้และความชำนาญสูง หากฉีดโดยผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพหรือขาดประสบการณ์ อาจเสี่ยงต่อการฉีดผิดชั้นผิว หรือใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

  • การติดเชื้อ

หากกระบวนการฉีดไม่สะอาดเพียงพอ เช่น การใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในบริเวณที่ฉีด ส่งผลให้เกิดอาการบวมแดง ปวด หรือในกรณีรุนแรงอาจต้องผ่าตัดเพื่อรักษา

  • อาการแพ้ฟิลเลอร์

แม้จะพบได้น้อยมาก แต่ในบางกรณี ผู้รับการฉีดอาจเกิดอาการแพ้ต่อฟิลเลอร์ เช่น มีผื่นคัน บวมแดง หรือรอยช้ำที่ไม่หายไปตามปกติ

Vsquare tips

ข้อควรรู้ : สภาพผิวและร่างกายของคนไข้ก็มีส่วนสำคัญ ถ้ามีการอักเสบ เป็นโรคผิวหนัง หรือมีแผลบริเวณที่ฉีด แนะนำให้เลี่ยงทำหัตถการในช่วงนั้น ควรรักษาให้หายก่อน และหากมีอาการผิดปกติหลังการฉีด เช่น บวมแดงหรือปวดมากผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อรักษาได้อย่างทันท่วงทีครับ


อันตรายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อฉีดร่องแก้ม มีอะไรบ้าง ?

อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หมอจะเขียนอธิบายโดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับครับ คือผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้บ่อยแต่ไม่รุนแรง และภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้บ่อยแต่ไม่รุนแรง

ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มักไม่รุนแรงและหายได้เอง เช่น อาการบวม แดง รอยช้ำ คัน และ อาการซึ่งเกิดจากเข็มสัมผัสกับเส้นเลือดใต้ผิวหนัง อาการเหล่านี้สามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์

ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวังและควรได้รับการดูแลจากแพทย์ทันที ได้แก่

  • การอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งอาจทำให้ผิวเปลี่ยนสี หรือเจ็บปวดผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา อาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตาย หรือในกรณีรุนแรง อาจส่งผลต่อการมองเห็น
  • การอักเสบและติดเชื้อ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง มีอาการบวมแดง ร้อน หรือปวดในบริเวณนั้น ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากกระบวนการฉีดไม่สะอาดเพียงพอ
  • การแพ้สารฟิลเลอร์ เช่น มีผื่นแดง คัน หรือบวมผิดปกติ ซึ่งพบได้น้อยมากในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์แท้

ควรฉีดร่องแก้มกี่ CC ? ให้เห็นผล และไม่อันตราย

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดร่องแก้ม ขึ้นอยู่กับระดับของปัญหาร่องแก้มของแต่ละบุคคลครับ ทั้งความลึกของร่องแก้ม โครงสร้างใบหน้า และผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยทั่วไปแพทย์จะประเมินปัญหาและแนะนำปริมาณที่เหมาะสม ดังนี้

  • คนที่มีร่องแก้มไม่ลึกมาก อาจใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC หรือเริ่มต้นที่ 0.5-1 CC ต่อข้างถือว่าเหมาะสม และปลอดภัยครับ เพราะสามารถเพิ่มปริมาณได้ในครั้งถัดไปหากผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่พอใจ
  • คนที่มีร่องแก้มลึก ร่วมกับมีการทรุดตัวของกระดูกใต้ตา หรือคนที่มีอายุ 40++ ต้องการเติมร่องแก้มให้ตื้นขึ้น อาจใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 3-4 CC รวม 2 ข้าง เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เติมเต็มร่องลึก และปรับรูปหน้าให้สมดุลมากขึ้น

ทั้งนี้หากมีปัญหาร่องแก้ม ไม่จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเพียงอย่างเดียวครับ สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น การทำ Hifu หรือ การร้อยไหม ก็จะช่วยลดการใช้ปริมาณฟิลเลอร์ลง และได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ในจุดนี้หมอจะช่วยประเมินและแนะนำให้ตามความเหมาะสมครับ


ฉีดร่องแก้มด้วยฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน อันตรายไหม แก้ไขได้หรือไม่ ?

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน อันตรายไหม

ฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม หากฉีดแล้วเกิดเป็นก้อน แก้ไขได้หรือไม่ ?

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน โดยทั่วไปถือว่าไม่อันตราย และสามารถแก้ไขได้ครับ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าฟิลเลอร์เป็นก้อนจากสาเหตุอะไร ซึ่งจะต้องประเมินเป็นเคส ๆ ไป เช่น

  • เกิดจากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว ฉีดตื้นเกินไป
  • เกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกิน
  • เกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์หิ้ว พอนาน ๆ ไป ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน หรือเกิดการอักเสบ
  • เกิดจากการดูแลตัวเองที่ไม่เหมาะสม เช่น นวด บีบ หรือกดบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก ทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวและจับตัวกันเป็นก้อน
  • ในบางกรณี อาการบวมหลังฉีดอาจทำให้รู้สึกเหมือนมีก้อนอยู่ใต้ผิว ซึ่งมักจะค่อย ๆ ยุบตัวและเข้าที่ภายใน 1-2 สัปดาห์

สำหรับวิธีแก้ไขฟิลเลอร์เป็นก้อนนั้นก็ต้องดูเป็นกรณีเช่นกันครับ หากเป็นฟิลเลอร์แท้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีด Hyaluronidase เพื่อไปสลายฟิลเลอร์ออกบางส่วนหรือทั้งหมดได้อย่างปลอดภัย

แต่ถ้าเป็นฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถฉีดสลายได้ครับ ต้องขูดหรือผ่าตัดออก ยิ่งถ้าคนไข้ฉีดมานานจนกลายเป็นพังผืดเกาะ ก็จะเอาออกได้เพียง 60-70% เท่านั้น ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะขูดหรือผ่าตัดโดนเส้นเลือดหรือเส้นประสาทที่สำคัญได้

ดังนั้น การเลือกใช้บริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ หากเกิดปัญหา ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการแก้ไขที่เหมาะสม และปลอดภัยครับ


แนวทางการเลือกคลินิกฉีดร่องแก้ม ให้ปลอดภัย ไม่อันตราย

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ไหนดี ? เลือกคลินิกให้ปลอดภัย พิจารณาอะไรบ้าง
ฉีดร่องแก้ม ที่ไหนดี ไม่อันตราย โดยหมอกันต์

การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่ไหนดี ย่อมส่งผลต่อความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่ได้ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้ครับ

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจ ควรพิจารณาแนวทางการเลือกคลินิกฉีดร่องแก้ม ให้ปลอดภัย ไม่อันตราย ซึ่งคนไข้สามารถพิจารณาได้ดังนี้ครับ

  • คลินิกต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตประกอบการที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุข
  • แพทย์ต้องมีประสบการณ์ และมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยสามารถตรวจสอบชื่อแพทย์ได้จากแพทยสภา
  • ฟิลเลอร์ที่ใช้ต้องเป็นของแท้ นำเข้าจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.)
  • มีรีวิวหรือคำแนะนำของผู้ที่เคยใช้บริการในคลินิกนั้น ๆ เช่น จากเว็บไซต์หรือเพจ Facebook ของคลินิก เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพการให้บริการและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
  • มีบริการติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีปัญหาหรือผลข้างเคียง และสามารถปรึกษาแพทย์ได้หากเกิดความกังวล
Vsquare tips

ข้อควรรู้ : สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ ต้องฉีดกับแพทย์จริง ๆ เท่านั้น คนไข้สามารถตรวจสอบรายชื่อแพทย์ ได้ที่แพทยสภา https://checkmd.tmc.or.th/ โดยการนำชื่อและนามสกุลเข้าไปตรวจสอบโดยตรงที่เว็บได้เลยครับ


การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ไม่ให้เกิดผลข้างเคียง

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ไม่ให้อันตราย

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว ลดอาการบวมช้ำ และป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คนไข้สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอดังนี้ครับ

  • ควรดื่มน้ำมาก ๆ (1.5-2 ลิตร/วัน) เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มน้ำ การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ดูฟู ได้รูป และอยู่ได้นานมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบ นวด บริเวณที่ฉีด 7-14 วัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ และป้องกันการเคลื่อนย้ายของฟิลเลอร์ไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ บุหรี่ อย่างน้อย 48 ชม. เพราะแอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ส่งผลให้แผลหายช้าลง และอาจเกิดการอักเสบได้ง่าย
  • งดกิจกรรม หรือออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 48 ชม. เพื่อป้องกันอาการบวมแดงในบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหลังฉีด 24 ชม. เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการติดเชื้อได้
  • หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ร้อนลงหน้า เช่น เลเซอร์ RF หรือไอออนโต 1 เดือน เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้น หรือทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่คงทน

สรุปเรื่องฉีดร่องแก้ม อันตรายไหม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นวิธีแก้ร่องแก้มลึกที่เห็นผลเร็ว ปลอดภัยสูง และเมื่อเทียบฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคากับผลลัพธ์แล้ว ถือว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนมากครับ

แต่แม้ว่าจะปลอดภัยแค่ไหน คนไข้ก็ยังต้องให้ความสำคัญกับการเลือกคลินิกและแพทย์ด้วย เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด

สำหรับใครที่กำลังสนใจการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม และยังไม่มั่นใจหรือมีคำถามเพิ่มเติม สามารถปรึกษาหมอก่อนได้ครับ เพื่อให้หมอช่วยประเมินสภาพผิว และแนะนำวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละเคสครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน
เจาะลึกไฮยาลูรอนช่วยเรื่องอะไร

ไฮยาลูรอน คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? อันตรายไหม ?

Categories
knowledge
เจาะลึกไฮยาลูรอนช่วยเรื่องอะไร

ไฮยาลูรอน 

ไฮยาลูรอน (Hyaluron) เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ และมีการผลิตเลียนแบบเพื่อใช้ประโยชน์ในหลายรูปแบบครับ โดยเฉพาะในเรื่องความสวยความงาม ที่รู้จักกันดี เช่น ฟิลเลอร์ เป็นไฮยาลูรอนหรือไฮยาลูโรนิค แอซิด ที่มาในรูปแบบการฉีด ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มใบหน้าได้หลายตำแหน่ง เช่น ฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม หน้าผาก ปาก คาง 

ส่วนไฮยาลูรอนในรูปแบบของการทา ส่วนใหญ่จะเป็นเซรั่มไฮยา หรือครีมไฮยาลูรอน นอกจากนี้ไฮยาลูรอนยังถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรค เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคต้อกระจก และอื่น ๆ ก่อนใช้ไฮยาลูรอนไม่ว่าจะรูปแบบไหน มาทำความรู้จักไฮยาลูรอนให้มากขึ้นกันครับในบทความนี้  

Hyaluron โดยหมอซี

สารบัญ ไฮยาลูรอน 

  1. ไฮยาลูรอน คืออะไร ?
  2. ไฮยาลูรอน ทำมาจากอะไร ?
  3. ไฮยาลูรอน มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?
  4. ไฮยาลูรอนใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
  5. ไฮยาลูรอนมีประโยชน์อย่างไร ?
  6. ถ้าร่างกายขาดไฮยาลูรอนจะเป็นอย่างไร ?
  7. ไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อมลงได้อย่างไร ?
  8. วิธีป้องกันไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อม ทำอย่างไร ?
  9. ไฮยาลูรอนอันตรายไหม ? 
  10. ไฮยาลูรอนเหมาะกับใคร ? 
  11. ไฮยาลูรอนไม่เหมาะกับใคร ? 
  12. ไฮยาลูรอนของแท้ของปลอมดูอย่างไร ? 
  13. ไฮยาลูรอนมีผลข้างเคียงไหม ? 
  14. ไฮยาลูรอนอยู่ได้นานไหม ? 
  15. ไฮยาลูรอนกินได้ไหม ? 

ไฮยาลูรอน คืออะไร ?

ไฮยาลูรอน ถูกเรียกในหลาย ๆ ชื่อ เช่น กรดไฮยาลูรอน, ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือเอชเอ (HA) คือ สารชนิดหนึ่งที่ร่างกายของเราสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ แต่พออายุมากขึ้น ๆ ไฮยาลูรอนจะผลิตลดลงเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับคอลลาเจนและอิลาสตินที่มีอยู่ในชั้นผิว ทำให้ผิวที่เคยดูอ่อนเยาว์ ยืดหยุ่น กระชับ เรียบเนียน เต่งตึง เริ่มเสื่อมสภาพ มีริ้วรอยเหี่ยวย่น โดยค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป ผิวจะเริ่มเสื่อมเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป   

ไฮยาลูรอน คืออะไร

ในทางการแพทย์จึงมีการผลิตไฮยาลูรอนสังเคราะห์ขึ้นมา เพื่อทดแทนในส่วนที่ร่างกายสร้างขึ้นได้น้อยลง ช่วยรักษาคุณภาพของผิวให้ดูอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน  


ไฮยาลูรอน ทำมาจากอะไร ?

ไฮยาลูรอน เป็นโมเลกุลของน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่าพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) มีอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย และร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ โดยจะอยู่ในผิวชั้นหนังแท้ พบได้ทั่วไปกว่า 80% 

ไฮยาลูรอนสามารถผลิตได้จากการสังเคราะห์เชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus) มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่น และมีความคงตัว จึงสามารถนำมาใช้เพื่อปรับโครงสร้างใบหน้า ได้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) และ อย.ไทย  


ไฮยาลูรอน มีกระบวนการทำงานอย่างไร ? 

ไฮยาลูรอนถูกสร้างขึ้นระหว่างบริเวณผิวชั้นล่างหรือชั้นหนังแท้ และผิวชั้นบนหรือชั้นหนังกำพร้าที่เชื่อมต่อกัน โดยจะกระจายตัวอยู่ทั่ว เป็นตัวช่วยที่ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นกระบวนการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย ที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูสดใส ไร้ริ้วรอย    

ไฮยาลูรอนสังเคราะห์ที่ถูกคิดค้นขึ้นมา มีสภาพใกล้เคียงไฮยาลูรอนตามธรรมชาติครับ กระบวนการทำงานหลัก ๆ ไม่ว่าจะใช้ในรูปแบบทาหรือฉีด ก็เพื่อทดแทนไฮยาลูรอนที่ผลิตได้น้อยลง โดยผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกัน ตามขนาดโมเลกุลและความเข้มข้นที่ใช้ และด้วยความสามารถในการดูดซับน้ำได้ดี จึงถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญ ใช้ในวงการเสริมความงาม เช่น ฟิลเลอร์ หรือเป็นส่วนผสมในสกินแคร์


ไฮยาลูรอนใช้ทำอะไรได้บ้าง ? 

  • ครีมไฮยาลูรอน/ไฮยาลูรอนเซรั่ม หลายยี่ห้อมักมีส่วนประกอบของไฮยาลูรอน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นให้แก่ผิว โดยมีการพัฒนาทำให้กรดไฮยาลูรอนมีขนาดโมเลกุลเล็กลง เพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิวได้จากภายนอก
  • ฟิลเลอร์ (Fillers) หรือสารเติมเต็ม มีไฮยาลูรอนเป็นส่วนประกอบหลัก ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มร่องลึก หรือเสริมในชั้นผิวหนัง กักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ เทียบกับการทาครีมหรือ Hyaluron เซรั่ม แบบทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ดีกว่า  
ฉีดฟิลเลอร์ โดยหมอรุ้ง
  • ไซโตแคร์ (Cytocare) ก็มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอน วิตามินและสารสกัดจากธรรมชาติ ฉีดเพื่อช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวอุ้มน้ำและมีความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวกระจ่างใส นิยมฉีดแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม แต่ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน ต้องฉีดซ้ำเรื่อย ๆ  
  • วิตามิน/อาหารเสริม Hyaluronic Acid ผลิตออกมาในรูปแบบเม็ด โดยมีปริมาณความเข้มข้นของไฮยาลูรอนแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น คอลลาเจน และสารสกัดต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณที่แห้งกร้านให้ชุ่มชื้น นุ่มลื่นขึ้น   
  • รักษาโรค U.S.FDA อนุมัติให้ใช้ไฮยาลูรอนิค แอซิด ในการรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคต้อกระจก บรรเทาอาการตาแห้ง รักษาแผลในปาก และสมานแผลไฟไหม้ 

ไฮยาลูรอนมีประโยชน์อย่างไร ? 

ถ้าจัดกลุ่มประโยชน์ไฮยาลูรอน แบ่งออกได้ 3 หัวข้อ ครับ 

1. ประโยชน์ในการลดริ้วรอย

ไฮยาลูรอนช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว จึงมีการนำมาเป็นส่วนผสมในครีมลดริ้วรอย เซรั่มไฮยาลูรอน ครีมไฮยาลูรอน รวมถึงฟิลเลอร์

ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการยอดนิยมในคลินิกเสริมความงามครับ สามารถเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก ผิวเต่งตึง เรียบเนียน และปรับรูปหน้าได้หลายตำแหน่ง เช่น 

ตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์

2. ประโยชน์ไฮยาลูรอนในการให้ความชุ่มชื้น

นอกจากจะเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก และปรับรูปหน้า ยังสามารถใช้ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้นได้ด้วยครับ ไฮยาลูรอนยี่ห้อไหนดี ? ถ้าต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำ หมอแนะนำฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เช่น Juvederm Volite, Restylane Vital, Restylane Vital Light และ Belotero Revive   

3. ประโยชน์ไฮยาลูรอนในการรักษาโรค 

U.S.FDA อนุมัติให้มีการใช้ไฮยาลูรอนในการฉีดรักษาและป้องกันโรค เช่น 

  • โรคข้อเข่าเสื่อม  
  • ภาวะอักเสบรอบข้อไหล่  
  • ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก จากโรคกระดูกพรุน  
  • ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดบริเวณข้อ
  • รักษาตาต้อกระจก ตาแห้ง
  • รักษาแผลในปาก
  • สมานแผลไฟไหม้ 

ถ้าร่างกายขาดไฮยาลูรอนจะเป็นอย่างไร ? 

ผิวหน้า : ใบหน้าหมองคล้ำ แห้งกร้าน ขาดน้ำ สูญเสียความชุ่มชื้น เมื่อทาครีมหรือบำรุงผิว จะรู้สึกว่าตัวครีมไม่ซึมลงสู่ผิว ทาครีมแล้วไม่ค่อยได้ผล ซึ่งหากไม่แก้ไข ปล่อยให้ผิวขาดไฮยาลูรอนมาก ๆ จะส่งผลให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก และทำให้ผิวแก่เร็วขึ้น

ผิวคอ : ริ้วรอยที่คอ (Necklace Line) หรือรอยพับ รอยขีดเส้น ๆ บริเวณคอ พบบ่อยเมื่ออายุมากขึ้น เพราะไฮยาลูรอน คอลลาเจนและอิลาสตินลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ เรียบเนียน

ผิวมือ : ผิวสูญเสียคอลลาเจน ทำให้ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยได้ง่าย ไม่เฉพาะผิวหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริเวณหลังมือที่มีผิวบาง 


ไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อมลงได้อย่างไร ? 

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายเราจะผลิตไฮยาลูรอนได้น้อยและช้าลง ปัญหาผิวต่าง ๆ ก็จะเห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น และหนึ่งในปัญหาผิวที่เป็นสัญญาณแห่งวัย คือ ริ้วรอย ทำให้ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ดูแก่กว่าวัย สังเกตได้ง่าย ๆ ครับ

  • หน้าเหี่ยว ผิวไม่กระชับ 
  • ผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน 
  • ฝ้า กระ จุดด่างดำ 
  • คอเหี่ยวย่นเป็นเส้น ๆ 
  • รูขุมขนกว้าง แต่งหน้าไม่ติด
ผิวขาดไฮยาลูรอน

วิธีป้องกันไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อม ทำอย่างไร ? 

  • รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว มะเขือเทศ องุ่น เมล็ดอัลมอนด์ 
  • เลี่ยงของมัน ของทอด ของหวาน เพราะจะทำให้ผิวเสื่อมสภาพ ดูแก่กว่าวัย 
  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Skincare Routine ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และเหมาะกับสภาพผิว 
  • ทาครีมกันแดด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ตัวการทำร้ายผิวแก่ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำและริ้วรอย 
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวได้มีเวลาซ่อมแซม ฟื้นฟูตัวเอง เสริมสร้างไฮยาลูรอนและคอลลาเจน
  • ใช้หัตถการและเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น ฉีดฟิลเลอร์, ทำ Hifu Ultraformer lll, Ulthera SPT และ Thermage FLX ช่วยลดริ้วรอยและชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ 
ปรึกษาหมอป้องกันไฮยาลูรอนเสื่อม โดยหมอวา
ปรึกษาหมอ ประเมินปัญหา และสภาพผิว

ไฮยาลูรอนอันตรายไหม ? 

ไฮยาลูรอน มีความปลอดภัยครับ แต่ในบางรายอาจเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงได้ครับ หมอแยกเป็น 3 กรณี 

  • ไฮยาลูรอนแบบทา ควรเลือกที่มีความเข้มข้นของไฮยาลูรอนต่ำกว่า 2% เพราะอาจทำให้เกิดการแพ้ได้สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง  
  • ไฮยาลูรอนแบบฉีด หรือฟิลเลอร์ ก่อนฉีดต้องมั่นใจก่อนครับว่าเป็นไฮยาลูรอนของแท้ ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ของแท้ หมอแกะกล่องให้ดูต่อหน้าครับ 
  • ไฮยาลูรอนแบบรับประทาน เช่น อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน เนื่องจากซื้อสะดวกทางช่องทางออนไลน์ แต่ก็ไม่ใช่ทุกยี่ห้อครับจะได้มาตรฐาน ก่อนซื้อต้องพิจารณาดี ๆ หรือขอคำแนะนำจากแพทย์และเภสัชกร   

ไฮยาลูรอนเหมาะกับใคร ? 

  • ผู้ที่มีผิวแห้งมาก ขาดความชุ่มชื้น
  • ผู้ที่มีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่มีปัญหาร่องลึก เนื้อยุบลงจากอายุที่มากขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเสริมคาง หน้าผาก ขมับ ด้วยฟิลเลอร์โดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ผู้ที่อยากรักษาสภาพผิวให้คงความอ่อนวัย และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย

ไฮยาลูรอนไม่เหมาะกับใคร ? 

แม้ไฮยาลูรอน จะมีความปลอดภัยแต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฉีดได้ โดยการฉีดฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับผู้ที่มีข้อจำกัด ดังนี้

  • ผู้ที่มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ หรือแพ้สารไฮยาลูรอนิก แอซิดมาก่อน  
  • สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก มีแผลฟกช้ำง่าย 
  • ผู้ที่กำลังรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (ASA), ยาแก้อักเสบปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (NSAIDS), ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด (Warfarin), วิตามินอี (Vitamin E), สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Gingko biloba) เป็นต้น
  • ผู้ที่มีอาการโรคผิวหนัง เช่น เริม หรืองูสวัดอยู่ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ 

ไฮยาลูรอนของแท้ของปลอมดูอย่างไร ? 

ไฮยาลูรอนของแท้ของปลอม ถ้าเป็นพวกเซรั่มไฮยา ครีมไฮยา วิธีดูจะขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ ทางที่ดีควรซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ถ้าซื้อทางออนไลน์ก็ควรเลือกร้านที่เป็น Official ครับ   

ถ้าเป็นไฮยาลูรอนแบบฉีด หรือฟิลเลอร์ ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นของปลอม จะหมายถึง

  • ฟิลเลอร์ที่นำเข้าผิดกฎหมาย ไม่ผ่านการรับรองจาก อย.  
  • ฟิลเลอร์ปลอม ซิลิโคนเหลว พาราฟิน ไบโอพลาสติก 
  • ฟิลเลอร์เสื่อมคุณภาพ ไม่มีการเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม 
  • ฟิลเลอร์ราคาถูก พบได้ตามคลินิกเถื่อน ฉีดกับหมอกระเป๋า 
  • ฟิลเลอร์ที่มีฉลากไม่ชัดเจน มีร่องรอยการแกะกล่อง 

ก่อนฉีดต้องมั่นใจครับว่าเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ โดยวิธีดูของแท้แต่ละยี่ห้อ หมออธิบายไว้ในคลิปด้านล่างนี้ครับ 

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอมดูอย่างไร ?

ไฮยาลูรอนมีผลข้างเคียงไหม ? 

หากพูดถึงการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนหรือฟิลเลอร์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบได้ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยครับ และอาจมีผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น 

  • รอยเข็ม 
  • รอยแดง
  • อาการบวม 
  • อาการปวด 

อาการเหล่านี้ สามารถหายไปได้เองโดยไม่เป็นอันตราย ห้ามบีบ นวด แกะ เกา บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ 


ไฮยาลูรอนอยู่ได้นานไหม ? 

  • ไฮยาลูรอนในร่างกาย เป็นสารสำคัญที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ในชั้นผิวหนังแท้ แต่ร่างกายเราจะผลิตสาร Hyaluronic Acid ได้น้อยและช้าลงเมื่ออายุมากขึ้น ยิ่งอายุมาก ก็จะยิ่งผลิตน้อยลงเรื่อย ๆ โดยค่าเฉลี่ยสำหรับคนทั่วไป ผิวของคนเราจะเริ่มเสื่อมตามวัยเมื่ออายุ 25 ปี 
  • ไฮยาลูรอนในรูปแบบฉีด หรือฟิลเลอร์ เป็นสารสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบไฮยาลูรอนที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ ใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว เช่น ไฮยาลูรอน คอลลาเจน และอิลาสติน ที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น หลังฉีดฟิลเลอร์ ระยะเวลาอยู่ได้นานตั้งแต่ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ รุ่นฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเอง 

อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น อยู่ได้นานกี่เดือน ?  


ไฮยาลูรอนกินได้ไหม ?

ไฮยาลูรอนที่กินได้จะอยู่ในรูปแบบอาหารเสริม หรือที่เรียกว่า อาหารเสริม Hyaluronic Acid โดยส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบเม็ด ความแตกต่างของแต่ละยี่ห้อจะอยู่ที่ความเข้มข้นต่อเม็ด มีงานวิจัยว่าการกิน Hyaluronic Acid แบบเม็ด 120-240 mg/วัน ระยะเวลา 1 เดือน จะช่วยเสริมในเรื่องของผิวพรรณ ทำให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่มขึ้น 

นอกจากนี้ยังใช้ในผู้ป่วยโรคข้อกระดูกอักเสบที่รับประทานอาหารเสริม Hyaluronic Acid วันละ 80-200 มิลลิกรัม เพื่อบรรเทาอาการปวดหัวเข่า ซึ่งในกรณีนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น


สรุป

ไฮยาลูรอน มีอยู่ในร่างกาย สร้างขึ้นตามธรรมชาติ แต่จะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น การป้องกันไม่ให้ไฮยาลูรอนเสื่อมในร่างกาย สามารถทำได้หลายวิธีครับ ตั้งแต่การดูแลตัวเอง ทั้งในเรื่องไลฟ์สไตล์การกิน การใช้ชีวิต การบำรุงผิว หรือถ้าสังเกตว่าผิวแก่ มีริ้วรอยร่องลึก ต้องการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ก็สามารถใช้หัตถการทางการแพทย์ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งมีไฮยาลูรอนเป็นส่วนประกอบหลัก เติมเต็มได้ครับ หรือถ้าหากผิวมีความหย่อนคล้อย ก็สามารถใช้เครื่องมือยกกระชับได้เช่นกัน


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน