ปัจจุบันเราจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่หันมาฉีดวิตามินผิวกันมากขึ้น เพราะเป็นหนึ่งในวิธีฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสดชื่น ดูสุขภาพดีขึ้นแบบเร่งด่วน ตอบโจทย์สำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พักผ่อนน้อย ป่วยง่าย อ่อนเพลีย ผิวพรรณไม่สดใส ที่สำคัญการฉีดวิตามินผิวราคาไม่แพง และไม่อันตราย หากฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐานก็จะมีความปลอดภัยสูงครับ
สารบัญ ฉีดวิตามินซี
ฉีดวิตามินผิว คืออะไร ?
การฉีดวิตามินผิว หรือ ดริปวิตามินผิว คือการนำวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายมาฉีดเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถนำวิตามินไปใช้ประโยชน์ได้ทันที และรับวิตามินได้มากถึง 90% ซึ่งจะต่างจากการรับประทานวิตามินแบบเม็ด แบบน้ำ แบบผง หรือการรับประทานผัก ผลไม้ที่ต้องผ่านกระบวนการดูดซึมและการย่อยก่อนนำไปใช้ ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินเพียง 50% ครับ
ฉีดวิตามินผิวช่วยเรื่องอะไร ?
- ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่น และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
- ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
- เสริมสร้างการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และชะลอการเกิด (Oxidation) ที่เป็นตัวทำให้เราแก่เร็ว
- กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการหวัด โรคภูมิแพ้
- ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ร่างกายสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย
- เพิ่มความแข็งแรงให้ผิวไม่ให้เสื่อมโทรม
วิตามินผิว มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?
ส่วนผสมของวิตามินผิวส่วนใหญ่จะสกัดวิตามินเข้มข้นครับ ตัวยาที่ออกฤทธิ์หลัก ๆ คือ วิตามินซี (Vitamin C) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) เป็นหนึ่งในวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ และซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระดูก ฟัน และผิวหนัง
ส่วนประกอบของวิตามินผิว อื่น ๆ เช่น
Vit B : ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะระบบประสาทและสมอง
NAC : ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ต้านสารอนุมูลอิสระ
Amino : ช่วยสังเคราะห์โปรตีน เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บหรือฉีกขาด
Antioxidant : เช่น วิตามินเอ ซี อี, แอสตาแซนทีน, กรดแอลฟาไลโปอิก, ไลโคปีน ช่วยทำลายอนุมูลอิสระชะลอการแก่ชรา ลดอาการอัลไซเมอร์ ลดระดับคอเรสเตอรอล
Collagen : ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น ลดความหยาบกร้าน และเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว
ข้อควรรู้ : คนที่มีโรคประจำตัวหรือคนที่กินวิตามินเสริมอยู่แล้ว ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบถึงยาและอาหารเสริมก่อนฉีด เพราะอาหารเสริมบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่ได้
ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม มีสาเหตุจากอะไร ?
- แสงแดดและมลภาวะ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หน้าโทรม หมองคล้ำ โดยเฉพาะรังสียูวีบี (UVB) จะส่งผลให้เกิด ผิวไหม้แดด ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวเสียสมดุล หน้าโทรมเร็ว มีความหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย นำไปสู่ปัญหาหน้าแก่กว่าวัย
- นอนดึก พักผ่อนน้อย ในช่วงเวลาที่เราหลับสนิท ตั้งแต่ 22.00-02.00 น. ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมร่างกาย หากนอนดึก เลยเวลาที่ฮอร์โมนทำงาน จะส่งผลให้ผิวไม่ได้รับการฟื้นฟูตามที่ควรจะเป็น หน้าดูโทรม หน้าหมองคล้ำ ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ ดูแก่กว่าวัย
- ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อร่างกาย อาจทำให้เลือดมีความหนืดและข้นขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการไหลเวียนของเลือด เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ผิวพรรณไม่สดใส และเสี่ยงต่อโรคอ้วน นิ่วในไต ท้องผูก ฯลฯ
- ความเครียด จะส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้เกิดการอุดตัน เป็นสาเหตุของการเกิดสิว หน้าหมอง หน้าโทรมได้ง่าย
- แอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ มีผลทำให้ผิวเหี่ยว ดูโทรม หน้าแก่กว่าวัย เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ และสารนิโคตินในบุหรี่ส่งผลต่อน้ำหล่อเลี้ยงในผิว ทำลายคอลลาเจน มีการผลิตสารอนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวแห้งเหี่ยวเกิดริ้วรอยได้ง่าย
วิธีการดูแลผิวให้ดีมีอะไรบ้าง ?
- บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยเน้นครีม หรือสกินแคร์ Moisturizing Cream ที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) และ Ceramides เพื่อเสริมสร้างปราการผิวที่อ่อนแอให้แข็งแรงมากขึ้น ป้องกันผิวโทรม ผิวคล้ำเสียจากแสงแดดได้ครับ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย เพื่อป้องกันผิวสูญเสียน้ำจากแสงแดด รวมถึงลดการอักเสบของผิว ช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ โดยเลือกกันแดดที่มีค่า spf ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน
- ฉีดวิตามินบำรุงผิว เพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง ดูสดใสขึ้นแบบเร่งด่วน
ฉีดวิตามินผิวอันตรายไหม ?
การฉีดวิตามินผิวไม่อันตรายครับ เนื่องจากตัวยาที่ออกฤทธิ์หลัก จะเป็นวิตามินซีที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างคอลลาเจน บำรุงผิวพรรณให้ดูกระจ่างใส และช่วยให้ร่างกายสดชื่น ป้องกันหวัด ป้องกันแสงแดดได้
การฉีดวิตามินผิวที่อันตราย ส่วนใหญ่จะเกิดจากการไปฉีดวิตามินผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน บางคลินิกนำสาร กลูตาไธโอน (Glutathione) มาฉีดให้คนไข้โดยตรง เพื่อให้เห็นผลรวดเร็ว แต่ตัวยาดังกล่าวยังไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. ครับ ซึ่งการฉีดยาเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเส้นเลือดดำโดยตรงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงคือมีอาการแพ้และเป็นผื่นได้ ทางที่ดีควรเลือกคลินิกฉีดวิตามินผิวที่น่าเชื่อถือที่ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีมาตรฐานและใช้ของแท้ที่ปลอดภัยเท่านั้นครับ
ฉีดวิตามินผิวดีไหม ?
คนที่ได้รับวิตามินไม่เพียงพอต่อร่างกาย ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ต้องการฟื้นฟูสภาพร่างกายหรือบำรุงผิวพรรณแบบเร่งด่วน การฉีดวิตามินผิวผ่านเส้นเลือดถือว่าตอบโจทย์มากครับ เพราะร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ทันที เหมือนเป็นการบูสต์ผิวเร่งด่วน เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการรับวิตามินด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
ฉีดวิตามินผิวเหมาะกับใคร ?
- คนที่ต้องการฟื้นฟูร่างกาย และสภาพผิวหมองคล้ำให้ดูสดใสขึ้นอย่างเร่งด่วน
- คนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย หรือมีอาการเมาค้าง เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย
- คนที่ขี้เกียจทาครีม และต้องการผลที่ไวกว่า
- คนที่มีผิวคล้ำเสีย ไม่สดใส ผิวแห้งกร้าน
- คนที่ระบบภูมิต้านทำงานบกพร่อง เป็นหวัด โรคภูมิแพ้
- คนที่มีปัญหาริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่เกิดจากรังสี UVA และ UVB หรือในผู้ที่มีฝ้า กระ เนื่องจากฮอร์โมนผิดปกติในบางราย
- คนที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
ฉีดวิตามินผิวไม่เหมาะกับใคร ?
- หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- คนไข้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ, ไต, เบาหวาน, โรคลมชัก, มีเชื้อ HIV
- คนไข้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์
- คนไข้ที่มีภาวะเหล็กเกิน
- คนไข้ที่เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
- คนที่ที่รับทานยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยารักษาโรคหัวใจ
- คนที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี
ฉีดวิตามินผิว กับกินวิตามิน ให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร ?
ฉีดวิตามินผิว กับกินวิตามิน ให้ผลลัพธ์ต่างกันครับ การฉีดวิตามินผิว ตัวยาจะดูดซึมไว ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที และได้รับวิตามินมากถึง 90% (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) ส่วนการกินวิตามินผิว ตัวยาจะถูกดูดซึมผ่านตับและกระบวนการย่อย ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินเพียง 20-50% และต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือนถึงจะเห็นผล จึงทำให้การฉีดวิตามินผิวเป็นที่นิยมกว่าครับ
วิตามินผิวมีวิธีการฉีดกี่แบบ ?
การฉีดวิตามินผิวที่นิยมปัจจุบันจะมี 2 รูปแบบครับ คือการฉีดวิตามินผิวแบบเข็มไซริงค์ และการฉีดวิตามินผิว เข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อพับ/หลังมือเหมือนการให้น้ำเกลือ ซึ่งทั้ง 2 แบบจะต่างกันดังนี้
การฉีดวิตามินผิวแบบเข็มไซริงค์
การฉีดวิตามินผิวแบบเข็มไซริงค์ สามารถฉีดได้ทั้งบริเวณใบหน้าและฉีดเข้าสู่เส้นเลือดครับ การฉีดวิตามิน บริเวณใบหน้า เราจะเรียกว่าการฉีดเมโสหน้าใส ที่เป็นการฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวชั้นกลางด้วยเทคนิคการฝังเข็ม 16 จุดทั่วใบหน้า เพื่อให้ตัวยาเข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง ทำให้ผิวขับล้างสารพิษออกทางระบบน้ำเหลือง และกระจายสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่ผิว ทำให้เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการบำรุงแบบทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าแบบเร่งด่วน
ฉีดวิตามินผิวเข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อพับ/หลังมือ
การฉีดวิตามินผิวเข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อพับ/หลังมือ เป็นการฉีดวิตามินซีทางสายน้ำเกลือ โดยจะนำวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มาผสมกันในปริมาณที่เหมาะสม แล้วนำมาฉีดเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง วิตามินจะส่งตรงเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว และนำไปใช้ได้ทันที
ฉีดวิตามินผิวได้ตั้งแต่อายุเท่าไร ?
เราสามารถฉีดวิตามินผิวได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไปครับ โดยสามารถเน้นการฉีดวิตามินที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด หรือช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่น และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อป้องกันปัญหาริ้วรอย หรือปัญหาผิวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครับ
วิตามินผิว มีกี่สูตร ?
ที่ V Square Clinic จะมีวิตามินผิวใสให้เลือกสูตรเดียวครับ ซึ่งทางคลินิกจะเลือกใช้ตัวยาล้วน ๆ ไม่มีผสมน้ำเกลือ
วิตามินผิวใส สูตร aura white (VitC megadose + vit Bรวม + glutamine + amino + nac รวม 50 cc) ช่วยลดการเกิดขึ้นของเม็ดสีเมลานิน แก้ปัญหาจุดด่างดำ เมื่อได้รับวิตามินอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ผิวดูขาวมากขึ้นกว่าผิวเดิมแบบสังเกตได้
ส่วนสูตรวิตามินผิวหน้า (เมโสหน้าใส) ที่ V Square Clinic มีหลายสูตรให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับปัญหาผิว ดังนี้ครับ
- Made Collagen เน้นลดสิว ผดผื่น ขับสารพิษ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- Filorga (Revs/NCFS) เน้นผิวขาวใส ลดฝ้า เติมความชุ่มชื้น ช่วยบำรุงผิวแบบ premium
- Tensonez / Neo-Glutanex Glow ลดปัญหาฝ้าบนใบหน้า ให้หน้าขาวใส
- Alpha arbutin เน้นลดฝ้าโดยตรง
- Cytocare เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น ผิวดูเรียบเนียน อิ่มฟู กระจ่างใส
- Rejuran เน้นฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพให้ดูสุขภาพดี มีความเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์
วิตามินฉีดผิวตัวไหนดีที่เห็นผล เหมาะกับสภาพผิว ? เนื่องจากสูตรวิตามินผิวและเมโสหน้าใสมีหลายสูตร แต่ละสูตรจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนเลือกฉีดวิตามินซีฉีดผิวยี่ห้อไหนดี คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินปัญหาผิวหน้า และเลือกสูตรวิตามินผิวที่เหมาะสมครับ
การเตรียมตัวก่อนฉีดวิตามินผิว
การเตรียมตัวก่อนฉีดวิตามินผิว ไม่ได้ยุ่งยากครับ เหมือนการทำทรีทเมนต์ผิวทั่วไป หลัก ๆ หมอแนะนำข้อปฏิบัติตัวดังนี้ครับ
- ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ เทคนิคในการฉีดวิตามินผิว รวมไปถึงวิธีการสังเกตยี่ห้อวิตามินผิวของแท้ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า
- งดยาหรือวิตามินที่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. John’s Wort, ginkgo biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ
- ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ
ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีดวิตามินผิว
- พยายามเลี่ยงแสงแดด หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป
- เลี่ยงการนวดผิวบริเวณที่ฉีด ไม่ควรเช็ดถูหรือเกา
- หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
- ดื่มน้ำ 1-2.5 ลิตร/วัน เพื่อช่วยบำรุงผิวใสจากภายใน ดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย
- หากมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีดมากกว่า 1-2 วัน ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเบื้องต้นและรักษาตามอาการ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้วิตามินทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังส่งผลให้ผิวคล้ำเสีย และหมองคล้ำ มีริ้วรอยมากยิ่งขึ้น
ฉีดวิตามินผิวมีผลข้างเคียงไหม ?
การให้วิตามินผิวด้วยวิธีการฉีดวิตามินซีทางสายน้ำเกลือ ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายครับ เพราะตัวยาเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนจากการรับประทานมาเป็นการฉีดเข้าร่างกายโดยตรง
ในกรณีที่ฉีดวิตามินผิวแล้วมีผลข้างเคียง ส่วนใหญ่จะเกิดจากคนไข้ฉีดกับบุคคลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ตัวยาไม่มีคุณภาพ ฉีดโดยหมอกระเป๋า ที่ไม่รู้เทคนิคการฉีด ใช้บริการฉีดวิตามินผิวตามบ้านที่มักผสมสูตรยาเอง หรือที่เราเรียกว่า ค็อกเทล (Cocktail) กรณีนี้อันตรายแน่นอนครับ เพราะตัวยาไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน ร่วมกับมีขั้นตอนหรืออุปกรณ์ไม่สะอาด ก็อาจทำให้อักเสบติดเชื้อในกระแสเลือด ถึงแก่ชีวิตได้ครับ ในกรณีไม่ร้ายแรง คืออาจมีอาการแพ้เป็นผื่นแดง จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา
ฉีดวิตามินผิวอยู่ได้นานไหม ?
หลังฉีดวิตามินผิว ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือนครับ แต่หากคนไข้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ทำร้ายผิว เช่น การตากแดดจัด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ผลลัพธ์ก็จะอยู่ได้นานขึ้น
ฉีดวิตามินผิวเจ็บไหม ?
ฉีดวิตามินผิว ไม่เจ็บครับ เหมือนการฉีดวัคซีนทั่วไป ก่อนฉีดจึงไม่จำเป็นต้องแปะยาชา
ฉีดวิตามินผิวราคาเท่าไร ?
สำหรับสูตรวิตามินผิวใสที่ V Square Clinic เลือกใช้ตัวยาล้วนๆ ไม่มีผสมน้ำเกลือครับ
สูตร Skin Glow ขาวใส แบบธรรมชาติ เสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันแสงแดด ลดความหมองคล้ำ มีส่วนผสม Glutamine และ สูตร White Rediance
- ครั้งละ 1,500.-
- คอร์ส 5 ครั้ง 6,000.- จาก 7,500.-
- เฉลี่ย 1,200.-/ครั้ง
สูตร White Rediance ขาวใส +10-20% ลดการทำงานเม็ดสี ป้องกันฝ้า มีส่วนผสม Glutamine, NAC
- ครั้งละ 2,500.-
- คอร์ส 6 ครั้ง 9,900.- จาก 15,000.-
- เฉลี่ย 1,650.-/ครั้ง
ฉีดวิตามินผิวที่ไหนดี ?
- ควรฉีดวิตามินผิวกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาดและปลอดภัย เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง
- ควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เนื่องจากการฉีดวิตามินผิวเป็นการฉีดเข้าเส้นเลือดดำที่ต้องให้ความสำคัญกับปลอดภัย และสามารถเลือกสูตรวิตามินได้อย่างถูกต้อง พร้อมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
- ใช้วิตามินแท้ มีคุณภาพ และสามารถตรวจสอบได้
- มีริวิวจากผู้ใช้บริการจริง ซึ่งถ้ามีแบบวิดีโอจะดีมาก เพราะทางคลินิกจะตกแต่งและตัดต่อได้ยากครับ หรือดูจาก Feedback ที่คนไข้มารีวิว เพราะถ้าหากคนไข้มารีวิวแล้วทางคลินิกจะไม่สามารถลบออกได้
วิตามินผิวฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล
การฉีดวิตามินผิว สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากใครที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น หมอแนะนำว่าควรฉีด 5-10 ครั้งติดต่อกัน ฉีดต่อเนื่องทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้งครับ
ถ้าหยุดฉีดวิตามินผิวจะเป็นอย่างไร ?
หลังจากฉีดวิตามินผิวมาแล้ว หลายคนกลัวว่าถ้าหยุดฉีดแล้วผิวจะกลับมาคล้ำขึ้น อาจจะไม่เป็นความจริงทั้งหมดครับ เพราะการฉีดวิตามินผิวจะเป็นการบำรุงผิวจากภายใน หากหยุดฉีดผิวจึงไม่แย่ลงจากเดิม ถ้าอยากคงสภาพผิวไว้ สามารถกลับมาฉีดวิตามินผิวได้เรื่อย ๆ ครับ
สรุป
การฉีดวิตามินผิว เป็นวิธีที่ช่วยทำให้เราได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกายมากขึ้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง และต้องการฟื้นฟูร่างกายในระยะอันเร่งด่วน แต่ก่อนตัดสินใจฉีดวิตามินผิวคนไข้ควรศึกษาข้อมูลความเสี่ยงให้ดี และเลือกฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ของแท้เท่านั้น ก็จะช่วยให้เรามั่นใจในความปลอดภัยได้ครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ