ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ?
สิ่งที่ทำให้หลายคนไม่กล้าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือกลัวว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วทำให้ตาบอด หรือมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อันตรายตามมาในภายหลัง เช่น ฟิลเลอร์ไหล ใต้ตาบวมเป็นก้อน หรือผิวหนังอักเสบที่เรามักเห็นตามข่าวบ่อย ๆ
ในบทความนี้หมอจะมาให้คำตอบครับว่าแท้จริงแล้ว อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่เราเห็นจากสื่อต่าง ๆ นั้น มีสาเหตุมาจากอะไร ? ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ? อันตรายที่อาจเกิดจากการฉีด filler ใต้ตา มีอะไรบ้าง ?
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ได้เป็นหัตถการที่อันตรายครับ ตรงกันข้ามการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากลับเป็นวิธีแก้ปัญหาใต้ตาที่หมอส่วนใหญ่แนะนำมากที่สุด แม้ว่าใต้ตาจะเป็นตำแหน่งที่ดูอันตราย หลายคนกลัวว่าฉีดแล้วจะทำให้ตาบอด (มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก) แต่หากใช้ฟิลเลอร์แท้ ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ก็จะมีความปลอดภัย 100% ครับ
นอกจากนี้สารเติมเต็มที่นำมาใช้ฉีดใต้ตา ยังเป็น HA (Hyaluronic Acid) ซึ่งถือว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยสูงและได้รับความนิยมมากที่สุดครับ เพราะโดยปกติแล้ว HA จะมีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติของมนุษย์ แต่จะมีน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนที่อยากมีผิวเด็ก ใบหน้าดูเต่งตึง มีผิวอิ่มน้ำ ผิวกระจก ( Glass Skin) นิยมฉีดฟิลเลอร์เพื่อคงความอ่อนเยาว์ครับ
อันตรายที่อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอะไรบ้าง ?
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วตาบอด เกิดจากฝีมือแพทย์ แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็เกิดขึ้นได้จริงครับ ตำแหน่งใต้ตาเป็นตำแหน่งที่ต้องระมัดระวัง หากแพทย์ที่ฉีดไม่มีประสบการณ์ ฉีดฟิลเลอร์เข้าหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา จะทำให้เกิดอุดตัน เนื้อตายชั่วคราว มีอาการตาพร่ามัว เป็นผลทำให้ตาบอดได้ครับ
ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ดังกล่าวขึ้น แพทย์จะใช้ Hyaluronidase ฉีดสลายฟิลเลอร์แก้ไขได้ทันที (ใช้ได้ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์แท้เท่านั้น)
- ฟิลเลอร์ไหล ใต้ตาเป็นก้อน เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอมจำพวกซิลิโคนเหลว เมื่อฉีดแล้วจะไม่สามารถสลายได้ หลังฉีดในช่วงแรกอาจเห็นผลดีครับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์จะแข็งเป็นก้อน หรือฟิลเลอร์ไหล ทำให้เกิดการอักเสบ เนื้อตาย เป็นพังผืด หากจะแก้ไขต้องผ่าตัดเอาออกเท่านั้น
- ผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ จะพบได้ในเคสที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม ฉีดกับหมอเถื่อน ใช้อุปกรณ์หรือห้องที่ทำหัตถการไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน หลังฉีดอาจจะเห็นผลดีในช่วงแรก แต่พอผ่านไปบริเวณที่ฉีดจะบวม มีสีคล้ำขึ้น ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีหนอง ซึ่งต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดเพื่อเอาสิ่งแปลกปลอมออกครับ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการบวมจากรอยเข็ม ในคนที่มีผิวบอบบาง อาจมีอาการเขียว ช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ลงเข็ม ควรหลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ หลัง 3 วันแล้วจะไม่บวมขึ้นอีก จะค่อย ๆ ดีขึ้น ยุบบวมเข้าที่ใน 1-2 อาทิตย์ครับ
วิธีปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ช่วยลดความอันตรายลง
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างละเอียด การเลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย การเลือกหมอที่มีประสบการณ์ รวมถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า
- ดูรีวิวของคลินิกจากเคสที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้ หรือดูรีวิวที่เป็นวิดีโอ เพื่อป้องกันการตกแต่ง รีวิวที่เกินจริง
- ควรงดยาหรือวิตามินก่อนฉีดฟิลเลอร์ เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. John’s Wort, ginkgo biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
- งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
- งดแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
วิธีปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นใน 7-14 วัน อย่าขยับใบหน้าเยอะ และหลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดบริเวณใต้ตา
- หลังฉีดสามารถแต่งหน้า ล้างหน้าได้ตามปกติ ควรล้างอย่างเบามือ ไม่ขัดหรือนวด
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
- ในบางเคสอาจปวดระบมตามรอยเข็มในคืนแรกหลังทำ สามารถกินยาแก้ปวด paracetamol ที่ทางคลินิกให้ไปทุกๆ 4 ชม . และควรกินยาที่แพทย์จ่ายให้ครบถ้วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันการติดเชื้อ
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
- งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
- ใน 2-3 คืนแรก ควรนอนหัวสูงกว่าหน้าอก โดยการหนุนหมอนที่ศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ เลี่ยงการนอนตะแคง ควรหาหมอนข้างมากันไว้ทั้งซ้ายและขวา เพื่อป้องกันการกดทับหน้า
- น้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มน้ำ การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูได้รูป ดังนั้นควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตามปกติคือวันละ 1.5-2 ลิตรครับ
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีแก้ปัญหาใต้ตาที่มีความปลอดภัยสูง เป็นตำแหน่งที่หมอแนะนำให้แก้ไขเป็นจุดแรก ๆ เมื่อต้องการคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า ถือเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ครับ แต่ต้องเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ V Square Clinic ดูแลเคสโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยเทคนิคพิเศษ มือเบา ช้ำน้อย ใต้ตาดูเต็มขึ้นทันหลังฉีด ไม่มีปัญหาใต้ตาเป็นก้อนในภายหลัง ใช้ฟิลเลอร์แท้แบรนด์ระดับโลก หมอแกะกล่องให้ดูต่อหน้า ให้กล่องกลับบ้าน สามารถตรวจสอบกับผู้นำเข้าได้ทุกกล่อง มั่นใจได้ในความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่สวยงาม และดูเป็นธรรมชาติครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ