ฉีดวิตามินผิว ดีอย่างไร ? อันตรายไหม ? เริ่มฉีดวิตามินผิวได้ตั้งแต่อายุเท่าไร่ ?

Categories
vitamin
ฉีดวิตามินผิว

ปัจจุบันเราจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่หันมาฉีดวิตามินผิวกันมากขึ้น เพราะเป็นหนึ่งในวิธีฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสดชื่น ดูสุขภาพดีขึ้นแบบเร่งด่วน ตอบโจทย์สำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พักผ่อนน้อย ป่วยง่าย อ่อนเพลีย ผิวพรรณไม่สดใส ที่สำคัญการฉีดวิตามินผิวราคาไม่แพง และไม่อันตราย หากฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐานก็จะมีความปลอดภัยสูงครับ

สารบัญ ฉีดวิตามินซี

  1. ฉีดวิตามินผิว คืออะไร ?
  2. ฉีดวิตามินผิวช่วยเรื่องอะไร ?
  3. วิตามินผิว มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?
  4. ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม มีสาเหตุจากอะไร ?
  5. วิธีการดูแลผิวให้ดีมีอะไรบ้าง ?
  6. ฉีดวิตามินผิวอันตรายไหม ?
  7. ฉีดวิตามินผิวดีไหม ?
  8. ฉีดวิตามินผิวเหมาะกับใคร ?
  9. ฉีดวิตามินผิวไม่เหมาะกับใคร ?
  10. ฉีดวิตามินผิว กับกินวิตามิน ให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร ?
  11. วิตามินผิวมีวิธีการฉีดกี่แบบ ?
  12. ฉีดวิตามินผิวได้ตั้งแต่อายุเท่าไร ?
  13. วิตามินผิว มีกี่สูตร ?
  14. การเตรียมตัวก่อนฉีดวิตามินผิว
  15. ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีดวิตามินผิว
  16. ฉีดวิตามินผิวมีผลข้างเคียงไหม ?
  17. ฉีดวิตามินผิวอยู่ได้นานไหม ?
  18. ฉีดวิตามินผิวเจ็บไหม ?
  19. ฉีดวิตามินผิวราคาเท่าไร ?
  20. ฉีดวิตามินผิวที่ไหนดี ?
  21. วิตามินผิวฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล
  22. ถ้าหยุดฉีดวิตามินผิวจะเป็นอย่างไร ?

ฉีดวิตามินผิว คืออะไร ?

ฉีดวิตามินผิว คืออะไร

การฉีดวิตามินผิว หรือ ดริปวิตามินผิว คือการนำวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายมาฉีดเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถนำวิตามินไปใช้ประโยชน์ได้ทันที และรับวิตามินได้มากถึง 90% ซึ่งจะต่างจากการรับประทานวิตามินแบบเม็ด แบบน้ำ แบบผง หรือการรับประทานผัก ผลไม้ที่ต้องผ่านกระบวนการดูดซึมและการย่อยก่อนนำไปใช้ ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินเพียง 50% ครับ


ฉีดวิตามินผิวช่วยเรื่องอะไร ?

ฉีดวิตามินผิวช่วยเรื่องอะไร คุณต่าย
  • ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่น และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
  • ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
  • เสริมสร้างการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และชะลอการเกิด (Oxidation) ที่เป็นตัวทำให้เราแก่เร็ว 
  • กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการหวัด โรคภูมิแพ้
  • ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ร่างกายสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย
  • เพิ่มความแข็งแรงให้ผิวไม่ให้เสื่อมโทรม

วิตามินผิว มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?

วิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย

ส่วนผสมของวิตามินผิวส่วนใหญ่จะสกัดวิตามินเข้มข้นครับ ตัวยาที่ออกฤทธิ์หลัก ๆ คือ วิตามินซี (Vitamin C) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) เป็นหนึ่งในวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ และซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระดูก ฟัน และผิวหนัง

ส่วนประกอบของวิตามินผิว อื่น ๆ เช่น

Vit B :  ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะระบบประสาทและสมอง

NAC : ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ต้านสารอนุมูลอิสระ

Amino : ช่วยสังเคราะห์โปรตีน เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บหรือฉีกขาด

Antioxidant : เช่น วิตามินเอ ซี อี, แอสตาแซนทีน, กรดแอลฟาไลโปอิก, ไลโคปีน ช่วยทำลายอนุมูลอิสระชะลอการแก่ชรา ลดอาการอัลไซเมอร์ ลดระดับคอเรสเตอรอล

Collagen : ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น ลดความหยาบกร้าน และเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว 

Vsquare tips

ข้อควรรู้ : คนที่มีโรคประจำตัวหรือคนที่กินวิตามินเสริมอยู่แล้ว ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบถึงยาและอาหารเสริมก่อนฉีด เพราะอาหารเสริมบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่ได้


ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม มีสาเหตุจากอะไร ? 

ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม มีสาเหตุจากอะไร
  • แสงแดดและมลภาวะ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หน้าโทรม หมองคล้ำ โดยเฉพาะรังสียูวีบี (UVB) จะส่งผลให้เกิด ผิวไหม้แดด ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวเสียสมดุล หน้าโทรมเร็ว มีความหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย นำไปสู่ปัญหาหน้าแก่กว่าวัย
  • นอนดึก พักผ่อนน้อย ในช่วงเวลาที่เราหลับสนิท ตั้งแต่ 22.00-02.00 น. ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมร่างกาย หากนอนดึก เลยเวลาที่ฮอร์โมนทำงาน จะส่งผลให้ผิวไม่ได้รับการฟื้นฟูตามที่ควรจะเป็น หน้าดูโทรม หน้าหมองคล้ำ ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ ดูแก่กว่าวัย
  • ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อร่างกาย  อาจทำให้เลือดมีความหนืดและข้นขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการไหลเวียนของเลือด เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ผิวพรรณไม่สดใส และเสี่ยงต่อโรคอ้วน นิ่วในไต ท้องผูก ฯลฯ 
  • ความเครียด จะส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้เกิดการอุดตัน เป็นสาเหตุของการเกิดสิว หน้าหมอง หน้าโทรมได้ง่าย
  • แอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ มีผลทำให้ผิวเหี่ยว ดูโทรม หน้าแก่กว่าวัย เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ และสารนิโคตินในบุหรี่ส่งผลต่อน้ำหล่อเลี้ยงในผิว ทำลายคอลลาเจน มีการผลิตสารอนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวแห้งเหี่ยวเกิดริ้วรอยได้ง่าย

วิธีการดูแลผิวให้ดีมีอะไรบ้าง ?

วิธีการดูแลผิวให้ดี
  • บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยเน้นครีม หรือสกินแคร์ Moisturizing Cream ที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) และ Ceramides เพื่อเสริมสร้างปราการผิวที่อ่อนแอให้แข็งแรงมากขึ้น ป้องกันผิวโทรม ผิวคล้ำเสียจากแสงแดดได้ครับ 
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย เพื่อป้องกันผิวสูญเสียน้ำจากแสงแดด รวมถึงลดการอักเสบของผิว ช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำ โดยเลือกกันแดดที่มีค่า spf ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน 
  • ฉีดวิตามินบำรุงผิว เพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง ดูสดใสขึ้นแบบเร่งด่วน

ฉีดวิตามินผิวอันตรายไหม ?

การฉีดวิตามินผิวไม่อันตรายครับ เนื่องจากตัวยาที่ออกฤทธิ์หลัก จะเป็นวิตามินซีที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างคอลลาเจน บำรุงผิวพรรณให้ดูกระจ่างใส และช่วยให้ร่างกายสดชื่น ป้องกันหวัด ป้องกันแสงแดดได้

การฉีดวิตามินผิวที่อันตราย ส่วนใหญ่จะเกิดจากการไปฉีดวิตามินผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน บางคลินิกนำสาร กลูตาไธโอน (Glutathione) มาฉีดให้คนไข้โดยตรง เพื่อให้เห็นผลรวดเร็ว แต่ตัวยาดังกล่าวยังไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. ครับ ซึ่งการฉีดยาเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเส้นเลือดดำโดยตรงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงคือมีอาการแพ้และเป็นผื่นได้ ทางที่ดีควรเลือกคลินิกฉีดวิตามินผิวที่น่าเชื่อถือที่ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีมาตรฐานและใช้ของแท้ที่ปลอดภัยเท่านั้นครับ


ฉีดวิตามินผิวดีไหม ?

คนที่ได้รับวิตามินไม่เพียงพอต่อร่างกาย ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ต้องการฟื้นฟูสภาพร่างกายหรือบำรุงผิวพรรณแบบเร่งด่วน การฉีดวิตามินผิวผ่านเส้นเลือดถือว่าตอบโจทย์มากครับ เพราะร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ทันที เหมือนเป็นการบูสต์ผิวเร่งด่วน เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการรับวิตามินด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน


ฉีดวิตามินผิวเหมาะกับใคร ?

  • คนที่ต้องการฟื้นฟูร่างกาย และสภาพผิวหมองคล้ำให้ดูสดใสขึ้นอย่างเร่งด่วน
  • คนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย หรือมีอาการเมาค้าง เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย
  • คนที่ขี้เกียจทาครีม และต้องการผลที่ไวกว่า
  • คนที่มีผิวคล้ำเสีย ไม่สดใส ผิวแห้งกร้าน
  • คนที่ระบบภูมิต้านทำงานบกพร่อง เป็นหวัด โรคภูมิแพ้
  • คนที่มีปัญหาริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่เกิดจากรังสี UVA และ UVB หรือในผู้ที่มีฝ้า กระ เนื่องจากฮอร์โมนผิดปกติในบางราย
  • คนที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง

ฉีดวิตามินผิวไม่เหมาะกับใคร ?

ฉีดวิตามินผิวไม่เหมาะกับใคร
  • หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
  • คนไข้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ, ไต, เบาหวาน, โรคลมชัก, มีเชื้อ HIV
  • คนไข้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์
  • คนไข้ที่มีภาวะเหล็กเกิน
  • คนไข้ที่เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
  • คนที่ที่รับทานยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยารักษาโรคหัวใจ
  • คนที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี

ฉีดวิตามินผิว กับกินวิตามิน ให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร ?

ฉีดวิตามินผิว กับกินวิตามิน ให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร

ฉีดวิตามินผิว กับกินวิตามิน ให้ผลลัพธ์ต่างกันครับ การฉีดวิตามินผิว ตัวยาจะดูดซึมไว ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที และได้รับวิตามินมากถึง 90% (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) ส่วนการกินวิตามินผิว ตัวยาจะถูกดูดซึมผ่านตับและกระบวนการย่อย ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินเพียง 20-50% และต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือนถึงจะเห็นผล จึงทำให้การฉีดวิตามินผิวเป็นที่นิยมกว่าครับ


วิตามินผิวมีวิธีการฉีดกี่แบบ ?

การฉีดวิตามินผิวที่นิยมปัจจุบันจะมี 2 รูปแบบครับ คือการฉีดวิตามินผิวแบบเข็มไซริงค์ และการฉีดวิตามินผิว เข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อพับ/หลังมือเหมือนการให้น้ำเกลือ ซึ่งทั้ง 2 แบบจะต่างกันดังนี้

การฉีดวิตามินผิวแบบเข็มไซริงค์

การฉีดวิตามินผิวแบบเข็มไซริงค์ สามารถฉีดได้ทั้งบริเวณใบหน้าและฉีดเข้าสู่เส้นเลือดครับ การฉีดวิตามิน บริเวณใบหน้า เราจะเรียกว่าการฉีดเมโสหน้าใส ที่เป็นการฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวชั้นกลางด้วยเทคนิคการฝังเข็ม 16 จุดทั่วใบหน้า เพื่อให้ตัวยาเข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง ทำให้ผิวขับล้างสารพิษออกทางระบบน้ำเหลือง และกระจายสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่ผิว ทำให้เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการบำรุงแบบทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าแบบเร่งด่วน

ฉีดวิตามินผิวเข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อพับ/หลังมือ

การฉีดวิตามินผิวเข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อพับ/หลังมือ เป็นการฉีดวิตามินซีทางสายน้ำเกลือ โดยจะนำวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มาผสมกันในปริมาณที่เหมาะสม แล้วนำมาฉีดเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง วิตามินจะส่งตรงเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว และนำไปใช้ได้ทันที


ฉีดวิตามินผิวได้ตั้งแต่อายุเท่าไร ?

เราสามารถฉีดวิตามินผิวได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไปครับ โดยสามารถเน้นการฉีดวิตามินที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด หรือช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่น และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อป้องกันปัญหาริ้วรอย หรือปัญหาผิวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครับ


วิตามินผิว มีกี่สูตร ?

ที่ V Square Clinic จะมีวิตามินผิวใสให้เลือกสูตรเดียวครับ ซึ่งทางคลินิกจะเลือกใช้ตัวยาล้วน ๆ ไม่มีผสมน้ำเกลือ

วิตามินผิวใส สูตร aura white (VitC megadose + vit Bรวม + glutamine + amino + nac รวม 50 cc) ช่วยลดการเกิดขึ้นของเม็ดสีเมลานิน แก้ปัญหาจุดด่างดำ เมื่อได้รับวิตามินอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ผิวดูขาวมากขึ้นกว่าผิวเดิมแบบสังเกตได้

ส่วนสูตรวิตามินผิวหน้า (เมโสหน้าใส) ที่ V Square Clinic มีหลายสูตรให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับปัญหาผิว ดังนี้ครับ

  • Made Collagen เน้นลดสิว ผดผื่น ขับสารพิษ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • Filorga (Revs/NCFS)  เน้นผิวขาวใส ลดฝ้า เติมความชุ่มชื้น ช่วยบำรุงผิวแบบ premium
  • Tensonez / Neo-Glutanex Glow  ลดปัญหาฝ้าบนใบหน้า ให้หน้าขาวใส
  • Alpha arbutin  เน้นลดฝ้าโดยตรง
  • Cytocare เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น ผิวดูเรียบเนียน อิ่มฟู กระจ่างใส
  • Rejuran เน้นฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพให้ดูสุขภาพดี มีความเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์

วิตามินฉีดผิวตัวไหนดีที่เห็นผล เหมาะกับสภาพผิว ? เนื่องจากสูตรวิตามินผิวและเมโสหน้าใสมีหลายสูตร แต่ละสูตรจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนเลือกฉีดวิตามินซีฉีดผิวยี่ห้อไหนดี คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินปัญหาผิวหน้า และเลือกสูตรวิตามินผิวที่เหมาะสมครับ


การเตรียมตัวก่อนฉีดวิตามินผิว

การเตรียมตัวก่อนฉีดวิตามินผิว ไม่ได้ยุ่งยากครับ เหมือนการทำทรีทเมนต์ผิวทั่วไป หลัก ๆ หมอแนะนำข้อปฏิบัติตัวดังนี้ครับ 

  • ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ เทคนิคในการฉีดวิตามินผิว รวมไปถึงวิธีการสังเกตยี่ห้อวิตามินผิวของแท้ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า
  • งดยาหรือวิตามินที่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. John’s Wort, ginkgo biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ
  • ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ

ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีดวิตามินผิว

  • พยายามเลี่ยงแสงแดด หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป
  • เลี่ยงการนวดผิวบริเวณที่ฉีด ไม่ควรเช็ดถูหรือเกา
  • หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
  • ดื่มน้ำ 1-2.5 ลิตร/วัน เพื่อช่วยบำรุงผิวใสจากภายใน ดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย
  • หากมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีดมากกว่า 1-2 วัน ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเบื้องต้นและรักษาตามอาการ
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้วิตามินทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังส่งผลให้ผิวคล้ำเสีย และหมองคล้ำ มีริ้วรอยมากยิ่งขึ้น

ฉีดวิตามินผิวมีผลข้างเคียงไหม ?

การให้วิตามินผิวด้วยวิธีการฉีดวิตามินซีทางสายน้ำเกลือ ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายครับ เพราะตัวยาเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนจากการรับประทานมาเป็นการฉีดเข้าร่างกายโดยตรง 

ในกรณีที่ฉีดวิตามินผิวแล้วมีผลข้างเคียง ส่วนใหญ่จะเกิดจากคนไข้ฉีดกับบุคคลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ตัวยาไม่มีคุณภาพ ฉีดโดยหมอกระเป๋า ที่ไม่รู้เทคนิคการฉีด ใช้บริการฉีดวิตามินผิวตามบ้านที่มักผสมสูตรยาเอง หรือที่เราเรียกว่า ค็อกเทล (Cocktail) กรณีนี้อันตรายแน่นอนครับ เพราะตัวยาไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน ร่วมกับมีขั้นตอนหรืออุปกรณ์ไม่สะอาด ก็อาจทำให้อักเสบติดเชื้อในกระแสเลือด ถึงแก่ชีวิตได้ครับ ในกรณีไม่ร้ายแรง คืออาจมีอาการแพ้เป็นผื่นแดง จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา


ฉีดวิตามินผิวอยู่ได้นานไหม ?

หลังฉีดวิตามินผิว ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือนครับ แต่หากคนไข้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ทำร้ายผิว เช่น การตากแดดจัด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ผลลัพธ์ก็จะอยู่ได้นานขึ้น


ฉีดวิตามินผิวเจ็บไหม ?

ฉีดวิตามินผิว ไม่เจ็บครับ เหมือนการฉีดวัคซีนทั่วไป ก่อนฉีดจึงไม่จำเป็นต้องแปะยาชา 


ฉีดวิตามินผิวราคาเท่าไร ?

Landingpage_วิตามินผิว_2024_V.3

สำหรับสูตรวิตามินผิวใสที่ V Square Clinic เลือกใช้ตัวยาล้วนๆ ไม่มีผสมน้ำเกลือครับ

สูตร Skin Glow ขาวใส แบบธรรมชาติ เสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันแสงแดด ลดความหมองคล้ำ มีส่วนผสม Glutamine และ สูตร White Rediance

  • ครั้งละ 1,500.-
  • คอร์ส 5 ครั้ง 6,000.- จาก 7,500.-
  • เฉลี่ย 1,200.-/ครั้ง

สูตร White Rediance ขาวใส +10-20% ลดการทำงานเม็ดสี ป้องกันฝ้า  มีส่วนผสม Glutamine, NAC

  • ครั้งละ 2,500.-
  • คอร์ส 6 ครั้ง 9,900.- จาก 15,000.-
  • เฉลี่ย 1,650.-/ครั้ง

ฉีดวิตามินผิวที่ไหนดี ?

ฉีดวิตามินผิวที่ไหนดี
  • ควรฉีดวิตามินผิวกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาดและปลอดภัย เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง 
  • ควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เนื่องจากการฉีดวิตามินผิวเป็นการฉีดเข้าเส้นเลือดดำที่ต้องให้ความสำคัญกับปลอดภัย และสามารถเลือกสูตรวิตามินได้อย่างถูกต้อง พร้อมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด 
  • ใช้วิตามินแท้ มีคุณภาพ และสามารถตรวจสอบได้ 
  • มีริวิวจากผู้ใช้บริการจริง ซึ่งถ้ามีแบบวิดีโอจะดีมาก เพราะทางคลินิกจะตกแต่งและตัดต่อได้ยากครับ หรือดูจาก Feedback ที่คนไข้มารีวิว เพราะถ้าหากคนไข้มารีวิวแล้วทางคลินิกจะไม่สามารถลบออกได้

วิตามินผิวฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล

การฉีดวิตามินผิว สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากใครที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น หมอแนะนำว่าควรฉีด 5-10 ครั้งติดต่อกัน ฉีดต่อเนื่องทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้งครับ


ถ้าหยุดฉีดวิตามินผิวจะเป็นอย่างไร ?

หลังจากฉีดวิตามินผิวมาแล้ว หลายคนกลัวว่าถ้าหยุดฉีดแล้วผิวจะกลับมาคล้ำขึ้น อาจจะไม่เป็นความจริงทั้งหมดครับ เพราะการฉีดวิตามินผิวจะเป็นการบำรุงผิวจากภายใน หากหยุดฉีดผิวจึงไม่แย่ลงจากเดิม ถ้าอยากคงสภาพผิวไว้ สามารถกลับมาฉีดวิตามินผิวได้เรื่อย ๆ ครับ


สรุป

การฉีดวิตามินผิว เป็นวิธีที่ช่วยทำให้เราได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกายมากขึ้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง และต้องการฟื้นฟูร่างกายในระยะอันเร่งด่วน แต่ก่อนตัดสินใจฉีดวิตามินผิวคนไข้ควรศึกษาข้อมูลความเสี่ยงให้ดี และเลือกฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ของแท้เท่านั้น ก็จะช่วยให้เรามั่นใจในความปลอดภัยได้ครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ40คน