Sculptra คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?ราคาเท่าไหร่?

Categories
mesotherapy
Sculptra

Sculptra 

ในปีหลัง ๆ มานี้ เราจะเห็นว่ามีเทคโนโลยีการฟื้นฟูผิวแบบใหม่เข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างล่าสุดที่หมอเชื่อว่ามีหลายคนเฝ้ารอ โดยเฉพาะคนที่ต้องการมีผิวเด็กย้อนวัย นั่นก็คือ Sculptra ที่เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใบหน้า (Collagen Stimulator) จาก PLLA นั่นเองครับ

แล้ว Sculptra คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? Sculptra เหมาะกับใคร ? ฉีด Sculptra เห็นผล 100% ไหม ? กี่วันเห็นผล ? ราคาเท่าไหร่ เปรียบเทียบกับวิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบอื่น ข้อดี-ข้อเสีย ต่างกันอย่างไร ?

 ใครที่กำลังสนใจ และหาข้อมูลเกี่ยวกับ Sculptra ในบทความนี้หมอได้รวบรวมทุกข้อควรรู้ก่อนฉีดมาให้แล้วครับ  

เรื่องหน้า ผมไม่กล้าเสี่ยง คุณฟลุค เกริกพล ให้วี สแควร์ดูแลมาตลอด 5 ปี | มั่นใจไปกับ V Square Clinic

สารบัญ Sculptra 

  1. Sculptra คืออะไร ?
  2. Sculptra ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
  3. Sculptra มีส่วนผสมของอะไรบ้าง ?
  4. Sculptra มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?
  5. คอลลาเจนคืออะไร ? สำคัญกับผิวหน้าอย่างไร ?
  6. Sculptra ปลอดภัยไหม ?
  7. Sculptra ดีอย่างไร ?
  8. ฉีด Sculptra เห็นผล 100% ไหม ?
  9. Sculptra เหมาะกับใคร ?
  10. Sculptra ต่างจากหัตถการอื่น ๆ อย่างไร ? แบบไหนดีกว่า คุ้มกว่า ?
  11. ใช้ Sculptra ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม ?
  12. Sculptra มีขั้นตอนการฉีดอย่างไร ?
  13. ฉีด Sculptra ใช้เวลานานไหม ?
  14. Sculptra นิยมฉีดจุดไหน ใช้กี่ CC ?
  15. ตำแหน่งไหนที่ไม่ควรฉีด Sculptra เพราะอะไร ?
  16. Sculptra ราคาเท่าไหร่ ?
  17. Sculptra รีวิว
  18. วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีด Sculptra
  19. วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra
  20. วิธีการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra
  21. ฉีด Sculptra ที่ไหนดี ?
  22. ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล ?
  23. Sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันนานไหม ?
  24. ฉีด Sculptra อยู่ได้นานไหม ?
  25. Sculptra มีผลข้างเคียงไหม ?
  26. ข้อควรระวังในการทำ Sculptra
  27. ฉีด Sculptra เจ็บไหม ?
  28. Sculptra ของแท้ มีวิธีดูอย่างไร ?

Sculptra คืออะไร ?

Sculptra คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง เหมาะกับใคร ใช้กี่ CC l หมอ V Square แชร์หมดเปลือก

Sculptra คือ อนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA) จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ซึ่งเป็นกรดโพลิแลคติกที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ สารนี้ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 1999 มีงานวิจัยรองรับมากกว่า 50 ฉบับ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยครับ

Sculptra คืออะไร

จุดเด่นของ Sculptra คือ จะไปช่วยการกระตุ้นการผลิต Collagen Type I สูงถึง 66.5% ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่เพียงแค่เป็นการเติมเต็มชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูโครงสร้างของผิวจากภายใน นำไปสู่ผลลัพธ์ที่นานถึง 2 ปี ต่างจากสารเติมเต็มชนิดอื่น ๆ ที่ต้องฉีดซ้ำในช่วงระยะเวลาที่สั้นกว่าครับ


Sculptra ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

Sculptra ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
  • ช่วยฟื้นฟูผิวชั้นลึก : กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในชั้นผิวหนัง เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยชะลอการหย่อนคล้อยของผิวในอนาคต
  • ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย : ช่วยให้ผิวหน้าดูยกกระชับ เต่งตึง ผิวมีความแน่นฟูขึ้น
  • ช่วยเติมเต็มร่องลึก : ช่วยเติมเต็มร่องลึกที่เกิดจากวัยหรือการขาดคอลลาเจน 
  • ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ : ปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน ลดเลือนรอยเล็ก ๆ ทำให้ผิวดูสดใส
  • ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใสขึ้น : ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น มีชีวิตชีวา ดูสุขภาพดี

Sculptra มีส่วนผสมของอะไรบ้าง ?

Sculptra 1 ขวด บรรจุมาด้วยการปราศจากเชื้อแบบ freeze-dried powder ในขวดแก้ว ซึ่งแต่ละขวดจะมีส่วนประกอบหลักที่มีบทบาทในการฟื้นฟูผิวหนังอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ดังนี้

  • Poly-L-lactic acid (PLLA) – 150 mg : เป็นสารประกอบหลักใน Sculptra มีบทบาทในการกระตุ้น การผลิตคอลลาเจนใหม่ในผิวหนัง เป็นกรดโพลิเมอร์ที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เอง จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงระยะยาว เมื่อฉีดเข้าไปในผิวหนัง PLLA จะทำหน้าที่กระตุ้นให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึง และอ่อนเยาว์
  • Sodium Carboxymethylcellulose – 90 mg : เป็นตัวทำละลายที่ช่วยให้สารประกอบหลักอย่าง Poly-L-lactic acid ละลายและเจือจางได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ตัวยาจะกระจายตัวอย่างสม่ำเสมออยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เมื่อละลาย Sculptra กับ Sterile water แล้วจะได้สารละลายที่มีความคงตัวสูง พร้อมสำหรับการฉีดเข้าสู่ผิวหนัง
  • Mannitol – 127.5 mg : เป็นสารที่ช่วยรักษาความคงตัวของตัวยาในขณะที่ถูกบรรจุอยู่ในขวด ทำหน้าที่เป็นสารกันชื้นที่ช่วยป้องกันการสลายตัวของสารประกอบอื่น ๆ ภายในขวด และช่วยให้การบรรจุเป็นการบรรจุแบบสุญญากาศ ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยรักษาสภาพ และคุณภาพของสารประกอบ ทำให้ Sculptra สามารถเก็บรักษาได้นาน และมีประสิทธิภาพเมื่อใช้งาน

Sculptra มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?

Sculptra มีกระบวนการทำงานอย่างไร
  • Sculptra จะถูกฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังลึก (Subcutaneous) ที่หย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอย โดยกระจายไปตามจุดสำคัญที่ใช้ในการยกกระชับใบหน้าได้อย่างทั่วถึง
  • หลังจากฉีด Sculptra ทันที ผิวจะดูเต็มขึ้นเนื่องจากปริมาตรน้ำที่ฉีดเข้าไป และหลังฉีด 2-3 วัน น้ำและส่วนประกอบต่าง ๆ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จะเหลือเพียงแค่อนุภาคของ Sculptra เท่านั้น
  • Sculptra จะทำงานผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยดึงเซลล์เม็ดเลือดขาวแมคโครฟาส (Macrophage) เข้ามาเหนี่ยวนำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast)
  • เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่สร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ โดยเฉพาะคอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) จะถูกผลิตมากขึ้นถึง 66.5% ทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรงและกระชับมากขึ้น
  • เมื่อเวลาผ่านไป อนุภาคของ Sculptra จะค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงเส้นใยคอลลาเจนที่จะเข้ามาสะสมแทน ซึ่งมีส่วนช่วยสำคัญที่ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงในระยะยาว คงผลลัพธ์เรื่องการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวได้ประมาณ 2 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และการดูแลผิวหลังฉีด

คอลลาเจนคืออะไร ? สำคัญกับผิวหน้าอย่างไร ? 

คอลลาเจนคืออะไร ? สำคัญกับผิวหน้าอย่างไร

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกายของมนุษย์ คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้าง และให้ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ซึ่งคอลลาเจนไม่เพียงพบได้แต่ในผิวหนังเท่านั้น ยังรวมถึงกระดูก ข้อต่อ และเส้นเอ็น 

คอลลาเจนมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะ และฟังก์ชันที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วคอลลาเจนสามารถแบ่งออกเป็น 5 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I) : เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกาย มีความแข็งแรงสูง พบได้ในผิวหนัง กระดูก และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่น ๆ ช่วยให้เนื้อเยื่อมีโครงสร้างที่แข็งแรง ในผิวหนังจะมีคอลลาเจนชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียนครับ
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Type II) : พบมากในกระดูกอ่อน เช่น กระดูกอ่อนใบหู กระดูกซี่โครง หลอดลม และข้อต่อ มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยในการรักษาความชื้นของกระดูกอ่อน ซึ่งสำคัญต่อการลดแรงกระแทก และช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Type III) : พบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น ในหลอดเลือด ผิวหนัง และอวัยวะภายใน มีบทบาทในการรักษาโครงสร้าง และความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ
  • คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Type IV) : พบในเยื่อบุผิว (Basement membrane) ซึ่งเป็นชั้นของเยื่อที่ปกป้องเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ มีความเสถียรสูง ช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ อยู่ในสถานะที่สมดุล
  • คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Type V) : มีบทบาทในเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น ผิวหนังและผนังหลอดเลือด ช่วยในการสร้างเยื่อบุ และสนับสนุนการเติบโตของเซลล์
คอลลาเจนคืออะไร ? สำคัญกับผิวหน้าอย่างไร

แต่ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น การผลิตคอลลาเจนจะลดลงตามไปด้วย จากการศึกษาพบว่าร่างกายจะสูญเสียคอลลาเจน 1.5% ต่อปีตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี และน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวหนังเริ่มมีริ้วรอย หย่อนคล้อย แห้งกร้าน ไม่กระชับอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การสัมผัสแสงแดดมากเกินไป การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถเร่งการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนได้

วิธีเพิ่มคอลลาเจน

แล้วเราสามารถเพิ่มจำนวนคอลลาเจนได้จากที่ไหน การทา การทาน หรือการฉีด ? 

การเสริมคอลลาเจนสามารถทำได้หลายวิธีครับ วิธีพื้นฐานที่ได้รับความนิยม เช่น ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีวิตามินซี เรตินอยด์ หรือกรดไฮยาลูโรนิค, รับประทานอาหารที่มีประโยชน์, การทาครีมกันแดด, ทานอาหารเสริม, หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถช่วยรักษาให้คอลลเจนในผิวเสื่อมช้าลง แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และใช้ระยะเวลานานครับ

แต่ปัจจุบันได้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน Sculptra เพื่อให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น โดยเฉพาะคอลลาเจน Type I สูงถึง 66.5% ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ผิวของเราต้องการมากที่สุด เป็นส่วนประกอบหลักของโครงสร้างผิวหนัง ทำให้ผิวมีความแข็งแรง กระชับในระยะยาวครับ


Sculptra ปลอดภัยไหม ?

Sculptra ปลอดภัยไหม คุณต่าย โดยหมอแพน

Poly-L-lactic acid ที่เป็นส่วนประกอบหลักใน Sculptra เป็นกรดโพลิแลคติกที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ซึ่งหมายความว่ามีความเสี่ยงน้อยที่จะเกิดปฏิกิริยาแพ้หรือการอักเสบครับ และ Sculptra ได้ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 1999 มีงานวิจัยรองรับกว่า 50 ฉบับ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหาร และยาในประเทศสหรัฐอเมริกา  (US FDA) จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยครับ


Sculptra ดีอย่างไร ?

Sculptra ดีอย่างไร
  • สามารถกระตุ้นการผลิต Collagen Type I สูงถึง 66.5% ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ผิวของเราต้องการมากที่สุด
  • ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ปลอดภัย ผ่านการรับรองจากองค์การอาหาร และยาในประเทศสหรัฐอเมริกา  (US FDA) มีงานวิจัยรองรับกว่า 50 ฉบับ
  • หลังฉีดไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • นอกจากจะช่วยลดริ้วรอยและร่องลึกแล้ว Sculptra ยังช่วยในการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ผิวหน้าดูมีสุขภาพดี และคงความเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง เช่น ขมับ หน้าแก้ม (Midface) กรอบหน้า รวมถึงลำคอ หลังมือ
  • เมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ยืดหยุ่น และเต่งตึงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • สามารถให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 2 ปี ทำให้ Sculptra เป็นหัตถการที่งานผิวอันดับต้น ๆ ที่หลายคนให้ความสนใจ

ฉีด Sculptra เห็นผล 100% ไหม ?

การฉีด Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเห็นผล 100% สำหรับทุกคนครับ แม้ว่า Sculptra จะเป็นที่รู้จักกันดีในด้านการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูสภาพผิว แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ได้ เช่น 

  • สภาพผิวเดิมของคนไข้ : ผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก หรือผิวหย่อนคล้อยมาก อาจไม่เห็นผลชัดเจนเท่าที่ควรหลังการฉีดครั้งแรก เนื่องจากผิวอาจสูญเสียความยืดหยุ่นไปมาก ทำให้ต้องการการสร้างคอลลาเจนใหม่ในปริมาณมากเพื่อเติมเต็ม และฟื้นฟูโครงสร้างผิว อาจต้องเพิ่มความถี่ในการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
  • ความถี่และปริมาณการฉีด : การฉีดที่ไม่เพียงพอ หรือเว้นระยะเวลาห่างกันมากเกินไป อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
  • การดูแลตัวเองหลังการฉีด : ไม่ดูแลตามคำแนะนำ เช่น การนวดบริเวณที่ฉีดหลังการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ อาจส่งผลให้การกระจายตัวของสารไม่ทั่วถึง ทำให้ผลลัพธ์ไม่เท่าเทียมกัน
  • ประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ : แพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของผิว สามารถประเมิน และเลือกบริเวณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฉีด ทำให้การฉีด Sculptra มีผลลัพธ์ที่ดี และคงทน

การเข้าใจ และพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ก่อนการตัดสินใจฉีด Sculptra จะช่วยให้คนไข้มีความคาดหวัง และเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ


Sculptra เหมาะกับใคร ?

Sculptra เหมาะกับใคร
  • ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ต้องการฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวภายใน ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัด 
  • ผู้ที่ผิวขาดความยืดหยุ่น ย้วย ไม่เฟิร์ม ต้องการเพิ่มความแน่นฟูของผิว
  • ผู้ที่มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัด เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก 
  • ผู้ที่อยากมีผิวหน้าอ่อนเยาว์ ชะลอการเกิดริ้วรอยที่เกิดจากการแก่ของผิว  มีหน้าเด้ง กระชับ
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน ความสะดวก และความคุ้มค่าในระยะยาว

Sculptra ต่างจากหัตถการอื่น ๆ อย่างไร ? แบบไหนดีกว่า คุ้มกว่า ?

Sculptra เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้สาร Poly-L-lactic acid (PLLA) ซึ่งเป็นกรดชนิดที่ย่อยสลายได้ ฉีดเพื่อให้ร่างกายเกิดการผลิตคอลลาเจนมากขึ้น เน้นฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวแข็งแรง ดูแน่น เต่งตึง กระชับขึ้น ผิวเด็กอย่างยั่งยืน 

แล้ว Sculptra ต่างจากหัตถการอื่น ๆ อย่างไร ? หมอจะมาอธิบายแบบสั้น ๆ กระชับ เพื่อให้คนไข้เข้าใจว่า sculptra คืออะไรกันให้มากขึ้นครับ

Sculptra กับ ฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) เมื่อฉีดเข้าไปผิวจะมี Volume หรือเพิ่มปริมาตรของผิวในบริเวณนั้นโดยตรง และจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา 6-24 เดือน โดยไม่ได้เหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เหมาะกับคนที่มีอายุ 20ปีขึ้นไป เริ่มมีริ้วรอย หน้าหย่อนคล้อย

ส่วน Sculptra จะเป็นกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป และยั่งยืนกว่า เพราะตัวยาจะไปออกฤทธิ์ไปเรียกเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า Macrophage (แมคโครฟาจ) เข้ามาเหนี่ยวนำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่ชื่อว่า Fibroblast (ไฟโบรบลาสต์) ทำให้เกิดคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ครับ

Sculptra กับ เมโสหน้าใส

เมโสหน้าใสเป็นการฉีดสารอาหารผิว เช่น vitamin A B C E, Transamin, Glutathione  และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ  ลงไปใต้ผิวหนัง ช่วยในการฟื้นฟูผิว ให้ผิวหน้าใสขึ้น ลดจุดด่างดำ และปรับสภาพผิว เหมาะกับคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ผลลัพธ์อยู่ได้ชั่วคราวและต้องทำซ้ำเป็นระยะ ปัจจุบันมีหลายสูตรครับ เช่น มาเด้ คอลลาเจน, Filorga / Revs, Alpha arbutin, Tensonez และ Neo-Glutanex Glow

ขณะที่ Sculptra ให้ความแตกต่างตรงที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในผ่านการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย และยกกระชับผิวอย่างมีนัยสำคัญ 

Sculptra กับ เครื่องมือยกกระชับ

เครื่องมือยกกระชับเช่น Hifu Ultraformer III, Ulthera (คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูง) และ Thermage (คลื่นวิทยุ) จะเป็นการใช้คลื่นเสียงในการช่วยยกกระชับผิวและลดริ้วรอย โดยคลื่นเสียงนี้จะไปกระตุ้นคอลลาเจน ข้อดีคือไม่มีแผล เหมาะกับคนที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป กลัวเข็ม กลัวการผ่าตัด เริ่มเห็นผลชัดเจนใน 3 เดือนขึ้นไป

ส่วน Sculptra จะเป็นการเสริมความแข็งแรงให้กับผิวจากภายใน ผิวหนังที่เสื่อมสภาพได้รับการซ่อมแซม มีการฟื้นฟูตัวเองจากภายใน ช่องว่างที่ทำให้ผิวเกิดรอยพับหรือริ้วรอยถูกเติมเต็ม ทำให้ได้ผิวที่ดูเรียบเนียน เต่งตึงขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่อยู่ได้นาน

Sculptra กับ Rejuran

Rejuran เป็นการใช้ Polyneucleotide (PN) ซึ่งเป็นสารที่มาจาก DNA ของปลาแซลมอน ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูอิ่มน้ำ ผิวฟู ดูฉ่ำวาว ผิวกระจก (glass skin) แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ต่างจาก Sculptra ที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ให้ผลลัพธ์ยาวนานและเน้นเรื่องการยกกระชับผิว

Sculptra กับ Gouri

Gouri จะใช้สาร PCL (Polycaprolactone) นำมาฉีดเข้าสู่ชั้นผิว เป็นนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวที่เน้นฟื้นฟู และแก้ไขผิวที่เสื่อมสภาพตามวัยให้มีคุณภาพดีขึ้น ผิวอิ่มน้ำ รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง มีความแน่นฟู กระชับ และเรียบเนียน แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานไม่เท่า Sculptra โดยอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน

Sculptra กับ Exosome

Exosome เป็นหนึ่งในกลุ่ม Skin Booster ที่ประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลมากกว่า 1,000 ชนิด รวมถึงโปรตีน, กรดนิวคลีอิก, ลิพิด เน้นการฟื้นฟูเซลล์ผิว ให้ผิวกลับมาแข็งแรงจากภายใน แก้ปัญหาสิว ลดอาการอักเสบของผิว และผิวที่แพ้ง่าย พร้อมทั้งช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ยืดหยุ่น กระชับ และเรียบเนียน ส่วน Sculptra จะเน้นการบำรุงในผิวชั้นลึก ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ ไม่ย้วย และใบหน้าดูอิ่มฟูยกกระชับขึ้นครับ

เมื่อดูจากความแตกต่างแล้ว สรุปได้ว่า Sculptra จะมีจุดเด่นในการช่วยยกกระชับผิวและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน เป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องทำซ้ำบ่อยครั้ง ทำให้มีความคุ้มค่าในระยะยาว เมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ ที่อาจต้องฉีดซ้ำที่บ่อยกว่า Sculptra จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน เน้นฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอกครับ


ใช้ Sculptra ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม ?

Sculptra เป็นหัตถการที่ยืดหยุ่นสูงและสามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ในการฟื้นฟูคุณภาพผิว และโครงสร้างใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ แต่ต้องเว้นระยะเวลาให้เหมาะสม หากคนไข้มีหัตถการอื่นที่ต้องทำ ควรงด 2-4 อาทิตย์ ก่อนฉีด Sculptra เพื่อเป็นการเตรียมผิวให้พร้อม หรือฉีด Sculptra ไปแล้ว 4-6 สัปดาห์ ถึงจะทำหัตถการอื่นในตำแหน่งเดียวกันได้ครับ 

 ต่อไปนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Sculptra ร่วมกับหัตถการต่าง ๆ

  • ฟิลเลอร์ : Sculptra สามารถใช้ร่วมกับฟิลเลอร์ได้ โดย Sculptra จะช่วยเพิ่มคอลลาเจน และฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ในขณะที่ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มร่องลึกและปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนทันที การใช้ร่วมกันจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม และเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น
  • เมโสหน้าใส : เมโสหน้าใสสามารถใช้ร่วมกับ Sculptra เพื่อเพิ่มการฟื้นฟูผิว โดย Sculptra จะช่วยในเรื่องโครงสร้างผิวและความเต่งตึง ในขณะที่เมโสหน้าใสจะช่วยในเรื่องความชุ่มชื้น และความกระจ่างใส
  • เครื่องยกกระชับผิว : เครื่องยกกระชับผิวจะช่วยยกกระชับผิวในชั้นผิวหนังที่ลึกขึ้น การใช้เครื่องยกกระชับร่วมกับ Sculptra สามารถเสริมสร้างผลลัพธ์ในการยกกระชับผิวได้อย่างดียิ่งขึ้น โดย Sculptra ช่วยเสริมคอลลาเจนจากภายใน
  • Rejuran : Rejuran ทำหน้าที่ซ่อมแซม และช่วยผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ฉ่ำวาวเร่งด่วน รูขุมขนกระชับ การใช้ร่วมกับ Sculptra จะช่วยให้ผิวแข็งแรง และมีสุขภาพดีขึ้น
  • Exosome: Exosome มีบทบาทในการซ่อมแซม แก้ไขหลายปัญหาผิว เช่น ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ การใช้ร่วมกับ Sculptra จะเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงจากภายใน

การใช้ Sculptra ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเหมาะสมของสภาพผิว และความต้องการของแต่ละบุคคล ทั้งนี้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยครับ


Sculptra มีขั้นตอนการฉีดอย่างไร ?

ขั้นตอนฉีด Sculptra คุณฟลุค โดยหมอเพลิน
  • การตรวจประเมินสภาพผิวและรับคำปรึกษา : ก่อนเริ่มการฉีด Sculptra คนไข้จะได้รับการตรวจประเมินสภาพผิว และโครงสร้างใบหน้าจากแพทย์ เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหา และความกังวลที่มี รวมถึงรับทราบข้อปฏิบัติก่อน และหลังการฉีด เช่น คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหลังการฉีด และข้อห้ามที่ควรปฏิบัติ
  • การใช้ยาชา : ก่อนการฉีด จะมีการแปะยาชาบนบริเวณที่จะฉีดเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวด โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการทิ้งยาชา
  • การเตรียม Sculptra : ในขณะที่รอยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะทำการผสม Sculptra กับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อเพื่อเตรียมสารให้เข้าสู่รูปแบบ Active form ที่พร้อมใช้งาน
  • การฉีด Sculptra : Sculptra ที่ผสมแล้วจะถูกฉีดลงใต้ชั้นผิวหนังประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ด้วยเข็มทู่ขนาด 22-25 G ซึ่งช่วยให้สารกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ และมีประสิทธิภาพ
  • การนวดบริเวณที่ฉีด : หลังจากฉีด Sculptra เสร็จสิ้น แพทย์จะทำการนวดบริเวณที่ฉีดเบา ๆ เพื่อช่วยให้สารกระจายตัวได้ดีขึ้น และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในบริเวณนั้น ๆ การนวดช่วยให้ยาเกาะตัวเป็นเนื้อเดียวกับโครงสร้างของผิวหนัง ช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น และคงทนยาวนาน

ฉีด Sculptra ใช้เวลานานไหม ?

การฉีด Sculptra เป็นหัตถการที่ค่อนข้างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานครับ โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ระยะเวลาในการฉีดอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปัญหา และสภาพผิวของคนไข้ ตำแหน่งที่ต้องการฉีด และปริมาณของสารที่ใช้ในการฉีด 


Sculptra นิยมฉีดจุดไหน ใช้กี่ CC ?

Sculptra นิยมฉีดจุดไหน ใช้กี่ CC

Sculptra เป็นสารกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนที่ใช้เพื่อฟื้นฟู และปรับปรุงโครงสร้างผิวหนัง ซึ่งนิยมใช้ในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า โดยเฉพาะจุดที่มีการเสื่อมโทรมจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นจนเห็นเป็นร่องลึกได้ชัด เช่น 

  • ขมับ (Temporal area)
  • หน้าแก้ม (Midface) 
  • กรอบหน้า
  • ลำคอ 
  • หลังมือ

สำหรับปริมาณการฉีดต่อเคส จากผลการวิจัย และการทดลองจากกลุ่มตัวอย่างแล้ว ความพอดีของการใช้พบว่าโดยเฉลี่ยจะใช้ Sculptra 1 ขวด (10cc) /ช่วงอายุคนไข้ 10 ปีครับ เช่น คนไข้อายุ 30 ปี ก็ใช้ 3 ขวด (30 cc) ซึ่งแต่ละ Session ควรฉีดห่างกัน 4-6 สัปดาห์ (แนะนำให้ฉีด 2-3 Session)

แพทย์จะเป็นผู้ประเมินปริมาณยาที่ใช้ในการฉีดแต่ละครั้ง และต้องกลับมาติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินการตอบสนองการกระตุ้นคอลลาเจนของร่างกายครับ


ตำแหน่งไหนที่ไม่ควรฉีด Sculptra เพราะอะไร ?

ขั้นตอนฉีด Sculptra คุณฟลุค โดยหมอเพลิน

การฉีด Sculptra ไม่แนะนำให้ทำบริเวณ T-zone ได้แก่ หน้าผาก, รอบดวงตา, จมูก, ปาก รวมถึงบริเวณรอบปาก (Hyperdy,amic Area) ที่มีการขยับบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก เนื่องจากหลายปัจจัยดังต่อไปนี้

  • โครงสร้างและความหนาของผิว : ผิวหนังบริเวณ T-zone จะมีลักษณะที่แตกต่างจากบริเวณอื่น ๆ โดยเฉพาะที่จมูก และหน้าผาก ซึ่งมักมีผิวหนังที่บาง และมีต่อมไขมันมากกว่า 

    การฉีด Sculptra ที่บริเวณเหล่านี้ อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เนื่องจาก Sculptra ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในบริเวณที่ผิวหนังหย่อนคล้อยหรือมีร่องลึก

  • ความเสี่ยงของผลข้างเคียง : บริเวณ T-zone เป็นพื้นที่ที่มีต่อมไขมันมาก และอาจมีความไวต่อการอักเสบหรือการติดเชื้อมากกว่าบริเวณอื่น ๆ การฉีด Sculptra อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การอักเสบหรือการสร้างก้อนแข็งใต้ผิวหนังตามมาได้
  • ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ : Sculptra มีประสิทธิภาพสูงในการฟื้นฟูบริเวณที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยและร่องลึก เช่น หน้าแก้ม ขมับ และลำคอ แต่บริเวณ T-zone มักมีปัญหาเกี่ยวกับรูขุมขน และความมันมากกว่าที่จะเป็นร่องลึกจากการสูญเสียคอลลาเจน

Sculptra ราคาเท่าไหร่ ?

Sculptra ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 20,xxx.- / ขวด (10cc) ครับ อาจแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ของแพทย์ รวมถึงโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจของแต่ละคลินิก หากคนไข้พบ Sculptra ราคาต่ำกว่าปกติ ขวดละไม่กี่พัน ในกรณีนี้ควรตรวจสอบ และพิจารณาอย่างรอบคอบครับ เพราะอาจเป็นของปลอม หรือเป็น Sculptra ราคาถูกที่หิ้วมาขายให้กับหมอเถื่อนที่รับฉีดตามบ้าน ตามคอนโด 

โปรโมชั่น Sculptra ราคา ที่ V Square Clinic

Sculptra ราคา

Sculptra ราคา 29,000.-/ 10 cc (1 ขวด)

  • เลือกรับฟรี REVS (NCFS) 1 ครั้ง มูลค่า 6,000.- 
  • หรือเลือกรับ Lipo VSQ 6 cc มูลค่า 6,000.-

Sculptra ราคา 58,000.- / 20cc (2 ขวด)

  • เลือกรับฟรี REVS (NCFS) 2 ครั้ง มูลค่า 12,000.- 
  • หรือเลือกรับ Rejuran 2 cc มูลค่า 9,900.-

Sculptra ราคา 75,000.- / 30cc (3 ขวด)

  • เลือกรับฟรี REVS (NCFS) 3 ครั้ง มูลค่า 18,000.- 
  • หรือเลือกรับ NEAUVIA 1 Syring / 2.5 CC มูลค่า 16,000.-

Sculptra ราคา 100,000.- / 40cc (4 ขวด)

  • เลือกรับฟรี REVS (NCFS) 1ครั้ง +  NEAUVIA 1 Syring  มูลค่ารวมกว่า 22,000.-
  • หรือเลือกรับ Rejuran 4 cc มูลค่า 19,800.-

Sculptra รีวิว

Sculptra รีวิวหลังทำ 1 เดือน
Sculptra รีวิวหลังทำ 1 เดือน
Sculptra รีวิวหลังทำ 25 เดือน
Sculptra รีวิวก่อน-หลังทำ 25 เดือน
Sculptra รีวิวหลังทำ
Sculptra รีวิวก่อน-หลังทำ 4 ครั้ง
Sculptra รีวิวหลังทำ
Sculptra รีวิวก่อน-หลังทำ 4 ครั้ง

วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีด Sculptra

  • งดยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น กลุ่มยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา ฯลฯ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำที่อาจเกิดขึ้นได้
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด 
  • ไม่อยู่ในภาวะการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาใด ๆ อยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด Sculptra

วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra 

  • การดูแลหลังทำ sculptra
  • งดทำเลเซอร์ที่มีความร้อนสูง 1 เดือน
  • งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
  • งดซาวน่า 1-2 สัปดาห์ 
  • งดออกกำลังกายหักโหม 2-3 วัน  

หลังฉีด  Sculptra อาจมีอาการบวมจากรอยเข็ม และจากตัวยาซึ่งจะถูกดูดซึมภายใน 2-3 วัน สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม และเว้นการฉีดสารอื่น ๆ หลังจากฉีด Sculptra นอกจากนี้ ควรนวดเพื่อให้ตัวยาดูดซึมกระจายเข้าสู่ผิวให้ได้มากที่สุด


วิธีการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra 

วิธีการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra

หลังฉีดคนไข้ควรนวดตามหลัก  Triple 5 (5 วัน 5 ครั้ง 5 นาที) แนะนำให้นวดหลังฉีดทันที โดยนวดลงน้ำหนักมือเป็น vector ตามแนวกล้ามเนื้อ และบริเวณที่ฉีด โดยสเต็ปการนวดมี 4 ท่า

  • Step ที่ 1 ใช้นิ้วโป้งของเรานวดขมับทั้ง 2 ข้างแล้วใช้กำปั้นค่อย ๆ นวดเลื่อนจากหน้าผากไปขมับ 
  • Step ที่ 2 ยกนิ้วโป้งขึ้น แนบไปตรงหน้าแก้ม ทั้งสองข้าง แล้วเลื่อนจากหน้าแก้มไปข้าง ๆ แก้ม 
  • Step  ที่ 3 ใช้อุ้งมือกดช่วงข้าง ๆ แก้ม แล้วค่อย ๆ นวดไล่จากล่างขึ้นบนไปถึงตรงโหนกแก้ม 
  • Step ที่ 4 ท่าสุดท้าย ทำมือคล้าย ๆ  กับท่าที่สอง ยกนิ้วโป้งขึ้น เริ่มจากที่คางไล่ไปตามแนวกรามกรอบหน้าด้านข้าง

ฉีด Sculptra ที่ไหนดี ?

  • เลือกคลินิกที่แพทย์มีประสบการณ์สูงในการฉีด Sculptra และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ สามารถประเมินปัญหาผิวหน้าได้อย่างแม่นยำ และตรงจุด ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์จากการฉีดมีประสิทธิภาพสูง
  • เลือกคลินิกที่มีสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย และได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอาหารและยา (อย.) หรือสภาแพทย์ 
  • รีวิวจากผู้ที่เคยรับการฉีด Sculptra ที่คลินิกนั้น ๆ เพื่อประเมินความพึงพอใจ และผลลัพธ์ที่ ควรหาข้อมูลจากแหล่งที่เป็นกลาง และน่าเชื่อถือ
  • คลินิกที่ดีควรให้คำปรึกษาก่อนการรักษาอย่างละเอียด รวมถึงอธิบายขั้นตอนการฉีด ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คนไข้เข้าใจขั้นตอน และมีความพร้อมสำหรับการฉีด
  • ราคาการฉีด Sculptra ควรสอดคล้องกับคุณภาพ และมาตรฐาน ไม่ควรสูงเกินไป

ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล ?

  • หลังฉีด Sculptra ทันที : ผิวจะดูเต็มขึ้นเนื่องจากปริมาตรน้ำที่ฉีดเข้าไป และหลังฉีด 2-3 วัน น้ำและส่วนประกอบต่าง ๆ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จะเหลือเพียงแค่อนุภาคของ Sculptra เท่านั้น
  • หลังฉีด Sculptra 5 วันแรก : ในช่วงนี้จะเริ่มมีกระบวนการเพิ่มการผลิตคอลลาเจน แต่อาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน  คนไข้อาจสังเกตเห็นบวมเล็กน้อยหรือความรู้สึกตึงที่บริเวณที่ฉีด
  • หลังฉีด Sculptra 2-3 สัปดาห์ : ผิวจะเริ่มแสดงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ผิวดูแน่นขึ้น และมีความเรียบเนียนมากขึ้น ในช่วงนี้ Sculptra จะเริ่มกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนอย่างเต็มที่
  • หลังจากนั้น : ผลลัพธ์จาก Sculptra จะค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงหลายเดือนถัดไป โดยปกติจะเห็นผลลัพธ์สูงสุดหลังจากฉีดประมาณ 4-6 เดือน และผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2-3 ปี

การฉีด Sculptra เป็นหัตถการที่ต้องใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เนื่องจากมันขึ้นอยู่กับกระบวนการธรรมชาติของร่างกายในการผลิตคอลลาเจนใหม่ครับ ดังนั้นควรมีความอดทน และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อการฟื้นฟูผิวที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน


Sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันนานไหม ?

การฉีด Sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง ? ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไขของคนไข้แต่ละบุคคลครับ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวางแผน และประเมินจากแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม และอยู่ได้นาน

สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่มาก

  • จำนวนครั้ง และความถี่ : แนะนำให้ฉีด Sculptra 3 ครั้ง โดยมีระยะห่างระหว่างการฉีดแต่ละครั้งประมาณ 1 เดือน
  • ปริมาณการฉีด : ฉีดครั้งละ 1 ขวด (10cc) ในแต่ละครั้ง

สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมากหรืออายุ 30 ปีขึ้นไป

  • ปริมาณการฉีด : แนะนำให้นำอายุมาหาร 10 จะได้ปริมาณขวดที่ควรใช้ และฉีดครั้งละ 1-2 ขวด เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน และคงทนยิ่งขึ้น
  • การฉีดซ้ำ : อาจต้องฉีดต่อเนื่องกันหลายครั้งตามคำแนะนำของแพทย์ เช่นเดียวกับกรณีที่มีปัญหาผิวไม่มาก โดยมีระยะห่างประมาณ 1 เดือนระหว่างแต่ละครั้ง

การฉีด Sculptra ควรได้รับการดูแล และติดตามผลโดยแพทย์ เพื่อประเมินผลลัพธ์ และการตอบสนองของร่างกาย ตลอดจนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลหลังการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และยาวนานที่สุดครับ


ฉีด Sculptra อยู่ได้นานไหม ?

  • ฉีดต่อเนื่อง 2-3 ครั้งในช่วงแรก : การฉีด Sculptra อย่างต่อเนื่องในช่วงแรก ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งครับ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และยาวนาน แนะนำให้ฉีด 2-3 ครั้ง ซึ่งสามารถคงทนได้นานถึง 2 ปี
  • ฉีดครั้งเดียวโดยไม่ฉีดซ้ำ : หากฉีดเพียงครั้งเดียว และไม่ฉีดซ้ำ ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ค่อยชัดเจนครับ โดยจะอยู่ได้นานประมาณ 2-4 เดือน จากนั้นผิวจะเริ่มสูญเสียความเต่งตึงที่ได้รับจากการฉีดครั้งแรกเนื่องจากไม่มีการกระตุ้นใหม่ของการผลิตคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง

Sculptra มีผลข้างเคียงไหม ?

หลังฉีด Sculptra อาจมีผลข้างเคียงได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลข้างเคียงชั่วคราว และจะค่อยๆ หายไปเอง เช่น

  • อาการบวมและปวด : บริเวณที่ได้รับการฉีดอาจมีอาการบวมหรือปวด เป็นผลข้างเคียงทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ จะค่อยๆ ลดลง และหายไปภายใน 2-3 วัน
  • รอยแดง : อาจมีรอยแดงปรากฏขึ้นบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากการตอบสนองของเข็ม และการฉีดสารเข้าไปในผิวหนัง จะค่อย ๆ จางหายไปเอง
  • ก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง : ในบางรายอาจคลำพบก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังในช่วงแรกหลังการฉีด ซึ่งเป็นผลจากตัวยายังไม่ได้กระจายตัวอย่างทั่วถึง แพทย์จึงมักแนะนำให้คนไข้นวดบริเวณที่ฉีด เพื่อช่วยให้ Sculptra กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวจะค่อย ๆ หายไปเอง

ข้อควรระวังในการทำ Sculptra

ข้อห้ามในการฉีด Sculptra

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้สาร Poly-L-lactic acid
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับการอักเสบหรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคระบบภูมิคุ้มกัน หรือทานยากดภูมิคุ้มกัน
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่เคยเกิดหรือไวต่อการเกิดคีลอยด์หรือแผลนูน

ฉีด Sculptra เจ็บไหม ?

การฉีด Sculptra คนไข้จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ เนื่องจากเข็มที่ใช้ฉีดมีขนาดเล็กมาก โดยจะมีขนาด 22-25 G ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กพอที่จะทำให้การฉีดมีความแม่นยำ และลดความรู้สึกไม่สบายจากเข็มและก่อนทำจะมีการแปะยาชา ช่วยลดความเจ็บขณะฉีดได้ครับ 


Sculptra ของแท้ มีวิธีดูอย่างไร ?

วิธีดู Sculptra ของแท้
  • มีสติกเกอร์โมโนแกรมพร้อมชื่อแบรนด์อยู่บนกล่อง โดยจะต้องไม่มีรอยฉีกขาด ไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน 
  • มีสัญลักษณ์ลายน้ำ S นูนหน้ากล่อง ซึ่งสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกว่าตัวอักษรมีความนูนได้ชัดเจน
  • มีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยติดอยู่ข้างกล่อง โดยจะต้องมีการระบุเลขล็อต วัน/เดือน/ปีที่ผลิต ที่ตรงกับฉลากหน้ากล่อง
  • ลักษณะขวดสุญญากาศด้านในเป็น PLLA Powder ไม่มีของเหลวผสม และฝาขวดด้านบนจะมีลักษณะเป็นจุกยาง ต้องไม่มีรอยแกะ รอยขาด หรือรอยเจาะที่บ่งบอกถึงการใช้งานมาก่อน
  • สแกน QR Code ผ่านแอป eZTRacker เพื่อตรวจสอบได้ เมื่อสแกนแล้วระบบจะขึ้นข้อมูลของสินค้า ทั้งหมายเลขสินค้า วันผลิต และวันหมดอายุ ซึ่งจะต้องตรงกันกับเอกสารข้างกล่อง

สรุป

Sculptra เป็นหัตถการที่ช่วยลดริ้วรอย เติมเต็ม และยกกระชับใบหน้าที่สามารถคาดหวังผลได้ เรียกได้ว่าเป็นหัตถการทางเลือกแทนการผ่าตัดเสริมความงามเลยก็ว่าได้ครับ เพราะสิ่งที่ต่างกันออกไปคือ Sculptra สามารถช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ฟื้นฟูโครงสร้างผิวหนังจากภายใน จากงานวิจัยพบว่า sculptra สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี คนไข้ที่ฉีดพึงพอใจครับ ในขณะที่การผ่าตัดช่วยให้หน้าดูกระชับขึ้นเท่านั้น 

โดยรวมแล้ว Sculptra เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด มีผิวเด็กอย่างยั่งยืน แต่ควรฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ ทำในคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้ตัวยาของแท้เท่านั้นครับ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการครับ ที่ V Square Clinic สามารถปรึกษาหมอได้ทางออนไลน์ฟรี ก่อนนัดคิวเข้ามาใช้บริการครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน