เมโสแฟตขา
ใครที่มีปัญหาขาใหญ่ ต้นขาโต อยากปรับขาเรียว “การฉีดเมโสแฟตขา” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ เมโสแฟตช่วยลดไขมันที่ขาหรือต้นขาได้อย่างไร ? เห็นผลเร็วไหม ? เหมาะกับใครบ้าง ? หมอมีข้อมูลเหล่านี้มาแนะนำครับ พร้อมสาระดี ๆ ที่ควรรู้
ใครที่กังวลฉีดสลายไขมันต้นขาจะเสี่ยงอันตรายไหม ? ทำแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ ? อยากรู้ค่าใช้จ่าย ฉีดเมโสแฟตขาราคาแพงไหม ? รวมถึงอยากเห็นตัวอย่างเมโสแฟตขารีวิว เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ บทความนี้มีให้ศึกษาทั้งหมดครับ
สารบัญ เมโสแฟตขา
เมโสแฟตขา คืออะไร ?
เมโสแฟตต้นขา ( Meso Fat-Legs) คือ การฉีดตัวยาเมโสแฟตไปที่บริเวณขา ต้นขา เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน เร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อลดปริมาณไขมัน ทำให้ขา และต้นขาเล็กลงได้โดยที่ไม่ต้องออกกำลังกาย
สำหรับตัวยาเมโสแฟต ในแต่ละแบรนด์มักจะประกอบด้วย สารออกฤทธิ์ที่ช่วยกระตุ้นการสลายไขมัน เช่น
- Artichoke extract (Cynara scolymus) ทำหน้าที่กระตุ้นการสังเคราะห์ Coenzyme ในกระบวนการ anabolism ลดเนื้อเยื่อไขมัน ลดการสังเคราะห์กรดไขมัน เหมาะกับคนที่น้ำหนักตัวเกิน ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด ต้องการลดเซลลูไลท์
- Mesostabyl (Polyunsaturated phosphatidylcholine) ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ lipase, ลดการสร้าง triglyceride ยับยั้งการสร้าง cholessterol ในเนื้อเยื่อ
- L-carnitine ทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น เปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน(fat burn)
- Theophylline ช่วยเพิ่มการย่อยสลาย triglyceride
- Tyrosine เพิ่ม fat metabolism ทำให้ไขมันแตกตัวเล็กลง และถูกขับออก
- Aesculus hippocastanum (horse chestnut) ลดการบวมน้ำ
- Juglans regia (Walnut) เพิ่มการไหลเวียนของเลือด เพิ่มการเผาผลาญ ลดอาการบวมน้ำ
- Nicotiana tabacum กระตุ้น catecholamine ทำให้เกิด lipolysis
ตัวยาเหล่านี้มีความปลอดภัยเนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ อาทิ ถั่วเหลือง ไข่แดง และวิตามินต่าง ๆ
ฉีดสลายไขมันต้นขาได้ผลจริงไหม ?
การฉีดสลายไขมันต้นขา จะช่วยลดไขมันและลดเซลลูไลท์บริเวณต้นขาลงได้ มาก-น้อย-เร็ว-ช้า ขึ้นอยู่กับกับกลไกร่างกายของแต่ละบุคคลด้วยครับ
หลังจากฉีดตัวยาเมโสแฟตลดต้นขา ตัวยาจะออกฤทธิ์กระตุ้นระบบการทำงานของ metabolism ซึ่งเป็นกลไกการเร่งการสลายไขมันตามธรรมชาติของร่างกาย จากนั้นไขมันจำนวนหนึ่งจะเริ่มแตกตัวหรือสลายตัว และถูกขับออกจากร่างกาย ผ่านทางระบบขับถ่าย เช่น ปะปนออกมากับเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ และไขมันอีกส่วนหนึ่งจะถูกดึงมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน จึงทำให้ต้นขาหรือน่องเล็กและเรียวขึ้นได้
เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ชัดเจน ควรฉีดสลายไขมันควรควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายสม่ำเสมอร่วมด้วยครับ
เมโสแฟตขาเทียบกับการลดขาวิธีอื่นเป็นอย่างไร ?
หากอยากให้ขาเรียว ต้นขาเล็ก หมดปัญหาด้านในต้นขาไม่เบียด วิธีการลดแบบยั่งยืนและปลอดภัยมากที่สุด คือ การออกกำลังกายและปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลา และต้องมีวินัยในตัวเอง แต่ถ้าใครอยากเห็นผลเร็ว ก็สามารถใช้วิธีฉีดลดต้นขาด้วยเมโสแฟต หรือหัตถการแพทย์อื่น ๆ ร่วมด้วยได้
- ฉีดแฟตลดต้นขา
การฉีดเมโสแฟตลดต้นขา จะช่วยสลายไขมันเฉพาะจุดบริเวณต้นขา น่อง ทำให้สัดส่วนเล็กลง โดยหลังฉีดไขมันจะเริ่มสลายตัว ประมาณ 10-15% หลังทำจะมีอาการบวมจากปริมาณยา แต่จะหายใน 3-4 ชั่วโมงครับ
เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมบริเวณต้นขาไม่มาก เพราะหากมีไขมันสะสมเยอะ อาจะต้องฉีด 4-5 ครั้ง จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนครับ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 2-3 เดือน
- โบท็อกลด ขา น่อง
หากต้องการลดขนาดต้นขา ขา น่อง เบื้องต้นต้องดูด้วยว่าจุดที่ต้องการลดเป็นไขมันหรือกล้ามเนื้อ หากต้นขาใหญ่ น่องใหญ่จากไขมัน แนะนำฉีดสลายไขมันด้วยเมโสแฟตครับ แต่หากประเมินแล้ว น่องโต ขาโตเพราะกล้ามเนื้อ แนะนำให้ใช้โบท็อกเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อลงครับ หรือ สามารถใช้ได้ทั้งโบท็อกและเมโสแฟตได้ครับ ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาของคนไข้
- CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ลดต้นขา ปรับรูปร่าง
การทำ CoolSculpting ต้นขา เพื่อปรับรูปร่าง กำจัดไขมันส่วนเกินอย่างถาวร เป็นวิธีที่หมอแนะนำครับ เพราะมีความปลอดภัยสูง เห็นผลเร็ว และชัดเจน
CoolSculpting เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินโดยเฉพาะ ได้รับความนิยมมากในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เป็นวิธีกำจัดไขมันโดยปล่อยความเย็นติดลบ (-11°C) และแช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมา เมื่อเซลล์ไขมันได้รับความเย็นจัด จะหยุดทำงานและตายลงไปอย่างถาวร ต้นขาเล็กลง กระชับขึ้น (ใช้เวลาประมาณ 35 นาที)
หลังทำ CoolSculpting ไขมันจะถูกกำจัดออก โดยสามารถลดเซลล์ไขมันลงได้ 20-30% ต่อการทำ 1 ครั้ง ในช่วง 3-4 สัปดาห์ หลังทำจะเห็นว่าสัดส่วนต้นขาเล็กลง และกระชับขึ้นครับ หากต้องการเห็นผลมากขึ้น ก็สามารถกลับมาทำในจุดเดิมได้ครับ
ตัวอย่างรีวิวลดต้นขาด้วย CoolSculpting
- การดูดไขมันต้นขา
การดูดไขมันต้น (Legs liposuction) คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณรอบต้นขาด้วยการดูดไขมัน ช่วยให้ต้นขาเล็กและเรียวได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาขาใหญ่ ขาเบียดเสียดสีมาก ๆ ต้องการลดไขมันเร็ว ๆ ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวการมีรอยแผล และมีเวลาพักฟื้น
ปัจจุบันการดูดไขมันต้นขาในหลาย ๆ คลินิกจะ มี 2 แบบให้เลือกคือ
1.ดูดไขมันต้นขาด้วยเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ
2.ดูดไขมันต้นขาด้วยเครื่องดูดไขมันพลังความร้อน
ทั้ง 2 แบบมีวิธีการคล้าย ๆ คือต้องเปิดแผลเพื่อดูดไขมัน (ขนาดแผล 3-4 มิลลิเมตร เปิดกี่ตำแหน่งขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละบุคคล)
ในขั้นตอนการทำจะมีการใช้ยาชา และการวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นก่อนทำวิธีนี้ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ต้องมั่นว่าแพทย์ชำนาญมากพอ และตลอดการทำมีวิสัญญีแพทย์ดูแล คลินิกมีความพร้อมด้านความปลอดภัยทุกด้าน และหลังการดูดไขมัน จะมีรอยแผล รอยเขียวช้ำ และปวดระบมต้นขา จำเป็นต้องพักฟื้นอย่างน้อยประมาณ 5-7 วัน ครับ
แล้วจะเลือกวิธีไหนถึงจะคุ้มค่า เห็นผล ?
- ไขมันเยอะ อยากเห็นผลเร็ว ๆ ถาวร แบบไม่ต้องเจ็บตัว หรือมีแผลพักฟื้น แนะนำทำ CoolSculpting
- ไขมันน้อย มีงบจำกัดแนะนำฉีดเมโสแฟตขา
ส่วนใครไขมันเยอะมาก ๆ ไม่กลัวการผ่าตัดก็สามารถดูดไขมันได้ครับ (งบประมาณค่าใช้จ่ายในการทำหัตถการต่อครั้ง จากน้อยไปมาก เมโสแฟต > CoolSculpting > ดูดไขมัน )
ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดแฟตขามีอะไรบ้าง ?
- ข้อดี การฉีดแฟตต้นขา
- หลังฉีดแฟตลดต้นขาไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
- บวมช้ำน้อย (อาจบวมเป็นปริมาณยาได้ ใน 3 – 4 ชั่วโมงแรก)
- ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน
- เห็นผลเร็ว ปลอดภัยสูง
- การฉีด mesofat ต้นขา ราคาไม่แพง
- ข้อเสียการฉีดแฟตต้นขา
- ในผู้ที่มีปริมาณไขมันมาก ๆ อาจต้องฉีดประมาณ 4-5 ครั้ง จึงจะเห็นผลที่ชัดเจน
- ไม่สามารถเห็นผลได้ทันที ไม่เหมือนการทำ CoolSculpting (25 %) หรือ ดูดไขมัน
ฉีดเมโสแฟตขามีผลข้างเคียงไหม อันตรายหรือไม่ ?
การฉีดเมโสแฟตสลายไขมันขา ผลข้างเคียงหลังทำ ที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติจะคล้าย ๆ กับการฉีดเมโสแฟต ต่ำแหน่งอื่น ๆ เช่น แก้ม เหนียง เช่น
- อาการบวม : เป็นอาการบวมจากปริมาณของตัวยาที่ฉีดเข้าไป ซึ่งสามารถหายไปได้เอง
- เขียวช้ำ : มีอาการบวมเขียวช้ำจากรอยเข็มได้ ซึ่งบริเวณต้นขา ด้านในของต้นขา ผิวค่อนข้างบางอาจเห็นรอยเขียวช้ำได้ง่าย สามารถหายได้เองเช่นกัน
- รู้สึกตึง ๆ ผิว ในตำแหน่งที่ฉีด : เนื่องจากเป็นลงเข็มฉีดตัวยาเข้าสู่ผิว จึงอาจรู้สึกปวด ๆ ตึง ๆ เล็กน้อยได้ อาการจะหายได้เองเช่นกัน
ส่วนใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัย การฉีดเมโสแฟตเป็นการสลายไขมันที่ปลอดภัย หากเป็นตัวยาที่มีคุณภาพ สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของแท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เนื่องจากตัวยาเป็นสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ ร่างกายสามารถขับออกไปได้หมดโดยไม่ตกค้าง
แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ มีคนซื้อตัวเมโสแฟตที่ขายในช่องทางออนไลน์ มาฉีดกันเองครับ รวมถึงมีคลินิกเถื่อนใช้ตัวยาปลอม หรือตัวยาประเภทอื่น ๆ มาใช้ฉีดเพื่อหวังผลให้ขาเล็กลง เช่น
- ยาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase)
- สเตียรอยด์
ตัวเหล่านี้หากใช้ถูกวิธีมีความปลอดภัย แต่หากใช้ผิดวิธี ก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงภายหลังได้ เช่น เกิดผิวหนังบุ๋ม เกิดการติดเชื้อ หรือมีการบวมน้ำตามร่างกายได้ และยิ่งวิธีการฉีดกันเอง ตัวยามีสิ่งปนเปื้อน ขั้นตอนการฉีดไม่สะอาดพอ ก็อาจเสียงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา แพ้ยา เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงตามมาได้
ฉีดสลายไขมันต้นขามีขั้นตอนการทำอย่างไร ?
ขั้นตอนการฉีดเมโสแฟตต้นขา ก่อนเข้ารับการฉีดเมโสแฟตต้นขา แพทย์จะต้องประเมินปริมาณไขมัน เช่น ต้องการลดต้นขาด้านนอก /ต้นขาด้านใน มีไขมันเยอะหรือ เพื่อให้แพทย์สามารถแนะนำปริมาณตัวยา และยี่ห้อเมโสแฟตที่เหมาะสมให้ได้
นอกจากนี้คนไข้ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว อย่างละเอียดเพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสม ส่วนขั้นตอนการฉีดมีดังนี้
- ก่อนฉีดเมโสแฟตขา จะมีเจ้าหน้าที่จะทำความบริเวณที่กำจัดไขมัน
- ก่อนลงเข็มฉีดแฟตต้นขา เจ้าหน้าที่จะคอยประคบเย็น ในบริเวณที่ฉีดเพื่อลดความเจ็บลง
- แพทย์ฉีดตัวยาเมโสแฟต ตามตำแหน่งที่ประเมินไว้
ฉีดสลายไขมันต้นขาเจ็บไหม บวมกี่วัน ?
การฉีดสลายไขมันต้นขามีการประคบเย็นให้ครับ จึงช่วยลดความเจ็บลง ขณะฉีดอาจรู้สึกปวด ๆ ตึง ๆ ต้นขา เป็นความเจ็บที่ทนได้ครับ ส่วนอาการบวมจากตัวยา หลังฉีดเมโสแฟตต้นขา จะยุบลงได้เอง เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ส่วนอาการบวม จากการลงเข็ม จะมีอาการบวมในบริเวณที่ฉีดประมาณ 1 – 3 วัน ครับ
ใครที่ควรทำและไม่ควรทำเมโสแฟตขา
การฉีดเมโสแฟตขา สามาถช่วยลดสัดส่วนขา ต้นขาที่มีไขมันสะสมออกได้ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมัน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการฉีดเมโสแฟตทั้งหมดครับ ผู้ที่ควรและไม่ควรสลายไขมันต้นขามีดังนี้
คนที่ควรทำ
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ที่ต้นขา ทำให้รู้สึกขาใหญ่ ต้นขาเกิดการเสียดสี
- ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนให้ขาดูเรียวสวยได้รูปมากขึ้น
- ผู้ที่ออกกำลังกายแล้ว แต่ต้นขายังไม่ลด
- ผู้ที่อยากเห็นผลเร็ว แต่ไม่อยากเจ็บตัวดูดไขมัน ไม่มีเวลาพักฟื้น หรือมีงบจำกัด
คนที่ไม่ควรทำ
การฉีดแฟตขา หรือ ฉีดแฟตในส่วนอื่น ๆ มีข้อห้ามสำหรับคนไข้บางกลุ่ม เช่น
- ผู้ที่อายุยังน้อยกว่า 18 ปี
- สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
- คนไข้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- อยู่ในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง โรคหัวใจ มีการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ
- โรคเบาหวาน ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ มีการรักษาด้วยยาหลายชนิด
เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์ แจ้งข้อมูลสุขภาพ ให้แพทย์ทราบ เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินความเหมาะสม ควรหรือไม่ควรฉีดเมโสแฟตขาครับ
การดูแลตัวเองก่อนและหลังมาฉีดสลายไขมันต้นขา
การเตรียมความพร้อม ดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังฉีดสลายไขมันต้นขา เป็นสิ่งที่ควรละเลยครับ เพราะส่งผลต่อผลลัพธ์หลังทำ ว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ประเมินไว้หรือไม่
ก่อนมาฉีดสลายไขมันต้นขาควรเตรียมตัวอย่างไร ?
- ก่อนฉีดเมโสแฟตลดต้นขาควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำเมโสแฟตอย่างละเอียด
- เข้ารับขอคำปรึกษาจากแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้แพทย์ตรวจประเมินปริมาณไขมัน ความเหมาะสม คำนวณปริมาณตัวยาที่ใช้ รวมถึงการคาดหวังผลลัพธ์ในแต่ละบุคคลครับ
- ก่อนเข้ารับการฉีดเมโสแฟตขา 48 ชั่วโมง ต้องงดยาในกลุ่มของ แอสไพริน, NSAIDs และ Dipyridamole
หลังฉีดสลายไขมันต้นขาควรดูแลตัวเองอย่างไร ?
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ : ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 2 ลิตร ต่อวัน เพื่อให้ไขมันเหลวที่ถูกสลายจากตัวยาเมโสแฟตถูกขับออกมาได้มากขึ้น
- ควบคุมการรับประทานอาหาร : ควรเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทของทอดของมัน อาหารไขมันสูง ที่เป็นตัวการก่อไขมัน ทำให้ต้นขาใหญ่จากไขมันได้อีก คนไข้ควรปรับพฤติกรรมนิสัยการรับประทานอาหาร และมีวินัยในการควบคุมน้ำหนัก ให้มากขึ้นครับ
- หมั่นออกกำลังกาย : เพื่อลดการสะสมของไขมัน และเป็นการช่วยกำจัดไขมันออกจากร่างกายให้เร็วขึ้น คนไข้สามารถเริ่มออกหลังทำการฉีดเมโสแฟตขามาแล้ว 1 สัปดาห์ โดยออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30-45 นาที อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
นอกจากนี้ควรเลี่ยงการเข้าอบซาวน่า การนวด จับ บีบ บริเวณต้นขา และเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือการทำทรีทเมนต์ใด ๆ หลังฉีดเมโสแฟตขาประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดการบวมช้ำให้น้อยลงครับ
หลังฉีดสลายไขมันต้นขามีข้อห้ามอะไรบ้าง ?
หลังฉีดเมโสแฟตต้นขา ขา น่อง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลใจ ว่าจะต้องยุ่งยากเรื่องการดูแลตัวเองหลังฉีดแฟต มีเพียงข้อห้ามไม่กี่ข้อ ที่สามารถปฏิบัติตามได้ง่าย ๆ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงความร้อน การแช่น้ำอุ่น หลังทำ ประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อไม่ให้เกิดการบวมช้ำมากขึ้น และลดการฟกช้ำให้น้อยลง
- ห้ามขัด นวด ต้นขา เพราะอาจเกิดการติดเชื้อในบริเวณที่ฉีด ผิวหนังบริเวณที่ฉีดอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดรอยช้ำได้
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 3 วัน เพื่อลดการบวมช้ำ
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการสะสมของไขมัน เช่น การรับประทานอาหารที่มีไขมัน และน้ำตาลสูง หลังฉีดเมโสแฟตแก้ม ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารควบคู่
ในบางราย หลังฉีดเมโสแฟตต้นขา ขา อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือรู้สึกเจ็บปวดบริเวณบ้างเล็กน้อยหากออกแรงกดบริเวณต้นขา แต่อาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง ใน 1-3 วัน ครับ ระหว่างนี้สามารถรับประทานยาลดบวมได้ตามแพทย์แนะนำ
ฉีดเมโสแฟตขาที่ไหนดี ?
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เปิดอย่างถูกกฎหมาย มีเลขที่ใบอนุญาตแจ้งไว้ชัดเจน
- เลือกคลินิกที่ใช้ตัวยาของแท้ มีเลขที่ Lot. และชื่อบริษัทนำเข้าที่สามารถตรวจสอบได้
- มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำหัตถการ เพื่อให้สามารถประเมินปริมาณยาที่ใช้ได้อย่างเหมาะสม และฉีดตัวยาด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ โดยคลินิกจะต้องรีวิวจากผู้ที่ใช้บริการจริงที่มีตัวตน และเข้ารับการรักษาจริง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่หน้าม้าในการทำโฆษณา
- ดูคลินิกที่มีหลายสาวขา เพื่อความสะดวกต่อการเลือกไปใช้บริการในสาขาที่ใกล้บ้าน หรือใกล้ที่ทำงาน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้
ฉีดเมโสแฟตขา ใช้ยี่ห้อไหนดี กี่ CC ?
โดยปกติเมโสแฟต 1 ขวด มี 10 CC ครับ ก่อนฉีดแพทย์จะประเมินว่าคนไข้ในเคสนั้นใช้ Meso Fat กี่ CC ซึ่งแต่ละคนจะใช้ปริมาณยาไม่เท่ากัน แล้วแต่ปริมาณไขมัน และความต้องการของคนไข้ รวมถึงปริมาณการใช้กี่ CC ยังสัมพันธ์กับบริเวณที่ฉีด บริเวณต้นขาที่มีไขมันเยอะ ต้องใช้ปริมาณสูงกว่า โดยทั่วไป บริเวณต้นขาจะเริ่มที่ 40 CC ต่อ 1 ข้าง
ฉีดสลายไขมันต้นขา ราคาเท่าไร ?
Meso fat ราคา โดยทั่วไปจะอยู่ที่ครั้งละประมาณ 2,500.-/ครั้ง การฉีดเมโสแฟต ราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ สูตรที่ใช้ ปริมาณ CC ที่ใช้ (1 ขวดมีตัวยา 10 cc) จำนวนครั้งที่ฉีด และจุดที่ฉีด หมอจะเป็นผู้ประเมินปริมาณตัวยาที่แนะนำให้ฉีดในแต่ละครั้ง ตามความเหมาะสมของแต่ละราย
เมโสแฟตต้นขา ใช้จำนวน cc เยอะ เนื่องจากเป็นจุดที่มีไขมันสะสมจำนวนมาก หลัก ๆ หมอแนะนำเป็นสูตรเร่งไว FNC / BABI / V-line ซึ่งช่วยสลายไขมัน ยุบดีและยุบไว โดยมีรายละเอียดราคาดังนี้
รายละเอียดราคา เมโสแฟตขา NEOBELLA / FNC / BABI
- เมโสแฟตตัว สูตร Neobella
- 2 ขวด (16CC) ราคา 5,000.-
- 4 ขวด (32CC) ราคา 9,000.-
- 10 ขวด (80CC) ราคา 20,000.-
- 12 ขวด (96CC) ราคา 24,000.-
- เมโสแฟตตัว สูตร FNC / BABI
- 30 CC (3 ขวด) ราคา 9,900 .-
- 60 CC (6 ขวด) ราคา 18,000.-
- 90 CC (9 ขวด) ราคา 25,000.-
ฉีดสลายไขมันต้นขา ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
ฉีดเมโสแฟตต้นขาในครั้งแรก จะเห็นผลว่าบริเวณที่ฉีดเริ่มยุบลงภายใน 5-7 วัน ครับ หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ครับ
สามารถกลับมาฉีดเมโสแฟตซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ หากคนไข้ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเคสที่มีไขมันมาก อาจฉีด 4-5 ครั้ง และการฉีดต่อเนื่องจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
ฉีดสลายไขมันต้นขา อยู่ได้กี่เดือน ?
การฉีด meso fat ต้นขาอยู่ได้นานแค่ไหน จะขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหารด้วยเช่นกันครับ แต่ปกติแล้วจะสามารถรักษาผลลัพธ์ได้นาน 2-3 เดือน ถ้าดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงของทอด ของมัน ไม่เพิ่มไขมันให้ตัวเองก็จะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
รีวิว ฉีดเมโสแฟตขา
สรุป
สำหรับใครที่มีปัญหาต้นขาใหญ่ ลดยาก การฉีดเมโสแฟตขา ลดต้นขา เป็นวิธีที่สะดวก ปลอดภัย และเห็นผล ช่วยสลายไขมันเฉพาะจุดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาฉีดไม่นาน ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับหัตถการอื่น แต่หลังฉีดเมโสแฟตต้นขาแล้ว ก็ยังต้องดูแลตัวเอง ทั้งการออกกำลังกายและควบคุมอาหารที่ต้องทำควบคู่กันไป เพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้นครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ