หลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ ไม่เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ก็มีส่วนสำคัญครับ
ในบทความนี้หมอรวบรวมวิธีดูแลตัวเองหลังฉีด Filler ในแต่ละตำแหน่งมาแนะนำ พร้อมวิธีปฏิบัติ และข้อห้ามที่ไม่ควรละเลย เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว อยู่ได้นาน มาให้ศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนฉีดครับ
สารบัญ หลังฉีดฟิลเลอร์
อาการหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นอย่างไร ?
อาการหลังฉีด filler ที่พบได้บ่อย ๆ คือ บวม ช้ำ ตึง หรือ เจ็บ ๆ คัน ๆ บริเวณรอยเข็มที่ฉีด อาการเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติครับ โดยเฉพาะในเคสที่ผิวช้ำง่าย ผิวบาง หรือผิวขาว อาจจะเห็นรอยช้ำได้ชัดเจน แต่ไม่ต้องกังวลใจไปครับ เพราะอาการเหล่านี้สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งในแต่ละตำแหน่งที่ฉีดอาจจะเกิดอาการต่างกันดังนี้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : อาการที่พบได้บ่อย ๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ อาการบวมหลังฉีด เกิดจากการที่เข็มเข้าไปในผิว และเนื้อฟิลเลอร์ที่ยังไม่เข้าที่ดี ประมาณ 4-5 วันจะค่อย ๆ เข้าที่และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2 สัปดาห์ครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก : อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเสร็จใหม่ ๆ คนไข้จะรู้สึกตึง และริมฝีปากบวม เกิดจากการใช้เข็ม หรือบวมจากเนื้อฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป รวมถึงบวมจากยาชาครับ ซึ่งเป็นอาการปกติ ในระหว่างนี้อาจจะบังคับริมฝีปากได้ไม่เหมือนปกติ เพราะวอลลุ่มปากที่มีมากขึ้น ปรับตัวสักระยะก็จะเริ่มชินครับ และประมาณ 4-5 วัน ก็จะค่อย ๆ เข้าที่ครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์คาง : อาการหลังฉีดฟิลเลอร์คางที่พบได้บ่อย ๆ คือบวม และ มีรอยช้ำครับ เพราะหลังฉีดหมอจะต้องจับปั้นทรง จึงอาจเกิดรอยช้ำได้ อาการบวมจะเกิดจากบวมเข็ม และอิ่มฟูขึ้นจากฟิลเลอร์ โดยหลังฉีดคาง 24 ชม.แรกจะมีอาการบวมมากขึ้น แต่เมื่อเมื่อผ่านไป 7-14 วันก็จะเข้าที่ รวมถึงรอยช้ำ ก็จะหายไปครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก : อาการหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะมีอาการบวมเล็กน้อยเป็นปกติอีกเช่นกันครับ โดยทั่วไปจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน และหายบวมเข้าที่ใน 14 วันครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม : อาการหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอาจจะมีอาการบวม รอยแดง รอยเขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำ ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้น ๆ อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
- หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก : อาการหลังฉีดฟิลเลอร์จมูกในช่วงแรกจะรู้สึกตึง ๆ บวมเล็กน้อย และอาจเห็นรอยเข็มเพราะผิวบริเวณจมูกค่อนข้างบาง โดยทั้ง 2 อาการสามารถหายได้เอง และรูปทรงจมูกจะเข้าที่ประมาณ 14 วันครับ
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
ในแต่ละตำแหน่งหลังฉีดฟิลเลอร์จะมีข้อควรปฏิบัติที่เหมือนและแตกต่างกันอยู่บ้าง หมอจะอธิบายเป็นข้อ ๆ ในแต่ละตำแหน่งฉีดดังนี้
1.ฟิลเลอร์ใต้ตา
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จทันที คือ ไม่กด หรือจับบริเวณที่ฉีด โดยหมอจะติดพลาสเตอร์ตามรอยเข็มไว้ให้ หลัง 1 ชม.ไปแล้วถึงจะสามารถแกะออกได้ ซึ่งคนไข้สามารถใช้หน้าได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นครับ
ส่วนในบางเคสที่อาจมีอาการปวดระบมตามรอยเข็มในคืนแรกหลังทำ สามารถรับประทานยาแก้ปวดที่ทางคลินิกให้ไปทุก ๆ 4 ชม.นอกจากนี้ควรนอนหัวสูงกว่าหน้าอก โดยการหนุนหมอนที่ศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ ไม่ควรนอนตะแคง ให้หาหมอนข้างมากันไว้ทั้งซ้ายและขวาใน 2-3 คืนแรกหลังทำ เพื่อป้องกันการกดทับใบหน้า
นอกจากนี้แนะนำให้อยู่ในที่อากาศเย็น ๆ หลีกเลี่ยงอากาศร้อน ๆ เพราะเหงื่อ รวมถึงฝุ่นควันอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองผิว และคันตามรอยเข็มได้ รวมถึงควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้เต็มที่ ช่วยให้ผลลัพธ์เข้าที่เร็วและอยู่ได้นานขึ้นครับ
2.หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อให้ปากอวบอิ่มเข้าที่เร็ว สิ่งที่ควรปฏิบัติ หลัก ๆ คือ เลี่ยงการรับประทานอาหารที่ร้อนจัด เพราะจะทำให้ปากบวมนาน หรือเกิดการอักเสบได้ ควรรับประทานอาหารและเครื่องดื่มอุณหภูมิปกติ และในช่วง 12 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่ควรดื่มน้ำโดยใช้หลอดดูดน้ำ
ในส่วนของการทาลิปสติก ใน 24 ชม.แรกหลังฉีด ควรเลี่ยงครับ โดยเฉพาะลิปสี นอกจากนี้ควรงดการสูบบุหรี่ร่วมด้วย อย่างน้อย 24 ชม.หลังฉีดครับ
3.หลังฉีดฟิลเลอร์คาง
สิ่งที่ควรทำหลังฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ต่างไปจากการฉีดในตำแหน่งอื่น ๆ ครับ เช่น
- หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ควรอยู่ในที่อากาศเย็น ๆ เพื่อช่วยลดอาการบวม อย่างน้อย 48 ชม.
- หลังฉีดฟิลเลอร์คางเสร็จทันที หมอจะติดพลาสเตอร์ให้ตามรอยเข็ม สามารถแกะออกได้ เมื่อครบ 1 ชม.
- ควรนอนหัวสูงกว่าหน้าอก โดยการหนุนหมอนที่ศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ ไม่ควรนอนตะแคง และหาหมอนข้างมากันไว้ทั้งซ้ายและขวาใน 2-3 คืนแรกหลังทำเพื่อป้องกันการกดทับหน้า
- สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และโดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที อย่าแช่น้ำจนผิวเปื่อยเพราะยังมีรอยเข็มอยู่ในวันแรก
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะในช่วง 4-5 วันแรก เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
- ควรทานยาที่แพทย์จ่ายให้หลังทำต่อเนื่องจนครบ เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันการติดเชื้อ
- ในบางเคสอาจปวดระบมตามรอยเข็มในคืนแรกหลังทำ สามารถกินยาแก้ปวดได้ตามอาการ
4.หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากตามที่กล่าวไว้ในหัวข้อข้างต้นว่า อาจมีอาการบวมเล็กน้อย จากรอยเข็ม และตัวฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติครับ
โดยหลังฉีดในช่วง 2-3 วัน อาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องกังวลครับ ควรดูแลตัวเอง โดยมีข้อปฏิบัติดังนี้
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ทางคลินิกจะมีการจ่ายยาแก้ปวด ลดบวมให้
- ควรงดการทำเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิว ประมาณ 1 เดือน
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูสวย และอยู่ได้นานขึ้น
5.หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่ควรปฏิบัติเพื่อช่วยให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนกว่าวัย มีดังนี้
- อย่าบีบ นวด แกะเกาบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ หากมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันในจุดที่ทำ อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วันครับ
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม.หลังทำ แนะนำให้อยู่ในที่อากาศเย็น ๆ ครับ
- ให้งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด (ควรเว้นอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ)
- อย่าขยับใบหน้าเยอะโดยเฉพาะในช่วง 3 วันหลังทำ อาจจะทำให้ฟิลเลอร์ที่ทำไว้เคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้ครับ
- การดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตามปกติคือวันละ 1.5-2 ลิตร เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้
6.หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก
หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์จมูกเพื่อให้ฟิลเลอร์จมูกได้ผลลัพธ์ที่ดี เข้าที่เร็ว และอยู่ได้นานมีดังนี้
- ในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์จมูก ไม่ควรนอนราบ
- ไม่ควรจับ บีบ กด ปั้นทรงจมูกเอง หรือถูหน้าแรง ๆ
- งดการออกกำลังกายในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
- งดการสัมผัสความร้อนด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น เลเซอร์ผิว อย่างน้อย 2 อาทิตย์
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์
นอกจากวิธีการปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์แล้ว ยังมีข้อห้ามที่ไม่ควรละเลยในแต่ละตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ร่วมด้วย เช่น
- หลังฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามขยี้ตา ห้ามกดนวด เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบจากมือที่สกปรก รวมถึงมีผลต่อการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามกินของร้อน ของเผ็ด รวมถึงอาหารรสจัด ในช่วง 3 วันแรก เนื่องจากความร้อนจะส่งผลต่อการยืด-หด ของผิว และกระทบต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์ นอกจากนี้ยังห้ามดึง แกะ ลอกหนังริมฝีปากเด็ดขาด เพราะจะเป็นการทำร้ายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง ส่งผลให้ปากเสียรูปทรง ปากแห้งแตกครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ห้ามเท้าคางเด็ดขาดครับ เพราะจะทำให้เจ็บ เสี่ยงเกิดรอยช้ำ รวมถึงอาจทำให้เสียทรงได้ นอกจากนี้ยังห้ามใส่หมวกกันน็อคที่รัดแน่น ๆ หรือปั้นทรงเองโดยเด็ดขาดครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อย่าขยับใบหน้าเยอะโดยเฉพาะในช่วง 3 วันหลังทำ อาจจะทำให้ฟิลเลอร์ร่องแก้มเคลื่อนที่ได้ครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก ห้ามดึงหรือปรับทรงจมูกเอง ห้ามบีบจมูก กดจมูก จนกว่าฟิลเลอร์จะเข้าที่ หรือประมาณ 14 วันครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ห้ามนอนคว่ำ หรือมีการรัด กดบริเวณหน้าผาก ห้ามกดสิว หรือถูหน้าผากแรง ๆ
ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร ?
หลังฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว และไม่เกิดอาการแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การอักเสบ บวม การเลือกและเลี่ยงอาหารบางกลุ่มก็มีความสำคัญไม่แพ้กันครับ
อาหารต้องห้าม
- ควรงดรับประทานอาหารเหล่านี้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
- เลี่ยงมื้ออาหารที่อยู่หน้าเตานาน ๆ เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ ครับ
- อาหารที่เผ็ดมาก ๆ แสบร้อนจนหน้าแดง
- อาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารดิบจากร้านอาหารที่ไม่สะอาด เนื่องจากพยาธิบางชนิดจะทำปฏิกิริยากับฟิลเลอร์แล้วเกิดการอักเสบได้
- เลี่ยงอาหารที่หวานจัด ๆ นมวัว เพราะสามารถกระตุ้นกระบวนการอักเสบได้
- ควรงดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด จะทำให้ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
อ่านบทความเพิ่มเติม : หลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง
อาหารแนะนำ
- ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว เช่นไก่ ปลา ไข่ขาว ธัญพืช
- ควรเสริมด้วยผลไม้ ผักใบเขียว แครอท ฟักทอง
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 1.5-2 ลิตรต่อวัน
อาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน และช่วยฟื้นฟูให้แผลจากเข็มหายเร็วขึ้น
หลังฉีดฟิลเลอร์นอนตะแคงได้ไหม ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ ในบางตำแหน่งหมอจะแนะนำว่าไม่ควรนอนตะแคง ใน 2-3 วันแรกหลังฉีดครับ เช่น ฟิลเลอร์ใต้ตา, ฟิลเลอร์คาง,ฟิลเลอร์ขมับ และ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพราะการนอนตะแคง หรือนอนในท่าที่จะกดทับตำแหน่งที่ฉีดอาจจะทำให้เจ็บมากยิ่งขึ้น การเซ็ตตัวของฟิลเลอร์อาจผิดรูปทรงจากที่หมอฉีด แนะนำให้นอนหนุนหมอนสองใบให้หัวสูงกว่าอก เพราะจะช่วยลดอาการบวมได้ครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ออกกำลังกายได้ไหม ?
ในช่วง 3 วันแรก หมอไม่แนะนำครับ เพราะการออกกำลังกายหนัก ๆ จะทำให้หน้าแดง และเลือดสูบฉีด รวมถึงมีเหงื่อออกมาก อาจส่งผลต่อการระคายเคือง อักเสบ บวมแดงมากกว่าปกติครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันกินเหล้าได้ ?
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการกระตุ้นการอักเสบ อาการบวมแดงหายช้า โดยทั่วไปหมอจะแนะนำให้เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 14 วัน แต่หากหลีกเลี่ยงได้ยาก ควรเว้นอย่างน้อย 3 วันหลังฉีดครับ
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ 1 เดือน
- งดการทำทรีตเมนท์ เลเซอร์ร้อน ที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF thermage ควรเว้นอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ
- แนะนำดื่มน้ำมาก ๆ เพราะน้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มน้ำ การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูได้รูป โดยควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตามปกติคือวันละ 1.5-2 ลิตร
รีวิวหลังฉีดฟิลเลอร์
ตัวอย่างรีวิวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา-ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ตัวอย่างรีวิวหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
ตัวอย่างรีวิวหลังฉีดฟิลเลอร์จมูก
ตัวอย่างรีวิวหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ตัวอย่างรีวิวหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์
ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์แท้ และฉีดโดยแพทย์ มักไม่มีปัญหาอะไรที่ต้องกังวลใจครับ ปัญหาที่เกิดส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้หลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติครับ ตัวอย่างเช่น
1. หลังฉีดฟิลเลอร์ มีอาการบวม ต้องทำอย่างไร ?
โดยปกติหลังฉีดฟิลเลอร์จะมีอาการบวมเกิดขึ้น แต่ค่อย ๆ หายบวมประมาณ 4-5 วัน และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเข้าที่ ประมาณ 2-3 สัปดาห์ครับ หากต้องการลดบวม สามารถประคบเย็นได้ โดยขอคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อแนะนำวิธีประคบเย็นอย่างถูกวิธี เพราะหากประคบผิดอาจทำให้เกิดการเสียทรงของฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปได้ครับ รวมถึงถ้ามีอาการปวด ก็สามารถทานยาแก้ปวดได้ตามอาการครับ
2.หลังฉีดฟิลเลอร์ เป็นก้อน ควรทำอย่างไร ?
การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน บวม ผิวไม่เรียบเนียน สามารถเกิดขึ้นได้ หากแพทย์ใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม เพื่อลดปัญหานี้ ควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคและเลือกชนิดของฟิลเลอร์ รวมถึง ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ ต้องเหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ครับ
กรณีที่ฟิลเลอร์เป็นก้อนแล้วต้องการแก้ไข ฟิลเลอร์แท้สามารถฉีดสลายออกได้ครับ สามารถฉีดสลายออกแล้วกลับมาฉีดใหม่กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เข้าใจโครงสร้างสรีรวิทยาของร่างกายมนุษย์ ศิลปะด้านการปรับรูปหน้าเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่พึงพอใจและคุ้มค่าที่สุด
3.หลังฉีดฟิลเลอร์แล้ว เขียวช้ำ ต้องทำอย่างไร ?
หลังการทำหัตถการไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ โบท็อก หรือการฉีดเมโสหน้าใส ก็สามารถเกิดรอยเขียวช้ำได้ครับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเวลาฉีดฟิลเลอร์หรือสารต่าง ๆ เข้าผิว ตัวเข็มจะต้องมีการเสียดสีกับบริเวณใต้ผิวหนัง จึงเกิดอาการบวม รวมถึงรอยเขียวช้ำได้ วิธีดูแลตัวเองในกรณีนี้คือ ควรหลีกเลี่ยงความร้อน ทั้งจากแสงแดด รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ไดร์เป่าผม เลี่ยงการกดทับ เพื่อให้รอยหายได้เร็ว โดยทั่วไปรอยเขียวช้ำจะหายได้เองประมาณ 1 สัปดาห์ครับ
สรุป
ใครที่สนใจการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามคุ้มค่า ไม่เพียงแต่ต้องใส่ใจตั้งแต่การเลือกคลินิก เลือกหมอ เลือกฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสมเท่านั้น แต่การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน
เพราะการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ รู้ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ และวิธีปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้นด้วยครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ