เมโสฝ้า กระ คืออะไร ? ช่วยลดรอยฝ้า กระได้จริงไหม ? กี่วันเห็นผล ต้องฉีดกี่ครั้ง ?

Categories
mesotherapy
ฉีดเมโสฝ้ากระ โดยหมอเป้

ฉีดเมโสฝ้ากระ ลดริ้วรอย จุดด่างดำ

ฝ้า กระ และริ้วรอยจุดด่างดำ เป็นตัวการทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส และมีผลกระทบทางด้านความสวยงาม ที่พบได้บ่อย ๆ ครับ 

ใครที่มีปัญหาเหล่านี้และอยากกำจัดฝ้า กระ ลดริ้วรอย จุดด่างดำ เพราะรู้สึกสูญเสียความมั่นใจ การฉีดเมโสฝ้า (meso melasma) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูผิว ให้กระจ่างใสขึ้น แต่จะเหมาะกับทุกคนหรือไม่ ? ต้องฉีดกี่ครั้ง ? หลังฉีดเมโสฝ้ากี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ? มียี่ห้อใดบ้าง ? หาคำตอบได้ในบทความนี้ครับ 

สารบัญ ฉีดเมโสฝ้ากระ ลดริ้วรอย จุดด่างดำ

  1. ฝ้า กระ คืออะไร มีกี่แบบ ?
  2. ฝ้า กระ เกิดจากสาเหตุอะไร ?
  3. ฝ้า กระ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ?
  4. เมโสฝ้า กระ คืออะไร ?
  5. ยาเมโสฝ้า กระ ทำมาจากอะไร ?
  6. การฉีดเมโสฝ้า กระ ช่วยให้หน้าดีขึ้นได้อย่างไร ?
  7. เมโสฝ้า กระ ดีอย่างไร ?
  8. ฉีดเมโสฝ้า กระ อันตรายไหม ?
  9. เมโสฝ้า กระ เหมาะกับใคร ?
  10.  ฉีดเมโสฝ้า กระ ไม่เหมาะกับใคร ?
  11. เมโสฝ้า กระ ต่างกับเมโสอื่นอย่างไร ?
  12. เมโสฝ้า กระ มีวิธีฉีดอย่างไร นานไหม ?
  13. เมโสฝ้า กระ มีกี่ยี่ห้อ ?
  14. เมโสฝ้า กระ แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?
  15. เมโสฝ้า กระ แต่ละยี่ห้อ ของแท้ของปลอมดูอย่างไร ?
  16.  ข้อดีของการฉีดเมโสฝ้า กระ
  17. ข้อเสียของการทำเมโสฝ้า กระ
  18. การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสฝ้า กระ ต้องทำอะไรบ้าง ?
  19. วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสฝ้า กระ เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่นาน ?
  20.  ฉีดเมโสฝ้า กระ มีผลข้างเคียงไหม ?
  21. หากมีผลข้างเคียงจากการฉีดเมโสฝ้า กระ ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?
  22. ฉีดเมโสฝ้า กระ กี่วันเห็นผล ?
  23. เมโสฝ้า กระ ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล ?
  24. หากฉีดเมโสฝ้า กระ ไม่ต่อเนื่องจะเป็นอย่างไร ?
  25.  เมโสฝ้า กระ อยู่ได้นานไหม ?
  26.  ฉีดเมโสฝ้า กระ เจ็บไหม ?
  27. ฉีดเมโสฝ้า กระ ราคาเท่าไร ?
  28.  ฉีดเมโสฝ้า กระ ที่ไหนดี ?
  29. รีวิวการฉีดเมโสฝ้า กระ

ฝ้า กระ คืออะไร มีกี่แบบ ?

ฝ้า (Melasma) คือ ภาวะที่เซลล์สร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำงานมากเกินไป จึงมีเม็ดสีหรือเมลานินเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวหนังเกิดปื้นสีเข้ม

ฝ้า

โดยลักษณะของฝ้าจะเป็นรอยน้ำตาลขอบไม่เรียบ พบได้ตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อน จนถึงสีน้ำตาลเข็ม หรือน้ำตาลเทา ขึ้นอยู่กับความลึกของฝ้าในชั้นผิวหนัง สามารถแบ่งออกเป็น 4 แบบ คือ 

1.ฝ้าตื้น เป็นฝ้าในชั้นหนังกำพร้า (epidermal type) มักเห็นขอบเขตชัดเจน มีสีน้ำตาลเข้ม 

2.ฝ้าลึก ฝ้าเกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ (dermal type)

3.ฝ้าผสม หรือ ฝ้าชนิดผสม (mixed type) เป็นชนิดที่พบได้มาก โดยพบร่วมกันทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึก 

4.ฝ้าที่ไม่สามารถบอกตำแหน่งได้ชัดเจน (indeterminate type) พบในผู้ป่วยที่มีสีผิวเข้มมาก ๆ ทำให้ไม่สามารถแยกได้ชัดเจนว่าฝ้าเกิดอยู่ในผิวหนังชั้นหนังกำพร้าหรือหนังแท้ 

ฝ้า พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย บริเวณที่ร่างกายสัมผัสแสงแดด เช่น ใบหน้า หน้าผาก โหนกแก้ม จมูก เหนือริมฝีปากบน และคาง เป็นต้น 

ตำแหน่งเกิดฝ้า

กระ (freckles) คือ จุดด่างดำที่เกิดบนใบหน้า มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้ม เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติในการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) คล้าย ๆ กับฝ้าครับ โดยมีการสร้างเม็ดสีเมลานินจากเซลล์เมลาโนไซต์ที่ใต้ชั้นผิวหนัง เมื่อผิวสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เมลาโนไซต์จะเพิ่มการผลิตเมลานินเพื่อทำการปกป้องผิวจากความเสียหาย ทำให้เซลล์เม็ดสีเกิดการกระจุกรวมตัวกันมากกว่าปกติ  

กระ พบได้บนใบหน้าเป็นส่วนใหญ่ และยังสามารถพบได้บนผิวหนังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ลำคอ แขน ขา แบ่งออกได้ 4 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้ 

  1. กระลึก (Lentigines) : เป็นกระที่อยู่ใต้ชั้นผิวลึก พบได้บริเวณโหนกแก้มมากที่สุด โดยกระชนิดนี้ จะรักษาได้ยาก 
  2. กระตื้น (Ephelides) : มักพบในคนผิวขาว จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่มีสีเข้มหรืออ่อนกว่าผิวหนัง แต่ส่วนใหญ่เป็นสีน้ำตาล 
กระ
  1. กระแดด (Solar Lentigo) : เป็นกระที่เกิดจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน พบได้มากในวัยผู้ใหญ่มากกว่าวัยรุ่น มักมีลักษณะเป็นดวงสีน้ำตาลเข้ม ผิวเรียบ 
  2. กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis) : เป็นกระที่มักเกิดจากพันธุกรรม มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อเล็ก ๆ นูนออกมาจากผิวหนัง มักมีสีน้ำตาล สีดำ เกิดขึ้นตามใบหน้าหรือคอ 

ฝ้า กระ เกิดจากสาเหตุอะไร ?

ปัจจุบันพบสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ มาจากหลายสิ่งเข้าไปกระตุ้น ทั้งปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม ฮอร์โมน รวมถึงกรรมพันธ์ุ 

1. แสงแดด (sun exposure)

“แสงแดด” รังสีอัลตร้าไวโอเลต หรือ รังสียูวี (ultraviolet radiation, UV) เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดฝ้า กระ และยังกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีมีการผลิตเม็ดสีมากขึ้น โดยเฉพาะในบ้านเราที่เป็นเมืองร้อน มีแสงแดดตลอดปี โอกาสเกิดฝ้าจากแสงแดดจึงมีสูงครับ ใครที่ตากแดดเป็นประจำ โอกาสเกิดฝ้าก็ยิ่งมีสูงมากขึ้น เพราะในแสงแดดยังมีรังสีอินฟราเรด (infrared radiation) ที่ก่อให้เกิดความร้อน และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีได้เช่นเดียวกัน

แสงแดดสาเหตุการเกิดฝ้า

2. ความร้อน 

ความร้อนที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ นอกจากแสงแดด ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน เช่น ความร้อนหน้าเตาไฟ พบได้บ่อย ๆ ในพ่อค้า แม่ค้าที่ต้องทำงานอยู่หน้าเตาไปเป็นเวลานาน ๆ ติดต่อกัน

3. ฮอร์โมนเพศ (sexual hormones) 

  • ฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) 
  • ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone) 
  • ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) 

ล้วนสัมพันธ์กับการเกิดฝ้าครับ จะเห็นได้ว่าคนที่ตั้งครรภ์บางคนมีฝ้าเกิดขึ้นใหม่ หรือเคยมีฝ้ามาก่อน ก็อาจจะมีฝ้าเข้มมากขึ้นได้ 

ฝ้า กระ

นอกจากนี้ยังพบฝ้าในผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด หรือผู้ที่ใช้ฮอร์โมนทดแทน ขณะเดียวกันในเพศชายที่มีความผิดปกติของระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน 

4. ปัจจัยทางด้านเชื้อชาติและสีผิว (skin phototype) 

ลักษณะของสีผิวที่แตกต่างกันมีผลต่อการเกิดฝ้าครับ ฝ้าสามารถเกิดได้กับทุกเชื้อชาติและสีผิว แต่สามารถพบได้มากในคนผิวสองสี หรือในคนที่มีเชื้อสาย Hispanic เอเชีย อินเดีย ปากีสถาน ตะวันออกกลาง และแอฟริกัน อเมริกัน มากกว่าคนผิวขาวจัด หรือดำจัด 

5. ปัจจัยทางพันธุกรรม (genetic predisposition)

ฝ้ากับพันธุกรรม มีความสัมพันธ์กันครับ คนที่เป็นฝ้าจะมีพันธุกรรมที่เอื้อต่อการเป็นฝ้าแฝงอยู่เสมอ และในปัจจุบันยังไม่สามารถหายีนที่ควบคุมการเกิดฝ้าได้ โดยเฉพาะญาติสายตรง เช่น บิดา มารดา พี่ หรือน้อง (first-degree relatives) จะมีโอกาสเกิดฝ้าได้สูง มีการศึกษาในปี ค.ศ. 2009 ซึ่งเก็บข้อมูลจากหลายประเทศทั่วโลก พบว่าประมาณร้อยละ 48 ของคนที่เป็นฝ้ามักจะมีประวัติคนในครอบครัวเป็นฝ้าเช่นเดียวกัน

6. การอักเสบของผิวหนัง 

เมื่อผิวหนังเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการทายาบางชนิด หรือทำหัตถการที่ส่งผลต่อผิวหนัง เช่นการทำเลเซอร์บางประเภท ก็จะสามารถกระตุ้นให้ฝ้าที่เป็นอยู่เข้มขึ้นได้ 

7. ยารับประทานบางชนิด

โดยเฉพาะยากันชัก กลุ่ม Phenytoin หรือยาในกลุ่มที่ก่อให้เกิดการไวต่อแสง (photosensitizing drugs) สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้

8. ไม่ใช้ครีมบำรุง

ในกลุ่มคนที่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ไม่ใช้ครีมบำรุง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวไม่แข็งแรง ทำให้เกิดฝ้า กระ ได้ง่าย 

9. ภาวะเครียด 

มีรายงานการเกิดฝ้า กระ ตามหลังภาวะเครียด และในคนที่เป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งอาจจะสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นผิดปกติของฮอร์โมนบางชนิดที่สามารถกระตุ้นให้มีการสร้างเม็ดสีมากขึ้นได้

10. โรคบางชนิด 

โรคบางชนิด เช่น ความผิดปกติของไทรอยด์โดยเฉพาะกลุ่ม Autoimmune thyroid disease เนื้องอกรังไข่ (ovarian tumors) ก็เคยมีรายงานการกระตุ้นให้ฝ้าเป็นมากขึ้น


ฝ้า กระ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ?

ฝ้าเป็นโรคที่รักษาค่อนข้างยาก ใช้เวลาในการรักษานาน และมักเป็น ๆ หาย ๆ จึงต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นทำให้เกิดฝ้า กระ ร่วมด้วย 

รักษาฝ้า

ในส่วนของวิธีการรักษาปัจจุบัน ทำได้หลายวิธี โดยใช้ระยะเวลาในการรักษาและให้ผลลัพธ์หลังการรักษาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของฝ้า ดังนี้ 

  • การใช้ยาทา

การรักษาฝ้าโดยใช้ยาทา จะมีตัวยาหลายสูตร ส่วนผสมหลักคือ ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ซึ่งเป็นยาที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้นครับ เพราะหากตัวยามีผสมของสารไฮโดรควิโนนที่มากเกินไป จะส่งผลอันตรายต่อผิว ถึงขั้นเซลล์เม็ดสีตายและเกิดเป็นด่างขาวขึ้นได้ 

ปัจจุบันพบได้บ่อย ๆ ในครีมที่โฆษณาเกินจริงว่าสามารถลดฝ้า จุดด่างดำ ได้เร็ว ๆ ภายใน 3 วัน 7 วัน แบบนี้ต้องระวังครับ 

Vsquare tips

ข้อควรรู้ : ในปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ห้ามผสมสารไฮโดรควิโนนในเครื่องสำอาง เกินร้อยละ 2 แต่กรณีความเข้มข้นที่สูงขึ้น ต้องให้แพทย์สั่งจ่ายและติดตามผลเพื่อประเมินอาการและ ผลข้างเคียงจากการใช้ยา

  • การฉีดเมโสฝ้ารักษาฝ้า กระ 

การฉีดเมโสลดฝ้ากระ จะเป็นการฉีดตัวยาหรือวิตามินเข้าไปในชั้นผิวเพื่อช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสี ข้อดีคือตัวยาจะซึมเข้าสู่ผิวได้ทันที จึงให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าการทาครีมลดฝ้า ช่วยลดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้เร็ว ปัจจุบันได้รับความนิยมมากครับ เพราะราคาไม่แพง และมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับการฉีดเมโสลดฝ้า/เมโสเมลาสมา หมอจะอธิบายอย่างละเอียดให้หัวข้อต่อ ๆ ไป  

  • ยากินลดฝ้า

นอกจากยาทา ยาฉีดแล้ว ยังมีในส่วนของยากินกลุ่ม Tranexamic acid ซึ่งเป็นยาที่มีรายงานทางการแพทย์ว่าสามารถทำให้ฝ้าจางลงได้ แต่เนื่องจากยาตัวนี้มีผลรักษาเกี่ยวกับระบบการแข็งตัวของเลือด และมีผลข้างเคียงอื่น ๆ การใช้ยาจึงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด และก่อนการรักษาจะต้องมีการตรวจและประเมินก่อนให้ยาโดยแพทย์

  • ทรีตเมนต์รักษาฝ้า

การทำทรีตเมนต์รักษาฝ้าด้วยสารเคมีอ่อน ๆ (superficial chemical peels) เช่น การผลัดผิวด้วยกรด TCA หรือกรดผลไม้ สามารถช่วยทำให้ผิวหนังบริเวณที่มีฝ้าหลุดลอกออกได้ครับ แต่ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม เพราะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการแดงอักเสบของผิวหนัง การติดเชื้อ ทำให้เกิดรอยดำตามมาภายหลังได้

ทรีตเมนท์รักษาฝ้า

อีกทรีตเมนต์รักษาฝ้าที่ยังเป็นนิยม คือ Electroporation หรือการใช้เครื่องมือ ion wave นำตัวยาเข้าสู่ชั้นผิว ซึ่งลงได้ลึกกว่าการทายา สามารถช่วยลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี มักใช้เสริมการรักษาหลังจากที่ทำเลเซอร์ครับ 

  • กรดวิตามินลดฝ้า  

กรดวิตามินเป็นยาทาที่ช่วยเร่งการหลุดลอกของเซลล์ผิวชั้นบน จึงช่วยให้รอยฝ้าดูจางลงได้ โดยกรดวิตามินที่ทำมาใช้ ได้แก่ 

  • กรดวิตามินเอ (tretinoin 0.025-0.1%) ช่วยทำให้มีการแบ่งตัวของผิวหนังเร็วมากขึ้น มีการผลัดและหลุดลอกของผิวหนังชั้นบนได้เร็วและยังมีส่วนช่วยในการยับยั้งการส่งต่อของเม็ดสีจากเซลล์สร้างเม็ดสีไปที่เซลล์ผิวหนัง ยับยั้งการสร้างเม็ดสี และลดการอักเสบของผิวหนัง แม้จะมีข้อดีแต่ก็ต้องระมัดระวังในการใช้ครับ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ทำให้มีการระคายเคืองต่อผิวหนัง มีอาการ แห้ง ลอก แสบ แดง คันได้ 
  • กรดอะเซเลอิค (azelaic acid) ตัวนี้จะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดกระบวนการอักเสบ ของผิวหนัง และช่วยรักษาฝ้าได้ โดยต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม (ขนาด 15-20%) หลังใช้อาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อยจากการใช้ยา เช่น แดง คัน แสบบริเวณที่ทายา เป็นต้น 
  • กรดวิตามินซี (ascorbic acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของผิวหนัง ทำให้ฝ้าจางลงได้ 
  • การใช้เลเซอร์รักษาฝ้า 

การใช้เลเซอร์รักษาฝ้า กระ มักทำในกลุ่มที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เพื่อทำลายเม็ดสีส่วนเกิน เป็นวิธีที่ค่อนข้างได้รับความนิยม กลุ่มที่เลเซอร์ที่ช่วยลดฝ้าได้แก่ Q-switched Nd YAG, Copper Bromide laser, PicoSure etc. ซึ่งเป็นเลเซอร์กลุ่มที่ยิงผ่านผิวหนังลงไปทำลายเม็ดสีส่วนเกินให้แตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ

ซึ่งต้องทำโดยเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานและทำโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อผลการรักษาที่น่าพึงพอใจ และไม่ไปกระตุ้นทำให้ฝ้ามีมากขึ้นครับ 

เลเซอร์ลดฝ้า

ถึงแม้ว่าการรักษาฝ้าจะมีหลายวิธีตามที่หมอกล่าวมาข้างต้น แต่ปัจจุบัน “ฝ้า” ยังเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ครับ สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ ดังนั้นหนึ่งเรื่องสำคัญในการรักษาฝ้า เพื่อลดการกลับมาเป็นซ้ำ คือการหาสาเหตุและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดฝ้า เช่น ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่าง ๆ 


เมโสฝ้า กระ คืออะไร ?

เมโสฝ้า คืออะไร ? การฉีดเมโสฝ้า/Meso Melasma คือเทคนิคการฉีดแบบเดียวกับ mesotherapy หรือการฉีดวิตามิน ตัวยาเข้มข้นหลาย ๆ ชนิด ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อผิว เข้าสู้ผิวชั้นกลาง หรือที่เราเรียกกันว่า “ผิวชั้นเมโส” โดยตรง จึงสามารถกระจายตัวยารักษาฝ้าอย่างเฉพาะเจาะจง และตัวยาซึมเข้าสู่ผิวทันที

การฉีดเมโสฝ้า กระ จุดด่างดำ

ด้วยคุณสมบัติของตัวยาที่ฉีดเข้าไป จะช่วยควบคุมให้เซลล์สีหรือเม็ดสีทำงานลดลง จึงส่งผลให้รอยฝ้า กระจางลดลง จุดด่างดำ จางลงได้เร็วขึ้นครับ เป็นการฉีดด้วยเทคนิคเฉพาะที่ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ร่วมกับการเลือกตัวยาที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล


ยาเมโสฝ้า กระ ทำมาจากอะไร ?

เนื่องจากตัวยาเมโสฝ้า/mesoฝ้า มีหลายสูตร หลายยี่ห้อ ส่วนประกอบแตกต่างกัน แต่ส่วนประกอบหลัก ๆ ของตัวยาเมโสสลายฝ้า ที่ทำให้เซลล์มีเม็ดสี Melanin น้อยลง และช่วยฟื้นฟูผิว ตัวอย่างเช่น 

  • Tranexamic acid หรือ Transamin เป็นสารที่ช่วยลดการทำงานของเม็ดสี (Melanin) 
  • Idebenone เป็นอนุพันธ์ของสาร Coenzyme Q10 ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดริ้วรอย ฟื้นฟูผิว
  • Vitamin C มีส่วนช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส เปล่งปลั่ง และมีคุณสมบัติในการยับยั้ง Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญที่กระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี 
  • N-acetyl glucosamine ช่วยลดเลือนรอยดำ ผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด ลดปริมาณเม็ดสีในเซลล์ 
  • Multivitamins+Antioxidants หรือสารบำรุงผิวตัวอื่น ๆ ที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวในระดับเซลล์ รักษาฝ้า ลดรอยดำสิว ช่วยให้เซลล์สร้างเม็ดสีขาว แทนเม็ดสีคล้ำ
  • Alpha arbutin ที่มีส่วนช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดสีเมลานิน 
  • Glutathione (GSH) ที่มีส่วนช่วยลดการสังเคราะห์เมลานิน ทำให้สีผิวดูกระจ่างใสขึ้น
  • Collagen ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว 
  •  pdrn (Polydeoxyribonucleotide) ที่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ดูกระจ่างใส กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ที่ถูกทำลายจากมลภาวะต่าง ๆ

การฉีดเมโสฝ้า กระ ช่วยให้หน้าดีขึ้นได้อย่างไร ? 

หลังการฉีดเมโสลดฝ้า ส่วนผสมของตัวยาที่ฉีดเข้าไปแต่ละสูตร จะออกฤทธิ์ได้ทันที ทำให้ในเซลล์มีเม็ดสี Melanin น้อยลง ทำให้เห็นผลลัพธ์ว่าฝ้าที่สีเข้มเริ่มจางลงเร็ว สีผิวดูสม่ำเสมอ และกระจ่างใสขึ้น 

การทำงานของเมโสฝ้า

เมโสฝ้า กระ ดีอย่างไร ? 

การฉีดเมโสฝ้า กระ ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดีครับ ช่วยให้ผิวดูขาวใสขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาหรือยุ่งยากกับการทาครีม หรือรับประทานยา ที่สำคัญตัวยาแต่ละสูตรยังมีส่วนช่วยฟื้นฟูผิวด้านอื่น ๆ เช่น ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนสม่ำเสมอ ผิวอิ่มฟู ชุ่มชื้นขึ้น ช่วยลดริ้วรอย ลดสิว ทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้น 


ฉีดเมโสฝ้า กระ อันตรายไหม ?

เนื่องจากตัวยา Meso ลดฝ้า เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ สามารถสลายได้เอง หลังฉีดไม่ทำให้ผิวบางลง จึงมีความปลอดภัย แต่ต้องเป็นตัวยาที่มีคุณภาพ มีกระบวนการผลิตและจัดเก็บตัวยาที่ได้มาตรฐาน และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ภายในคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้นครับ 

การฉีดเมโสฝ้าที่ต้องระวังคือการฉีดเมโสฝ้าปลอมครับ เนื่องจากปัจจุบันการฉีดเมโสฝ้าเป็นที่นิยมมาก อาจมีบางคลินิกที่ไม่ซื่อสัตย์กับคนไข้ ใช้ตัวยาหิ้ว ตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้ เพราะราคาถูก ทำให้หลังฉีดอาจเกิดอาการแพ้ เป็นผื่น ทำให้ผิวบางหรือเกิดการอักเสบได้ครับ อีกกรณีที่ต้องระวังคือ รับฉีดตัวยาเมโสตามบ้าน หรือสั่งซื้อตัวยาเองทางออนไลน์ โดยผู้ขายสอนวิธีฉีดให้ ซึ่งเสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อได้ง่ายครับ 


เมโสฝ้า กระ เหมาะกับใคร ?

การฉีดเมโสฝ้า Meso Melasma สามารถฉีดได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ที่ต้องการลดฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า รวมถึงผู้ที่ต้องการมีผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น

เมโสฝ้า กระ เหมาะกับใคร

ฉีดเมโสฝ้า กระ ไม่เหมาะกับใคร ?

อย่างที่กล่าวไปว่าใครที่มีปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำ ก็สามารถฉีดเมโสฝ้าได้ เพราะเป็นอีกตัวช่วยที่ดีในการลดเม็ดสี ในเคสที่มีปัญหาฝ้าหนา ๆ อยากเห็นผลเร็ว ๆ สามารถฉีดเมโสฝ้า ร่วมกับการทำเลเซอร์ หรือรับประทานยาลดฝ้าร่วมด้วยได้ โดยสามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อแนะนำตามความเหมาะสมเป็นเคส ๆ ไปครับ

ปรึกษาแพทย์แนะนำตัวยาเมโสฝ้าที่เหมาะสม โดยหมอนุ่น

เมโสฝ้า กระ ต่างกับเมโสอื่นอย่างไร ?

เมโสฝ้า กระ กับเมโสอื่น ๆ จะต่างกันที่ตัวยาครับ แต่มีเทคนิคการฉีดเหมือนกัน ปัจจุบันตัวยาเมโส มีทั้งสูตรลดฝ้า สูตรลดสิว ลดการอักเสบ รวมถึงสูตรฟื้นฟูผิว กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้แต่ละยี่ห้อมีวัตถุประสงค์การใช้ต่างกันครับ 


เมโสฝ้า กระ มีวิธีฉีดอย่างไรนานไหม ?

สำหรับวิธีฉีดเมโส กระ จะเป็นการฉีดตัวยาลงบนผิวชั้นกลาง ด้วยเทคนิคการฉีด 16 จุด โดยจะฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง คล้ายเราฝังตัวยาไว้ที่ต้นน้ำแล้วปล่อยให้ยาค่อย ๆ ไหลกระจายออกมา ซึ่งข้อดีคือ เป็นแผลน้อย รอยช้ำน้อย เจ็บน้อย ตัวยาออกฤทธิ์ได้ยาวนาน 


เมโสฝ้า กระ มีกี่ยี่ห้อ?

ยี่ห้อเมโสฝ้า

ตัวยาเมโสฝ้า กระ ที่ถูกนำมาในคลินิกเสริมความงาม มีหลายยี่ห้อครับ สำหรับที่ V Square Clinic มียี่ห้อที่ช่วยลดฝ้า ดังนี้ 

  • Made Collagen 
  • Filorga
  • Revs 
  • Neo Glutanex Glow 
  • Tensonez 
  • Alpha Arbutin 

โดยผลลัพธ์หลังฉีดเมโสฝ้า จะช่วยชะลอการกระจายของฝ้า และช่วยให้จางลงได้ 20-50% ในบางเคสครับ โดยผลการรักษาแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาและชนิดของฝ้าด้วย


เมโสฝ้า กระ แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ? 

ตัวยาเมโสฝ้า เมโสหน้าใส แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นแตกต่างกันไปตามส่วนผสม หมอจะอธิบายถึงจุดเด่นของแต่ละยี่ห้อ ดังนี้

  • ยี่ห้อ Made Collagen (มาเด้ คอลลาเจน)
เมโสฝ้า Made Collagen

 Made Collagen เน้นลดสิว ลดผื่น ฝ้า กระ ริ้วรอย จุดด่างดำ ขับสารพิษ เป็นยี่ห้อหนึ่งที่ได้รับความนิยมในอันดับต้น ๆ มีคุณสมบัติช่วยบำรุง ฟื้นฟู ทำให้ผิวแข็งแรง ลดการเกิดฝ้า 

  • ยี่ห้อ Filorga และ Revs NCFS 
เมโสฝ้าRevs NCFS

Filorga /Revs NCFS มีจุดเด่นเรื่องช่วยให้ผิวขาวใส ลดฝ้า เติมความชุ่มชื้น และช่วยบำรุงผิว หลังฉีดช่วยลดริ้วรอยจุดด่างดำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น

  • ยี่ห้อ Neo Glutanex Glow และ Tensonez 
เมโสฝ้ายี่ห้อNeo Glutanex Glow
เมโสฝ้ายี่ห้อTensonez

Neo Glutanex Glow และ Tensonez จะช่วยให้ผิวขาวอมชมพู ผิวชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ฝ้า กระ หลุมสิว กระชับรูขุมขน  

  • ยี่ห้อ Alpha Arbutin 
เมโสฝ้ายี่ห้อAlpha Arbutin

Alpha Arbutin ยี่ห้อนี้จะเน้นลดฝ้าโดยตรง ช่วยปรับผิวกระจ่างใสแบบเร่งด่วน ลดความหมองคล้ำ หน้าโทรม และช่วยลดรอยสิวได้ด้วย 

นอกจากนี้ยังมีตัวยาอื่น ๆ ที่ช่วยฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ลดความเสี่ยงเกิดปัญหาผิว อาทิ ผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง ผิวบาง ผิวแพ้ง่าย เช่น การฉีด rejuran ,exosome และ cytocare เป็นต้น 


เมโสฝ้า กระ แต่ละยี่ห้อ ของแท้ของปลอมดูอย่างไร ?

ใครที่สนใจฉีดเมโสลดฝ้า การทราบข้อมูลตัวยาก่อนฉีดเป็นเรื่องที่ดีครับ ช่วยให้มั่นใจก่อนฉีดได้มากขึ้นว่าตัวยาที่ใช้มีความปลอดภัยหรือไม่ หมอมีตัวอย่างวิธีการดูตัวยาเมโสลดฝ้า 2 ยี่ห้อ ที่ได้รับความนิยม มาให้ศึกษาดังนี้ 

วิธีตรวจสอบ Tensonez ของแท้

วิธีตรวจสอบ Tensonez ของแท้
  • มีสติกเกอร์ฮาโลแกรมสีทอง สกรีนคำว่า Edencolors ติดบนกล่องทั้ง 2 ข้าง ไม่สามารถลอกออกได้
  • มีสติกเกอร์ Hidden tag ด้านหลังกล่อง และมี QR code เพื่อนำไปสแกนเช็กในระบบว่าเป็นของแท้

วิธีตรวจสอบ Alpha arbutin ของแท้

วิธีตรวจสอบ Alpha arbutin ของแท้
  • มีบาร์โค้ดระบุชื่อคลินิกหรือบริษัทที่ซื้อ
  • มี QR code เพื่อนำไปสแกนเช็กในระบบว่าเป็นของแท้

เพื่อความปลอดภัย ก่อนฉีดเมโสฝ้า คนไข้สามารถขอให้แพทย์แกะกล่อง เปิดขวด ผสมตัวยาให้ดูต่อหน้าได้ครับ หรือขอขวดกลับบ้านไปเช็กข้อมูลต่อได้ เพื่อให้มั่นใจว่ายาที่ฉีดให้เรานั้นเป็นยาแท้ที่มีคุณภาพ


ข้อดีของการฉีดเมโสฝ้า กระ

  • หลังฉีดฝ้า กระจางลง เห็นผลไวกว่าการทาครีม
  • ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ลดปัญหาผิวหน้าได้
  • มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน 
  • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้หน้าได้เลย
  • ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีผลข้างเคียง

ข้อเสียของการทำเมโสฝ้า กระ

อย่างที่หมออธิบายไว้ตั้งแต่ต้นว่า การรักษาฝ้าไม่มีการรักษาที่หายขาดแบบถาวร การฉีดเมโสรักษาฝ้าก็เช่นกัน แม้จะช่วยลดฝ้าได้จริง แต่ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร โดยการฉีดเมโสฝ้า จะเป็นการควบคุมให้เม็ดสีทำงานลดลง ช่วยชะลอการกระจายของฝ้า หากยังมีปัจจัยก่อให้เกิดฝ้าเข้ามากระตุ้น ฝ้าก็สามารถกลับมาได้ครับ 


การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสฝ้า กระ ต้องทำอะไรบ้าง

การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสฝ้า ไม่มีอะไรมากครับ ในเบื้องต้น คนไข้จะต้องเข้าปรึกษาแพทย์พื่อพิจารณาปัญหาที่ต้องการแก้ไขว่าสามารถใช้เมโสช่วยอย่างไรได้บ้าง พร้อมแจ้งประวัติด้านสุขภาพ ประวัติการใช้ยา การแพ้ยา หรือโรคประจำตัวก่อนทุกครั้ง เพื่อที่แพทย์จะได้เลือกสูตรเมโสที่เหมาะสมครับ


วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสฝ้า กระ เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่นาน

  • หลังฉีด 2-3 ชั่วโมง คนไข้สามารถล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า หรือใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ล้างหน้าอย่างเบามือ ไม่ถู หรือขัดหน้าแรง เพื่อลดการระคายเคือง
  • พยายามเลี่ยงแสงแดด และทากันแดด SPF 50 ขึ้นไป อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้ครับ 
  • ควรดูแลบำรุงผิวให้คงความชุ่มชื้นอยู่เสมอโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารอุ้มน้ำอย่าง Hyaluron หรือทามอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมออยู่ได้นานขึ้น
  • ควรเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะเป็นหนึ่งในตัวการทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น กระตุ้นให้เกิดฝ้า กระได้ง่าย รวมถึงควรงดหรือลดการสูบบุหรี่ เพราะเป็นต้นเหตุทำให้ผิวหมองคล้ำเร็ว
  • ควรงดอาหารหมักดอง งดของมัน ของทอด รวมถึงอาหารรสหวานจัด เค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากอาหารเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการอักเสบของผิว ทำให้ผิวระคายเคืองจึงเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ รวมถึงฝ้า กระ ได้ 

แนะนำหลังฉีดเมโสฝ้า/เมโสหน้าใส ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส สุขภาพดี


ฉีดเมโสฝ้า กระ มีผลข้างเคียงไหม ?

การฉีดฝ้า หรือฉีดเมโสหน้าใสลดฝ้า เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย เมื่ออยู่ภายใต้การดูแลที่ได้มาตรฐานครับ หลังฉีดเสร็จทันทีที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น 

  • มีรอยเข็ม บวมหรือระบบตามใบหน้าได้ ซึ่งรอยเข็มเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-3 วัน 
  • บางเคสมีตุ่มนูน ๆ เล็ก ๆ ตรงบริเวณที่ฉีด แต่เมื่อตัวยาซึมเข้าผิวหมดแล้วก็จะยุบลงไปเอง

หากมีผลข้างเคียงจากการฉีดเมโสฝ้า กระ ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ? 

ในกรณีเกิดผลข้างเคียง เช่น มีการอักเสบบวมแดง นาน 1 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ครับ 


ฉีดเมโสฝ้า กระ กี่วันเห็นผล ? 

การฉีดเมโสฝ้ากระ จะช่วยให้ผิวหน้าดูขาวใสขึ้น ในช่วง 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 1 เดือน


เมโสฝ้า กระ อยู่ได้นานไหม ?

หลังจากนั้นจะสามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 เดือน หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลตัวเอง ในช่วงเดือนแรกควรฉีดทุกสัปดาห์ หลังจากนั้นฉีดทุก ๆ 2 สัปดาห์ เพื่อคงสภาพ


เมโสฝ้า กระ ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล ?

การฉีดเมโสฝ้าควรฉีดอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งแรกที่ฉีดสามาถเห็นการเปลี่ยนแปลงว่าผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใสขึ้น ควรฉีดอย่างน้อย 3-5 ครั้ง ทุกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ในช่วง 1 เดือนแรก หลังจากนั้นควรฉีดทุก ๆ 2-3 สัปดาห์เพื่อคงสภาพ


หากฉีดเมโสฝ้า กระ ไม่ต่อเนื่องจะเป็นอย่างไร ?

ในกรณีที่ฉีดเมโสฝ้า กระ ไม่ต่อเนื่อง ไม่ได้มีผลอะไรที่เป็นอันตรายครับ แต่อาจเห็นผลลัพธ์ได้ไม่ชัดเจน ในเบื้องต้น แนะนำฉีดซ้ำทุก ๆ 1-2 อาทิตย์ เพื่อช่วยให้ฝ้าดูจางลง บางคนอาจจะเห็นผลไว บางคนต้องใช้เวลา ซึ่งสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ทุก ๆ สัปดาห์ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่พอใจครับ 


ฉีดเมโสฝ้า กระ เจ็บไหม ?

ฉีดเมโสฝ้า กระ ไม่เจ็บครับ เพราะทางคลินิกจะมีการแปะยาชาทั่วหน้า จึงช่วยบรรเทาความเจ็บระหว่างฉีดได้ แต่ขณะฉีดคนไข้อาจรู้สึกแสบจากการเดินยาได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวลครับ 


ฉีดเมโสฝ้า กระ ราคาเท่าไร ?

การฉีดเมโสลดฝ้า กระ ราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้ ดังนี้ 

ฉีดเมโสฝ้า กระ ราคา
  • มาเด้คอลลาเจน (MADE Collagen)

1 ครั้ง ราคา 2,500.-
คอร์ส 5 ครั้ง 9,900.-

  • Filorga (Fillmed)

1 ครั้ง ราคา 9,000.-
คอร์ส 5 ครั้ง 39,000.-

  • Revs

1 ครั้ง ราคา 6,000.-
คอร์ส 5 ครั้ง 25,000.-

  • Neo Glutanex Glow /Tensonez / Alpha arbutin

1 ครั้ง ราคา 3,500.-
คอร์ส 5 ครั้ง 15,000.-


ฉีดเมโสฝ้า กระ ที่ไหนดี ?

การแก้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ต้องทำอย่างต่อเนื่องด้วยวิธีการที่เหมาะสม ถึงจะเห็นผล โดยควรให้ความสิ่งสำคัญกับความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะตัวยาเมโส หากต้องการฉีดสลายฝ้าจะต้องเป็นตัวยาแท้ ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเท่านั้นครับ ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดเมโสฝ้า กระ ที่ไหนดี ควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้ควบคู่ไปด้วย 

  • คลินิกฉีดเมโสฝ้าต้องได้มาตรฐาน : ชื่อคลินิก ที่ตั้งคลินิก บรรยากาศคลินิก ในเบื้องต้นต้องมีความน่าเชื่อถือ จากนั้นให้เช็กใบอนุญาตว่ามีการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสถานประกอบการอย่างถูกต้องหรือไม่ มีอุปกรณ์ และเครื่องมือทำหัตถการมีความปลอดภัยไหม เพราะถ้าอุปกรณ์ไม่มีความสะอาดมากพอ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและเกิดรอยแผลเป็นได้ครับ

คลินิกที่ได้มาตรฐานจะต้องประกอบด้วยหลักฐานดังต่อไปนี้

  1. แสดงใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ และอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาลไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย
  2. จะต้องติดป้ายชื่อ ประเภทและลักษณะการให้บริการ รวมทั้งเลขที่ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการจำนวน 11 หลัก ที่ด้านหน้าสถานพยาบาล
  3. ติดป้ายชื่อพร้อมรูปถ่าย เลขที่ใบอนุญาตของแพทย์ที่ทำการรักษา ที่หน้าห้องตรวจ-รักษา
ฉีดเมโสฝ้า กระ คุณนิโคล
  • หมอมีประสบการณ์ : การฉีดเมโสลดฝ้า เมโสหน้าใส รวมถึงหัตถการอื่น ๆ หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ก็จะเพิ่มความมั่นใจได้ครับ

ในกรณีที่พบเห็นมีการรับฉีดเมโสตามบ้าน ร้านเสริมสวย จะเป็นหมอกระเป๋า หรือพยาบาลที่ครูพักลักจำมา ไม่ได้มีความรู้จริง ๆ ครับ และโดยปกติ ตัวยาแท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้องจะขายให้กับแพทย์หรือโรงพยาบาลเท่านั้น ดังนั้นยาที่หมอกระเป๋าใช้นั้น จึงมักเป็นยาปลอม ยาหิ้วที่หาซื้อได้ง่ายตามอินเทอร์เน็ต หลังฉีดนอกจากจะไม่เห็นผล ยังเสี่ยงเกิดอันตราย หรือเกิดผลข้างเคียงได้ครับ 


รีวิวการฉีดเมโสฝ้า กระ

mesomelasmaรีวิว
เมโสฝ้ากระรีวิว
รีวิว Made Collagen และ LLD Fat คุณโบ้ท By V Square Clinic

สรุป ฉีดเมโสฝ้าดีไหม ? 

การฉีดเมโสลดฝ้ากระ ถือเป็นหัตถการตัวช่วยที่ดีในการลดฝ้า กระ จุดด่างดำ มีความปลอดภัยสูง และเห็นผลเร็ว หากอยู่ภายใต้การดูแลที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ครับ

หากสนใจฉีดเมโสฝ้ากระ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาผิวหน้าก่อนว่าเหมาะกับตัวยาสูตรใด ก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อความคุ้มค่าและผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง


เอกสารอ้างอิง 

1. Therapeutical Approaches in Melasma

2.ฝ้า(Melasma) สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข 


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน